NEWS FROM TEDDY BEAR’S HOME
สวัสดีค่ะ คุณแม่หมีของหนู
คุณแม่หมีเป็นอย่างไรบ้างคะ
สบายดีหรือเปล่า หนูกับพ่อหมีสบายดีค่ะ ทั้งหนูกับพ่อหมีคิดถึงคุณแม่หมีมาก ๆ เลย
คุณแม่หมีไปขายตัวสนุกดีไหมคะ ได้ลูกค้าเยอะหรือเปล่า เจอลูกค้าหนุ่ม ๆ หล่อ ๆ บ่อยไหมคะ
คุณแม่หมีอย่าลืมเขียนจดหมายตอบกลับมาหาหนูกับพ่อหมีบ่อย ๆ นะคะ นี่หนูก็ไม่รู้เหมือนกันว่า
กว่าจดหมายของหนูจะไปถึงมือของแม่หมีจะต้องใช้เวลานานกี่วัน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ทางองค์การโทรศัพท์จะติดตั้งวางสายโทรศัพท์เข้ามาถึงหมู่บ้านของพวกเราอย่างแพร่หลาย
นี่จะต้องรออีก 2-3 ปีจนกว่าจะถึงปี 1980 หรือเปล่าก็ไม่รู้ กว่าบ้านของพวกเราจะได้ติดตั้งสายโทรศัพท์เหมือนพวกบ้านของคนในตัวเมือง
หนูกับพ่อหมีได้รับเงินจากธนาณัติที่แม่หมีส่งมาให้แล้วนะคะ
แต่แม่หมีไม่ต้องส่งเงินมาให้หนูเยอะมากก็ได้ค่ะ เพราะเงินที่พ่อหมีได้จากการขายสมุนไพรก็พอเลี้ยงตัวพวกเราได้อยู่แล้ว
ตอนแรกหนูก็สงสัยว่า แม่หมีไปขายตัวทำไม เพราะบ้านของพวกเราไม่มีปัญหาทางการเงิน
แต่พ่อหมีก็อธิบายให้หนูฟังตามตรงว่า การได้ขายตัวเป็นความใฝ่ฝันอันสูงสุดของแม่หมีตั้งแต่เด็ก
ๆ ซึ่งจริง ๆ แล้วพ่อหมีก็ไม่อยากให้แม่หมีไปขายตัว แต่พ่อหมีรักแม่หมีมาก
และรู้ว่าการได้ขายตัวคือความสุขสุดยอดของแม่หมี พ่อหมีก็เลยจำใจต้องปล่อยให้แม่หมีไปขายตัวค่ะ
ที่หนูเริ่มตัดสินใจเขียนจดหมายมาหาแม่หมีเป็นฉบับแรก
เพราะเมื่อคืนนี้พ่อหมีพาหนูไปดูหนังกลางแปลงที่มาฉายในหมู่บ้านของพวกเราค่ะ
เมื่อคืนนี้เขาฉายหนังกลางแปลงเรื่อง SEBASTIANE (1976, Derek Jarman, UK) กับ NEWS FROM HOME
(1976, Chantal Akerman, Belgium) หนูชอบสุด ๆ ทั้งสองเรื่องเลย
หนังเรื่อง NEWS FROM HOME มีเนื้อหาส่วนหนึ่งเกี่ยวกับแม่ในเบลเยียมที่เขียนจดหมายไปหาลูกสาวในนครนิวยอร์ค
โดยที่แม่จะคอย update ข่าวคราวของผู้คนต่าง ๆ ในแวดวงของแม่ให้ลูกสาวได้รับรู้ด้วย
พอหนูได้ดูหนังเรื่องนี้ หนูก็เลยได้แรงบันดาลใจ ก็เลยตัดสินใจว่าจะเริ่มเขียนจดหมายไปหาแม่หมีค่ะ
และจะคอย update ข่าวคราวต่าง ๆ เกี่ยวกับคนในหมู่บ้านของพวกเราให้แม่หมีได้รับรู้ด้วย
เมื่อคืนนี้คนในหมู่บ้านไปดูหนังกลางแปลงกันเกือบหมดทุกคนเลยค่ะ
พวกเขาชื่นชอบหนังทั้งสองเรื่องนี้อย่างสุด ๆ เลยค่ะ หนูเองก็ดีใจที่พวกเขาชอบ
แม้แต่นางสาวชำมะเลียง ที่อาศัยอยู่ตามลำพังตัวคนเดียวในบ้านกลางป่าลึก ก็ยังออกมาดูหนังกลางแปลงสองเรื่องนี้ด้วยนะคะ
นอกจากคนในหมู่บ้านของพวกเราแล้ว
