BLACK MAGIC MASK นะหน้าทอง (2023, Satanapong
Limwongthong, F)
SPOILERS ALERT
1.เสียดายสุด ๆ ช่วง 15-30 นาทีแรก
เราชอบหนังในระดับ A+30 ชอบการนำเสนอชีวิตการทำงานของกะหรี่ไปเรื่อย
ๆ โดยที่หนังนำเสนอสิ่งนี้ออกมาได้อย่างมีสีสันพอดิบพอดี
เราชอบทั้งการแสดงของคุณทราย, ตัวละครโสเภณีชาย, โสเภณีกะเทย และสิ่งที่ชอบมาก ๆ คือบทสนทนาของตัวละคร คือเราว่าตัวละครกะหรี่เหล่านี้คุยกันได้อย่างคล่องปากมาก
ๆ จนเราสงสัยว่าหนังมันให้นักแสดง "ด้นสด" ในบางฉากหรือเปล่า เพราะมันดูเหมือนตัวละครมีปฏิสัมพันธ์ต่อกันจริง
ๆ และ react ต่อวินาทีนั้นจริง ๆ ราวกับว่านักแสดงด้นสดออกมา
แต่ถ้านักแสดงไม่ได้ด้นสด นั่นก็แสดงว่า บทสนทนาตรงส่วนนี้เขียนออกมาได้ดี
หรือนักแสดงเล่นดีมากจนดูเหมือนเป็นมนุษย์จริง ๆ พูดออกมา
ชอบการจัดแสงสีต่าง ๆ ในซ่องด้วย
2.แต่เรารู้สึกว่าหนังเริ่ม drop ลงพอผ่านครึ่งชั่วโมงแรกไป
หรือเมื่อมันพยายามจะทำตัวเป็นหนังสยองขวัญ แทนที่จะเป็นหนังสำรวจชีวิตกะหรี่
เพราะมันทำได้ไม่สำเร็จเลยในความเป็นหนังสยองขวัญที่ดี
หรือทำอะไรไม่ได้ในแบบที่เราคาดหวังเลยน่ะ
3.แต่ก่อนช่วง 15-30 นาทีสุดท้าย
เรายังชอบหนังในระดับ A+ อยู่นะ เพราะถึงแม้ว่าหนังช่วงกลาง
ๆ เรื่อง มันจะขาดสีสัน, รสชาติ หรือน้ำเนื้อของ
"การสำรวจชีวิตกะหรี่" แบบในครึ่งชั่วโมงแรก
แต่มันก็ยังดูเหมือนจะเป็นการเล่าเรื่องแบบแกน ๆ
ตามสูตรสำเร็จของหนังสยองขวัญแบบพอถู ๆ ไถ ๆ ไปได้บ้าง คือตอนช่วงกลางเรื่อง
เรายังมีความหวังว่า
3.1 หนังมันอาจจะมีไอเดียแปลกใหม่
เป็นหนังที่เอาอาถรรพ์นะหน้าทอง มาปะทะกับผีนางรำ และเด็กหญิงโรคจิต เหมือนเอา evil
3 อย่างมาปะทะกัน แล้วดูซิว่า ใครมันจะเป็นฝ่ายชนะ
3.2 ความขาด ๆ เกิน ๆ ในบางช่วงของหนัง
อาจจะได้รับคำอธิบายอย่างน่าพึงพอใจในช่วงท้าย เมื่อหนัง "ให้คำเฉลย"
ที่ช่วยให้ความกระจ่างแก่จุดต่าง ๆ ของหนัง
และแสดงให้เห็นว่าหนังทั้งเรื่องผ่านการเขียนบทที่ละเอียดลออและรัดกุมมาโดยตลอด
แบบ "ลองของ" และ "บ้านเช่าบูชายัญ"
3.3 visual บางอันเราก็ชอบ
อย่างเช่นการที่นางเอกปิดทองทั้งตัว ก่อนลงอ่างอาบน้ำเลือด
