THE CAMPUS วิทยาเขตสังหาร (2015, a stage play
by Young Pack Action, A+10)
SPOILERS ALERT
--
--
--
--
--
--ไม่แน่ใจว่าใครเขียนบทและกำกับ แต่เดาว่าเป็นฝีมือของ Ninart Boonpothong เพราะบทมีความซับซ้อนในระดับนึง
และเต็มไปด้วยตัวละครที่ทรยศหักหลังกัน ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่พบบ่อยในบทละครของ Ninart
จนเหมือนกับเป็นลายเซ็นอันนึงของเขา 555
--สิ่งที่ชอบที่สุดในเรื่องก็คงเป็นบทละครนี่แหละ
เหมือนบทมันแบ่งได้เป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ ซึ่งก็คือช่วงที่ค่อยๆแนะนำตัวละครแต่ละตัวจนครบ
7 คน, ช่วงที่ตัวละครแต่ละตัวผลัดกันเล่าเรื่องผี และช่วงที่ตัวละครแต่ละตัวปะทะกันอย่างรุนแรง
--ชอบช่วงที่ 3 ของเรื่องมาก เพราะเราไม่รู้มาก่อนว่าละครมันจะออกมาในทำนองนี้
คือระหว่างที่เราดูช่วงแรกของเรื่องเรานึกว่ามันจะออกมาเป็นเรื่องผีสยองขวัญแนว THE EYES DIARY (2014, Chookiat
Sakveerakul, A+30) แต่พอช่วง 3 เนื้อเรื่องมันพลิกออกไปในอีกทางนึง
เราก็เลยชอบมาก
--เราว่าบทมันดีมากในแง่ที่ว่า เนื้อเรื่องในช่วง 2 กับช่วง 3
มันล้อกัน มันสอดคล้องกัน ซึ่งการเขียนบทโดยวางโครงสร้างได้ดีแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องง่าย
คือนอกจากคุณต้องเขียนบทหลักบทนึงแล้ว คุณต้องคิด “เรื่องผี” อีก 6
เรื่องมาใส่ในบทหลักนี้ แล้วคุณก็ต้องคิดที่มาที่แท้จริงของ “เรื่องผี” 6 เรื่องนี้ด้วย
เพื่อที่เรื่องราวยิบย่อยทั้งหมดจะผูกโยงกันและนำไปสู่ธีมหลักของละคร
คือเราว่าคนที่คิด layer 3 ชั้นที่มีเรื่องราวยิบย่อยแบบนี้ได้มันต้องเก่งจริง
และไม่ใช่คนเขียนบทละคร/บทภาพยนตร์ไทยหลายๆคนจะทำแบบนี้ได้
--แต่บทมันก็ไม่ได้สุดยอดมากถ้าหากนำไปเทียบกับบทละครเรื่องอื่นๆของ
Ninart นะ คือบทละครเรื่องอื่นๆของ Ninart มันสุดๆกว่านี้น่ะ คือถ้าหากนำเรื่องนี้ไปเทียบกับงาน masterpiece อย่าง “เกมยุติธรรม” บทละครเรื่องนี้ก็อาจจะดูเหมือนเป็นแค่ “โปรเจคท์ขำๆ”
ของนินาท แต่บทละครเรื่องนี้ก็ถือว่าดีมากๆอยู่ดี
--แต่เราก็ตามเนื้อเรื่องไม่ทันในช่วง 3 อยู่เหมือนกันนะ
คือเราตามไม่ทันหมดหรอกว่าตกลงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ใครหักหลังใคร
ใครซ้อนแผนใคร แต่อันนี้เราไม่ถือว่าเป็นข้อเสียของละครเรื่องนี้
--แต่เราอาจจะมีปัญหากับตอนจบอยู่นิดนึง
เพราะตอนจบตัวละครหลายๆตัวเหมือนผิดหวังกับการ “สูญเสียความเป็นเพื่อน”
เราก็เลยรู้สึกอารมณ์สะดุดเล็กน้อย
คือพอความจริงทุกอย่างมันเปิดเผยออกมาอย่างนี้แล้วนี่ มันคงไม่ต้องพูดถึงความเป็นเพื่อนกันอีกแล้วล่ะ
555 คือจริงๆแล้วเราอยากให้ตัวละครบางตัวเดินออกไปจากห้องโดยไม่ต้องพูดสรุปอะไรเลยจะดีกว่า
คือพอตัวละครบางตัวพูดประโยคสรุปของตัวเอง แล้วเดินออกจากห้องไป