ก็มีคนแปลกหน้าอีกหลายคนที่มาดูหนังกลางแปลง 2 เรื่องนี้เมื่อคืนนี้เหมือนกันค่ะ
พ่อหมีแอบกระซิบบอกหนูว่า บางคนที่มาดูหนังเรื่องนี้ เป็นพวกผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ที่หลบออกจากค่ายกลางป่าเพื่อมาดูหนังกลางแปลงค่ะ
เหมือนในบรรดาผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์นี้มีบางคนเป็นนักศึกษาหนุ่มหล่อที่น่ากินมาก
ๆ ด้วยนะคะ และก็มีบางคนที่เป็นคนจาก “เมืองลับแล” ที่มาดูหนังกลางแปลงกับพวกเราด้วย
พ่อหมีบอกว่าคน 2 กลุ่มนี้ไม่น่าจะมีพิษมีภัยค่ะ ถ้าหากเราไม่ไปทำอะไรพวกเขาก่อน
แต่ถึงอย่างไรก็ดี พ่อหมีก็บอกหนูว่า อย่าไปคุยกับคนแปลกหน้า เพราะในบรรดาผู้ชมหนังกลางแปลงแต่ละคืนนั้น
มีคนที่เป็น “เสือสมิง” ปลอมตัวมาด้วยค่ะ และเสือสมิงอาจจะฆ่าเราตายได้ ถ้าหากเราเกิดประมาทขึ้นมา
หนูมีอีกเรื่องที่จะบอกคุณแม่หมีด้วยว่า
ถ้าเป็นไปได้ คุณแม่หมีก็กลับมาเยี่ยมบ้านบ่อย ๆ ก็ดีนะคะ เพราะว่าอีกิ๊ก ลูกสาวกำนัน
มันกำลังหมายตาคุณพ่อหมีอยู่ค่ะ พอแม่หมีไม่อยู่บ้านนานหลายเดือน อีกิ๊กก็ชอบใส่เสื้อคอกระเช้าแบบคว้านลึก
ขี่จักรยานเฟสสัน มาหาเรื่องชวนพ่อหมีคุยที่บ้านของพวกเราตอนเย็น ๆ ค่ะ แต่หนูว่ามันไม่ได้ชวนพ่อหมีคุยแบบ
“เพื่อน” ค่ะ หนูรู้สึกว่ามันมีอาการ “น้ำลายฟูม he" ขณะคุยกับพ่อหมีค่ะ หนูว่ามันต้องมีจิตปฏิพัทธ์ในตัวพ่อหมีแน่
ๆ แต่หนูไม่อยากได้มันเป็นแม่เลี้ยงค่ะ
หนูแอบสงสัยด้วยว่า อีกิ๊กมันเป็น “กระสือ”
ค่ะ เพราะอย่างที่รู้กันว่าในหมู่บ้านของพวกเรามีข่าวลือเรื่องกระสือมานานแล้ว และตอนดึก
ๆ คืนหนึ่ง หนูสังเกตเห็นมีแสงไฟแว้บ ๆ แถวหน้าต่างห้องของพ่อหมีตอนกลางดึกค่ะ หนูก็รีบวิ่งไปดูที่ห้อง
ก็เห็นพ่อหมีนอนถอดเสื้อหลับสนิทอยู่บนเตียงตามปรกติ ส่วนแสงไฟที่อยู่นอกหน้าต่างนั้นก็รีบลอยห่างออกจากบ้านเราไป
หนูก็เลยตั้งใจจะสืบหาว่า
ใครเป็นกระสือที่แอบมาส่องดูพ่อหมีตอนนอนหลับ แล้วหนูก็นึกขึ้นมาได้ว่า ก่อนที่ยายเฒ่าเบญจมาจะหายสาบสูญไปเมื่อ
3 ปีก่อน ยายเฒ่าเคยฝากตำรายาพิษโบราณไว้ให้คุณแม่ แต่คุณแม่ไม่ได้เอาติดตัวไปด้วย
เพราะคุณแม่จำเนื้อหาในตำราได้หมดแล้ว หนูก็เลยไปค้นหาตำรานั้นในหีบเก่า ๆ ในห้องเก็บของค่ะ
แล้วก็เลยเจอ
หนูก็เลยไปติดตั้งค่ายกลไว้นอกหน้าต่างห้องของพ่อหมีค่ะ
หนูแอบเอาด้ายสีดำไปขึงไว้แถวต้นไม้บริเวณนั้น พอกระสือบินไปโดนด้ายสีดำนั้นท่ามกลางความมืดตอนกลางคืน
ก็จะมีไม้ไผ่ปลายแหลมที่หนูติดตั้งไว้ในค่ายกล พุ่งขึ้นมาแทงไส้กระสือค่ะ แล้วหนูก็ทา
