เถาวัลย์ (ศรัณย์พล วารีวะนิช, 20.27 นาที,
A+30)
1.ชอบมาก ๆ ที่เอาเรื่องความไม่ลงรอยกันระหว่างสุนทรภู่กับร.
3 และเรื่องการออกผนวชของร. 4 มาทำเป็นหนัง คือเหมือนเราได้ยินเรื่อง gossip
ทำนองนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว แต่ก็เหมือนไม่เคยเห็นใครนำมาทำเป็นหนังเลย
ก็เลยชอบมาก ๆ ที่มีคนเอาเรื่องแบบนี้มาทำเป็นหนัง
2.แต่ก็รู้สึกว่าหนังนำเสนอตัวละครสุนทรภู่ในทางลบมากกว่าที่เราคาดไว้นะ
แต่เราก็ไม่ได้รู้สึกในทางลบกับหนังมากนักในจุดนี้ เพราะหนังบอกไว้ตั้งแต่ต้นเรื่องแล้วว่า
สิ่งที่อยู่ในหนังเรื่องนี้เป็น fiction ไม่ใช่ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์
เพราะฉะนั้นถ้าหากหนังเรื่องนี้จะนำเสนอ “ตัวละคร” ในทางบวกหรือลบมากกว่าความเป็นจริง
มันก็เป็นสิทธิที่ fiction จะทำได้
ตราบใดที่มันไม่แอบอ้างว่าเป็นข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์
สรุปว่าการที่สุนทรภู่ดูเป็นคนไม่ค่อยดีนักในหนังเรื่องนี้
ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกในทางลบกับหนังมากนัก แต่ก็ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกดีกับหนังมากขึ้นเช่นกัน
555
3.ยอมรับว่าสิ่งหนึ่งที่ชอบมาก ๆ
ก็คือ สุนทรภู่กับร.3 ในหนังเรื่องนี้หล่อมาก 555
4.ชอบการใช้กลอนในหนังเรื่องนี้ด้วย
เราว่าการพูดกลอนในหนังเรื่องนี้มันฟังดูไพเราะมาก ๆ สำหรับเรา ทั้งที่เป็น diegetic sound และ non-diegetic
sound
5.ชอบทั้งฉากในวังและฉากป่า
เราว่าฉากในวังมันดู minimal ดี นึกว่าหนังของ Derek
Jarman 5555 ไม่แน่ใจว่าที่มันออกมาดู minimal แบบนี้เป็นเพราะตั้งใจจะให้มันออกมาดู minimal อยู่แล้ว
หรือต้องการให้มันดูคล้ายละครเวทีอยู่แล้วหรือเปล่า หรือเป็นเพราะข้อจำกัดทางงบประมาณ
แต่เราชอบสไตล์แบบนี้อยู่แล้วล่ะ เพราะเราชอบหนังของ Derek Jarman
6.ส่วนฉากป่านั้นเราชอบ location มาก ๆ
เหมือนพอหนังมันตั้งชื่อว่า “เถาวัลย์” หนังก็เลยเหมือนพยายามหา location ป่าที่มันมีเถาวัลย์หรือมีอะไรห้อยระโยงระยาง
ซึ่งเราว่ามันออกมาดูน่าประทับใจมากสำหรับเรา
7.สิ่งหนึ่งที่เราชอบสุดๆ แต่ไม่แน่ใจว่าหนังตั้งใจแบบนั้นหรือเปล่า
ก็คือการที่ชื่อเรื่อง “เถาวัลย์” มันทำให้นึกถึงกลอนของสุนทรภู่มาก ๆ ที่บอกว่า
“"แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์
มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด
ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด
ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน
มนุษย์นี้ที่รักอยู่สองสถาน
บิดามารดารักมักเป็นผล
ที่พึ่งหนึ่งพึ่งได้แต่กายตน
เกิดเป็นคนคิดเห็นจึงเจรจา
แม้ใครรักรักมั่งชังชังตอบ
ให้รอบคอบคิดอ่านนะหลานหนา
รู้สิ่งใดไม่สู้รู้วิชา
รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี"
ซึ่งตอนที่หนังเปิดออกมาว่าพูดเรื่องสุนทรภู่ในช่วงต้นเรื่อง
เราก็นึกว่าหนังจะต้องใส่ quote บทกลอนนี้เข้าไปในหนัง
แต่ปรากฏว่าดูจนจบเรื่องแล้ว หนังก็ไม่ได้ quote บทกลอนนี้ใส่เข้าไป
เราก็เลยไม่แน่ใจว่าหนังเรื่องนี้จงใจจะพาดพิงถึงบทกลอนนี้ผ่านทางชื่อหนังจริง ๆ
หรือเปล่า
แต่ไม่ว่าหนังจะตั้งใจพาดพิงถึงบทกลอนนี้ผ่านทางชื่อหนังหรือไม่ก็ตาม
เราว่าบทกลอนนี้มันก็เข้ากับหนังมากจริง ๆ นั่นแหละ
โดยเฉพาะสิ่งที่สุนทรภู่ต้องทำในช่วงผลัดแผ่นดิน นั่นก็คือการ “รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี”
สรุปว่าชอบหนังแนวนี้มาก ๆ
เป็นการส่วนตัวจ้ะ
No comments:
Post a Comment