มันดูเหมือนเป็นการรวบรัดปัญหาและรวบรัดอารมณ์ของตัวละครแต่ละตัวยังไงไม่รู้
แต่สิ่งที่บางตัวละครพูดก็ใช้ได้นะ
แต่เรารู้สึกว่าตัวละครบางตัวอาจจะเดินออกไปจากห้อง
โดยไม่ต้องพูดอะไรเลยก็ได้เหมือนกัน อย่างไรก็ดี
อันนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับเราแต่อย่างใด
มันเป็นเพียงแค่สิ่งที่เรารู้สึกสะดุดเล็กน้อย
--ในช่วงที่สองของละครนั้น เราชอบเรื่องผีนิเทศของตัวละครตัวนึงมากๆ
เพราะเรื่องนี้มันมีทั้งผีและฆาตกรโรคจิตอยู่ในเรื่องเดียวกันน่ะ
แล้วปกติเราจะกลัวฆาตกรโรคจิตมากกว่ากลัวผี
เรื่องนี้ก็เลยน่ากลัวที่สุดสำหรับเราเมื่อเทียบกับเรื่องผีเรื่องอื่นๆ
--เราว่าคนที่เล่นเป็นพระเอกของเรื่อง เล่นดีมากๆ เราว่าผู้กำกับละครเรื่องนี้คิดถูกที่เอาคนนี้มาเล่นเป็นพระเอก
คือมันมีบางช่วงที่นักแสดงคนนี้เปล่งพลังทางอารมณ์ออกมาได้ดีมากๆ
โดยเฉพาะช่วงที่สามของเรื่อง และพอละครเรื่องนี้เอาคนที่เก่งจริงมาเล่นเป็นตัวหลัก
มันเลยเหมือนมีเสาหลักที่แข็งแรงมาพยุงละครเรื่องนี้ให้ตลอดรอดฝั่ง
--นักแสดงคนอื่นๆก็เล่นใช้ได้นะ อาจจะดูเหมือนมีอะไรขัดๆเขินๆอยู่บ้าง
แต่เราก็เข้าใจว่านี่คือนักแสดงหน้าใหม่
เราก็เลยไม่ได้รู้สึกว่าความขัดเขินพวกนี้เป็นอุปสรรคสำคัญแต่อย่างใด
--แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือการออกแบบฉากของเรื่อง
ที่เป็นห้องอุดอู้ที่เต็มไปด้วยขยะ
คือมันเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่จนลืมไม่ลงเลยแหละค่ะ แต่อาจจะไม่ใช่ในทางบวกนะ
555
คือเวลาที่เราดู เราจะเสียสมาธิเล็กน้อย
แต่มันอาจจะเป็นเพราะว่าเราเป็นโรคจิตเองแหละ คือเราว่าห้องมันมีกลิ่นแปลกๆ
แล้วเราก็จะจินตนาการว่า ถ้าหากขยะมันทิ้งไว้ในห้องหลายวันแบบนี้
แล้วมันจะเป็นการบ่มเพาะเชื้อโรคอะไรหรือเปล่า แล้วนี่ฉันกำลังสูดดมเชื้อโรคอะไรที่ลอยอยู่ในอากาศเข้าไปหรือเปล่า
คือพอเราจินตนาการแบบนี้ เราก็เลยเสียสมาธิเล็กน้อย 555
โดยส่วนตัวแล้ว เราว่าฉากแบบนี้ เหมาะใช้เป็นสถานที่ติดตั้ง installation art หรือ
video installation ที่มีความยาวไม่เกิน 15 นาทีนะ
แต่การที่ต้องอยู่ในห้องแบบนี้นานกว่า 1 ชั่วโมงนี่ มันเป็นประสบการณ์ที่โหดสัสเหมือนกัน
และเราก็รู้สึกนับถือนักแสดงทุกคนในเรื่องนี้จริงๆ ที่สามารถแสดงในห้องแบบนี้ได้
คือแค่เรานั่งอยู่เฉยๆในห้อง เราก็คุมสมาธิแทบไม่ได้แล้ว ไม่รู้นักแสดงทำได้ยังไง
--อย่างไรก็ดี ฉากในเรื่องนี้ก็น่าสนใจดีเหมือนกัน
คือนอกจากมันจะแปลกใหม่แล้ว มันยังกระตุ้นให้เราจินตนาการในช่วงต้นๆเรื่องอีกด้วยว่า
จริงๆแล้วตัวละครพวกนี้มันตายไปแล้วหรือเปล่า 555
คือถ้าหากละครเรื่องนี้มันเฉลยว่า ตัวละครทุกตัวตายไปแล้ว เราจะไม่แปลกใจเลย
เพราะฉากในละครเรื่องนี้มันเหมือนไม่ใช่โลกแห่งความเป็นจริง แต่มันเหมือนกับเป็น “กึ่งๆนรก”
555
No comments:
Post a Comment