“ยาพิษ 7 วันไส้ขาด” ที่ปรุงตามตำราของยายเฒ่าเบญจมา ไว้ที่ปลายไม้ไผ่นั้นด้วย
หลังจากหนูติดตั้งค่ายกลนั้นเสร็จ
พอรุ่งเช้าวันต่อมา หนูก็พบว่ามีกระสือไปโดนค่ายกลนั้นเข้าให้แล้วค่ะ เพราะไม้ไผ่มันเด้งขึ้นมา
และมีเลือดติดอยู่ที่ปลายไม้ไผ่ด้วย แต่ไม่รู้ว่าเป็นเลือดของใคร
หลังจากนั้นหนูก็ไปสืบหาว่า
มีใครในหมู่บ้านที่มีพิรุธ หรือไม่สบายบ้าง ก็ปรากฏว่า เกือบทุกคนในหมู่บ้านดูปรกติดีค่ะ
แต่มีอีกิ๊ก ลูกสาวกำนันนี่แหละที่หายตัวไป ลุงกำนันบอกว่า อีกิ๊กเพิ่งออกเดินทางไปเที่ยวประเทศ
Lichtenstein ค่ะ ไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่
แต่นวพร ลูกสาวแม่ค้าในตลาด
มากระซิบบอกหนูว่า “ลูกกรอก” ที่นวพรเลี้ยงไว้ มาบอกนวพรว่า ลูกกรอกได้ยินครอบครัวกำนันเขาคุยกันว่า
จริง ๆ แล้วอีกิ๊กมันเดินทางไปเทือกเขาพนมดงรัก เพื่อหาว่านอะไรสักอย่างมาแก้พิษไข้ไม่สบายค่ะ
แต่มันให้ทางครอบครัวทำแต่งเรื่องหลอกทุกคนว่ามันไปเที่ยว Lichtenstein อู๊ยยยยยยยย อีแร่ด
หนูก็เลยค่อนข้างปักใจเชื่อว่า
อีกิ๊กนี่แหละค่ะเป็นกระสือ แต่หนูก็ไม่ได้เชื่อคำพูดของนวพรทั้ง 100% นะคะ เพราะนวพรก็เป็นคนที่มีลับลมคมนัยอะไรบางอย่าง
หนูบอกไม่ถูก และถึงแม้นวพรจะพูดความจริงกับหนู
ลูกกรอกก็อาจจะไม่ได้พูดความจริงกับนวพรก็ได้ ใครจะรู้ว่าลูกกรอกกับกระสือตัวจริงอาจจะสมคบคิดกันป้ายความผิดให้อีกิ๊กก็ได้
เรื่องแบบนี้เราต้องคิดให้รอบคอบค่ะ หนูยังจำที่แม่หมีเคยสอนหนูตอนเด็ก ๆ ได้ดีว่า
”เขาว่าให้เอาห้าหาร ปากคนพาลเชื่อยาก เชื่อยาก ค่ะ”
มีเรื่องน่าตื่นเต้นอีกเรื่องหนึ่งเกิดขึ้นในหมู่บ้านของพวกเราด้วยค่ะ
นั่นก็คือว่า ป้ายุพา หัวหน้ากลุ่มลูกเสือชาวบ้านในหมู่บ้านของพวกเรา ถูกฆ่าตายแล้วค่ะ
คือมีเช้าวันหนึ่ง มีคนพบดอกเหมยดำปักอยู่ที่หน้าบ้านของป้ายุพา แล้วพออีกไม่กี่วันต่อมา
ป้ายุพาก็ถูกสตรีลึกลับคนหนึ่งตบด้วยตีนที่หน้าศาลากลางจังหวัดจนคอหักตายค่ะ
ทางตำรวจยังตามจับสตรีลึกลับคนนี้ไม่ได้ แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
คิดว่านี่คงเป็นฝีมือของ “มาดามดอกเหมยดำ” ค่ะ
และเนื่องจากผู้ที่ถูกฆ่าตายเป็นหัวหน้าลูกเสือชาวบ้าน ทางกอ.รมน.ก็เลยเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีนี้
และอาจจะส่งคนเข้ามาในหมู่บ้านของพวกเราในเร็ว ๆ นี้ค่ะ
แม่หมีอย่าลืมเขียนจดหมายตอบกลับมาหาหนูเร็ว
ๆ นะคะ แล้วก็กลับมาเยี่ยมหนูกับพ่อหมีด้วย ก่อนที่พ่อหมีจะถูกอีอะไรสักตัวมาแย่งไปเป็นผัว
รักแม่หมีค่ะ
จากลูกหมีน้อยกลอยใจ
No comments:
Post a Comment