MY COMMENT IN SASAWAT’S POST
นึกถึงที่เราเพิ่งเขียนไปเมื่อวันที่
1 มิ.ย. ว่าทำไม GANGUBAI KATHIAWADI ถึงประสบความสำเร็จมากตอนฉายทาง
NETFLIX ในไทย แต่ไม่ได้เปรี้ยงปร้างอะไรตอนฉายโรงในไทย
เนื่องจากเราไม่ใช่ผู้หญิง เราก็เลยไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้
แต่ถ้าหากให้เราเดา
1.ปัจจัยหนึ่งมันก็อาจเป็นเรื่องของความปลอดภัยด้วยแหละมั้ง
เพราะเวลาเราดูหนังในเทศกาล หนังเลิกตีสอง เราก็ไม่แคร์ นั่งดูหนังคนเดียวได้,
เข้าห้องน้ำคนเดียวได้, นั่ง taxi ตอนตีสองคนเดียว เดินเข้าซอยคนเดียวตอนตีสามได้ คือไม่รู้ว่าเราควรต้องกลัวผู้ชายแปลกหน้า
หรือผู้ชายแปลกหน้าควรจะเป็นฝ่ายต้องกลัวเรา 55555
นึกถึงตอนที่เราไปดูหนังจีนเรื่องนึงที่พารากอน
หนังฉายประมาณทุ่มนึง เราก็ยืนเล่นมือถืออยู่หน้าโรง กะว่าจะรอให้โฆษณามันจบก่อน
แล้วค่อยเข้าไปนั่งดู ปรากฏว่าอยู่ดี ๆ ก็มีหญิงสาวคนนึงเดินออกมาจากโรง หน้าตาตื่น
ๆ แล้วเธอก็มาถามเราว่า มารอดูหนังเรื่องนี้ใช่ไหมคะ เธอจะได้รอเข้าไปดูด้วย เพราะในโรงหนังไม่มีคนเลย
คือเธอไม่กล้านั่งดูโฆษณาในโรงพารากอนคนเดียวตอนทุ่มนึง เราก็ตกใจว่ามีคนที่กลัวอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ
แต่หลังจากนั้นก็เหมือนมีคนดูอีก 2-3 คนทยอยเข้าโรงหนังไป เธอก็เลยกล้ากลับเข้าโรงหนังไปนั่งดูโฆษณาต่อ
2.ต่อจากประเด็นที่เราเขียนถึง GANGUBAI ไปข้างต้น คือเราเดาว่านอกจากละครโทรทัศน์จำนวนมากถูกสร้างขึ้นเพื่อหวังตอบสนองความต้องการของผู้ชมเพศหญิงแล้ว
เราก็นึกถึงช่วง 10 ปีก่อนที่เราเคยตามดู “หนังที่สร้างขึ้นเพื่อฉายทางโทรทัศน์”
ในช่อง TV5MONDE ของฝรั่งเศสด้วย แล้วเราก็ตกใจมากว่า
ทำไมหนังที่สร้างขึ้นเพื่อฉายทางโทรทัศน์ของฝรั่งเศส มันถึงดีมาก ๆ ถูกจริตเรามาก
ๆ แบบนี้ ทั้ง ๆ ที่มันเป็นกลุ่มหนังที่ไม่เคยมีนักวิจารณ์เขียนถึงเลย
เราสังเกตด้วยว่า หนังที่สร้างขึ้นเพื่อฉายทางโทรทัศน์หลาย
ๆ เรื่องของฝรั่งเศส มันเป็นหนังสเกลเล็ก, ทุนสร้างต่ำ และเป็น “หนังชีวิตผู้หญิง”
น่ะ แบบความสัมพันธ์พี่สะใภ้-น้องสะใภ้, ชีวิตแม่บ้านในหมู่บ้าน, นางเอกที่ติดการพนัน, ชีวิตผู้หญิงวัยกลางคนในรูปแบบต่าง ๆ คือดูแล้วรู้สึกได้เลยว่า
หนังที่สร้างขึ้นเพื่อฉายทางทีวีกลุ่มนี้น่าจะเป็นหนังกลุ่มที่ “ผู้หญิงวัยกลางคน”
น่าจะ identify ตัวเองกับหนังได้อย่างรุนแรงมาก เพราะเราก็ identify
ตัวเองกับหนังกลุ่มนี้อย่างรุนแรงเหมือนกัน 55555
เราก็เลยคิดว่า พอมีโทรทัศน์ขึ้นมา
พวกหนังของ Douglas Sirk, ชนะ
คราประยูร, เริงศิริ ลิมอักษร อะไรพวกนี้ มันย้ายเข้าไปอยู่ในโทรทัศน์แทนน่ะ ทั้ง
ๆ ที่มันเป็นหนังที่ผู้ชมเพศหญิงน่าจะอินด้วยได้ง่าย ๆ โรงภาพยนตร์มันก็เลยเหมือนเต็มไปด้วยหนังที่ผู้ชายดูแล้วอิน
แต่ผู้หญิงอาจจะดูแล้วไม่อิน ลองนึกถึงหนังไทยที่เข้าโรงในยุคปัจจุบันดูสิ
มีหนังชีวิตผู้หญิงแบบหนังของชนะ คราประยูรสักกี่เปอร์เซ็นต์กันที่เข้าโรงในยุคปัจจุบัน