เราก็เลยยังมีความหวังว่า หนังเรื่องนี้อาจจะยังมีไอเดียด้าน visual ที่ดี ๆ หลงเหลืออยู่อีก เพื่อระเบิดไอเดียด้าน visual อย่างรุนแรงในตอนท้าย
คือเหมือนช่วงกลางเรื่อง เรายังพอมีความหวังว่า หนังเรื่องนี้อาจจะยังมี “ไอเดียดี
ๆ”, “visual ดี ๆ” หรือ “คำอธิบายที่น่าพึงพอใจ”
รอเราอยู่ในช่วงท้ายของหนังน่ะ
4.แต่พอหนังพยายามจะ
"หักมุมเพียงเพื่อให้ได้ชื่อว่าหนังของกูก็มีการหักมุม"
แบบที่หนังเรื่องอื่น ๆ เขาทำกันในช่วงท้ายของหนัง แล้วมันออกมาสิ้นคิดมาก ๆ
เราก็ทนหนังเรื่องนี้ไม่ได้อีกต่อไป และทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเคยคาดหวังไว้ในช่วงต้นเรื่องและกลางเรื่อง
ก็ถูกทำลายลงจนหมด 555
ก็เลยเป็นหนังที่ระดับความชอบเริ่มต้นด้วย A+30 แล้วลดระดับลงเรื่อย ๆ จนกลายเป็น F ในที่สุด
5.ก็ผิดหวังมาก ๆ ที่ยังมีคนทำหนังแบบนี้ออกมาอยู่นะ คือเราว่าหนังเรื่องอื่น
ๆ ที่เป็น “ตัวอย่างดี ๆ” ให้เรียนรู้ มันก็มีอยู่เยอะนะ หนังที่เป็นตัวอย่างดี ๆ ให้เรียนรู้
ก็มีอย่างเช่น
5.1 หนังสยองขวัญที่มีบทดี ๆ ช่วงท้ายให้คำอธิบายที่น่าพึงพอใจ อย่างเช่น “ลองของ”
และ “บ้านเช่าบูชายัญ”
5.2 หนังเกี่ยวกับ “ไสยาศาสตร์” ที่ไปสุดตีนจริง ๆ อย่างเช่น THE BOXER’S OMEN (1983, Kuei Chih-hung, Hong Kong)
5.3 หนังเกี่ยวกับผู้หญิงที่เครียดทั้ง “ชีวิตการทำงานหาเงิน”
แถมยังเจอผี อย่างเช่น DARK WATER (2005, Walter Salles), MEMOIR ฮัลโหล จำเราได้ไหม (2017, Rapeepimol Chaiyasena) คืออย่างน้อยถ้าหนังมัน
“จริงใจ” กับชีวิตความทุกข์ยากของตัวละครนางเอก
หนังมันก็มีคุณค่าน่าจดจำไม่รู้ลืมสำหรับเราน่ะ
5.4 หนังเกี่ยวกับ “กะหรี่เจอผี” ที่สุดตีนจริง ๆ สำหรับเรา ซึ่งก็คือ BANGKOK DARK TALES: HELLO BANGKOK (2019, Tarnwimol Onpaplew) น่ะ คือดูแล้วอินกับกะหรี่ในหนังเรื่องนี้อย่างรุนแรงที่สุด แต่ข้อเสียอย่างเดียวของหนังเรื่องนี้ก็คือว่า
จนถึงตอนนี้เราก็ยังทำใจยอมรับไม่ได้ว่า กะหรี่กลายเป็นฝ่ายที่พ่ายแพ้ให้กับผีในหนังเรื่องนี้
เพราะเรารู้สึกว่า กะหรี่ในหนังเรื่องนี้มันแรงมาก แรงจนเรารู้สึกว่าผีมันน่าจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปในที่สุด
555
No comments:
Post a Comment