เมื่อวานเรารู้สึกไม่สบายเล็กน้อยตอนดู WERCKMEISTER
HARMONIES วันนี้ตื่นนอนมาแล้วอาการดีขึ้น
ตรวจดูแล้วยังไม่ติดโควิดค่ะ ค่อยโล่งใจหน่อย
++++++++
ระดับความพรึงเพริดทางอารมณ์ที่เพิ่มขึ้นในการรับชมภาพยนตร์สุดโปรดบางเรื่องเป็นรอบที่
2 ใน “จอที่ใหญ่กว่าเดิมเป็นอย่างมาก”
THE AMOUNT OF ECSTASY GAINED WHILE VIEWING SOME FAVORITE
FILMS FOR THE SECOND TIME ON A MUCH BIGGER SCREEN
พอเราได้ดู WERCKMEISTER HARMONIES
(2000, Bela Tarr, Hungary, second viewing, A+30) ในจอใหญ่ยักษ์ที่หอภาพยนตร์
ศาลายาเมื่อวานนี้ เราก็เลยคิดว่าเราควรจดบันทึกสิ่งนี้ไว้ดีกว่า เพราะเราคิดว่า
“ประสบการณ์” และ “อารมณ์ความรู้สึก” ของเรา อาจจะแตกต่างจากคนอื่น ๆ
เป็นอย่างมากในหลาย ๆ ครั้ง และเนื่องจากเราเชื่อว่าคนแต่ละคนแตกต่างจากกัน
อารมณ์ความรู้สึกของแต่ละคนแตกต่างจากกัน
เพราะฉะนั้นก็เลยไม่มีใครที่สามารถพูดแทนกันได้ในหลาย ๆ เรื่อง
ดังนั้นนักดูหนังแต่ละคนจึงควรที่จะจดบันทึกความรู้สึกของตัวเองไว้
เพราะความรู้สึกของแต่ละคนอาจจะแตกต่างจากคนอื่น ๆ เป็นอย่างมากค่ะ และ
“ความแตกต่างจากกันเป็นอย่างมาก” นื้ ถือเป็นเรื่องที่ “ธรรมดา” ที่สุด
เหมือนโดยรวม ๆ แล้ว
เราคิดว่าตัวเองไม่ค่อยได้อะไรมากนักจากการได้ชมภาพยนตร์ในจอที่ใหญ่ขึ้นนะ 55555
เหมือนอารมณ์ความรู้สึกของเราไม่ได้ถูกกระตุ้นมากนักจาก “จอใหญ่” หรือ จาก
“เสียงกระหึ่ม” น่ะ คือมันถูกกระตุ้นก็จริงนะ
แต่เราคิดว่าอารมณ์ความรู้สึกของเราถูกกระตุ้นจากสิ่งเหล่านี้น้อยกว่า most
cinephiles น่ะ เท่าที่เราประเมินเอา คือเรามีความสุขมาก ๆ
จากการได้ชมภาพยนตร์บางเรื่องเป็นรอบที่สองในจอใหญ่
แต่เหมือนระดับความสุขมันเพิ่มขึ้นจากการได้ชมหนังเรื่องนั้นรอบแรกเพียงแค่ 50
degrees ในขณะที่ most cinephiles อาจจะได้รับความสุขเพิ่มขึ้น
100 degrees อะไรทำนองนี้ 55555
ที่เขียนมานี้ไม่ได้ต้องการ discourage คนจากการนำหนังดี ๆ มาฉายในจอใหญ่นะ ห้ามคิดแบบนั้นเป็นอันขาด
เพราะเราสนับสนุนเป็นอย่างยิ่งให้ทางโรงภาพยนตร์นำหนังคลาสสิคดี ๆ
มาฉายในจอใหญ่เพื่อ “ผู้ชมจำนวนมาก”
แต่เราแค่ขอจดบันทึกประสบการณ์ส่วนตัวของเราที่อาจจะแตกต่างจากคนอื่น ๆ