แต่จริง ๆ แล้วเรื่องพวกนี้ก็ต้องให้ผู้หญิงเป็นคนตอบแหละ
สิ่งที่เราเขียนมาเป็นเพียงแค่ข้อสงสัยเท่านั้น ไม่ใช่คำตอบ
-------------
เพิ่งนึกขึ้นได้ถึง URBAN LEGEND อันนึงที่ฝังใจเรามานาน 25-30 ปีแล้ว
เราก็เลยอยากถามเพื่อน ๆ ว่าเคยได้ยินเรื่องนี้ไหม แล้วมันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า
คือช่วงประมาณกลางทศวรรษ 1990 มีข่าวลือว่า
มีสองสาวไปดูหนังที่โรงหนังในห้างสรรพสินค้าดังใจกลางกรุงเทพแห่งนึง ตอนกลางคืน
แล้วสาวคนนึงแยกตัวไปเข้าห้องน้ำ แล้วก็หายไปเลย เพื่อนของเธอไปตามที่ห้องน้ำ
ก็ไม่เจอใครในห้องน้ำ ก็เลยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น กลับบ้านไปแล้วหรือเปล่า (ยุคนั้นยังไม่มีโทรศัพท์มือถือ)
แต่ปรากฏว่าหญิงสาวคนนั้นก็ไม่ได้กลับบ้าน หายสาบสูญไป
อีกไม่กี่วันต่อมา
ก็พบศพหญิงสาวคนนี้ในที่ทิ้งขยะของห้างสรรพสินค้าแห่งนั้น โดยศพของเธอ “ไต” (หรืออวัยวะภายในอะไรสักอย่างนี่แหละ)
หายไป
คือไม่รู่ว่าข่าวลือนี้เป็นจริงแค่ไหน
แต่มันก็ทำให้เรากลัวมาก ๆ เหมือนกัน เพราะเราก็ชอบดูหนังรอบดึก ๆ แล้วอาชญากรรมฆ่าเพื่อเอาอวัยวะแบบนี้มันไม่ได้เลือกเพศชายเพศหญิงด้วยแหละ
เราเข้าใจว่าอย่างนั้น
จำได้ว่ายุคนั้นมีหนังเรื่อง COPYCAT (1995, Jon Amiel, A+30) ที่เกี่ยวกับฆาตกรโรคจิตที่ไล่ฆ่าคนตามห้องน้ำออกฉายด้วยนะ
เราก็เลยยิ่งหวาดกลัวมากยิ่งขึ้นไปอีก คือยุคนั้นเราก็ยังคงไปดูหนังรอบดึกเหมือนเดิมน่ะแหละ
แต่เวลาเราเข้าห้องน้ำตามห้าง เราก็จะมีอาการ alert อย่างรุนแรงอยู่พักนึง
55555
แก้ไขความทรงจำที่ผิดพลาดของตัวเอง
เมื่อวันที่ 30 พ.ค.ในโพสท์เกี่ยวกับ TOP GUN เราเขียนไปว่า
ก่อนที่เราจะเริ่มดูหนังโรงคนเดียวในปี 1987 นั้น เราเคยไปดูหนังในโรงภาพยนตร์กับคนอื่นๆ
ประมาณ 6 เรื่อง
https://www.facebook.com/photo/?fbid=10228840727826357&set=a.10206445257193588
แต่ตอนนี้ความทรงจำของเราฟื้นกลับคืนมาแล้ว
เราก็เลยคิดว่า มันน่าจะเป็น 8 เรื่องมากกว่า โดยหนังที่ตกไปสองเรื่องในลิสท์ที่แล้วคือหนังเรื่อง
ถามหาความรัก (1984, อภิชาต โพธิไพโรจน์) ที่เราน่าจะได้ดูที่โรงภาพยนตร์ เพรสซิเดนท์
ในปี 1984 ตอนที่เรามีอายุ 11 ขวบ โดยเราไปดูกับพี่สาว และอีกเรื่องคือ “ด้วยรักคือรัก”
(1985, หม่อมเจ้าทิพยฉัตร ฉัตรชัย)
โดยเราน่าจะไปดูกับเพื่อน ๆ แต่จำไม่ได้แล้วว่าดูที่โรงอะไร โดยหนังทั้งสองเรื่องนี้นำแสดงโดยอัญชลี
จงคดีกิจเหมือนกัน
คือเราเพิ่งดูหนังสารคดีเรื่อง CINEMA, MON AMOUR (2015, Alexandru Belc, Romania, A+30) เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาน่ะ แล้วเหมือนการได้เห็นโรงหนัง stand
alone เก่า ๆ ในหนังสารคดีเรื่องนี้ มันไปปลุกความทรงจำของเราที่มีต่อการไปดู
“ถามหาความรัก” ที่โรงเพรสซิเดนท์ขึ้นมา 555
ดู “ถามหาความรัก” ได้ที่นี่นะ
https://www.youtube.com/watch?v=vEdbVqB2H0c
No comments:
Post a Comment