เท่านั้นเองจ้า เราขอสนับสนุนให้ทางโรงภาพยนตร์นำหนังดี ๆ มาฉายในจอใหญ่กันต่อไป
เพราะเราเองก็จะยังคงไปดูหนังดี ๆ
บางเรื่องเป็นรอบที่สองในจอใหญ่ต่อไปจนถึงวันตายของเราเช่นกัน
กราฟนี้วัด
“ระดับความพรึงเพริดทางอารมณ์ที่เพิ่มขึ้น” ในการดูรอบสองนะ
ไม่ได้วัดว่าเราชอบหนังเรื่องไหนมากกว่ากัน
เพราะหนังที่เราชอบมากที่สุดในกราฟนี้ก็คือ JEANNE DIELMAN, 23, QUAI DU
COMMERCE, 1080 BRUXELLES (1975, Chantal Akerman, Belgium, 202min) แต่หนังเรื่องนี้เราชอบมันอย่างสุดขีดคลั่งไปแล้วในการได้ดูทางดีวีดีในจอเล็กในรอบแรก
เพราะฉะนั้นเราก็เลยเหมือนได้รับความพรึงเพริดทางอารมณ์เพิ่มขึ้นเพียงแค่ 50
หน่วยเท่านั้นในการดูทางจอใหญ่ยักษ์ที่หอภาพยนตร์ในรอบที่สอง
หนังเรื่องนี้ก็เลยอยู่ตรงกลาง ๆ ของกราฟนี้ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นหนังที่เรา
“ชอบมากที่สุด” ในบรรดาหนังทั้งหมดในกราฟนี้ก็ตาม
หนังบางเรื่องที่เราได้ดูรอบแรกใน “จอเล็ก”
และเราได้ดูเป็นรอบที่สองใน “จอใหญ่”
1. THE DOUBLE LIFE OF VERONIQUE (1991,
Krzysztof Kieslowski, France/Poland, 98min, A+30)
ระดับความพรึงเพริดทางอารมณ์เพิ่มขึ้นราว 15
หน่วย
เป็นหนังที่เราได้ดูรอบแรกในรูปแบบวิดีโอเทปเมื่อราว
25-30 ปีก่อน และได้ดูรอบสองในจอใหญ่ที่โรงหนัง HOUSE SAMYAN เมื่อเร็ว ๆ นี้ ปรากฏว่าเราแทบไม่ได้รู้สึกอะไรเพิ่มขึ้นจากการดูรอบสอง
55555 ซึ่งสาเหตุสำคัญคงเป็นเพราะว่า เรา admire หนังยุคหลังของ
Kieslowski แต่เราไม่ค่อยอินกับหนังยุคหลังของเขา เรา “ชอบ”
หนังยุคแรกของเขามากกว่า โดยเฉพาะ SHORT WORKING DAY (1981), THE CALM
(1976), PERSONNEL (1975), UNDERGROUND PASSAGE (1974), etc. เหมือนหนังยุคแรกของเขานี่แหละที่เรารู้สึกอินด้วยอย่างรุนแรง
2. WERCKMEISTER HARMONIES (2000, Bela
Tarr, Hungary, 145min, A+30)
เพิ่มขึ้นราว 25 หน่วย
เราเดาว่าสาเหตุสำคัญที่ระดับความพรึงเพริดทางอารมณ์ของเราไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนักในการดูรอบสอง
เป็นเพราะว่าเราได้ดูหนังเรื่องนี้รอบแรกในห้อง auditorium ของห้องสมุดธรรมศาสตร์
ท่าพระจันทร์ในการจัดฉายของ FILMVIRUS เมื่อราว 20
กว่าปีก่อน เพราะฉะนั้นการดูในรอบแรกของเราจริง ๆ แล้วก็ไม่ใช่การดูใน “จอเล็ก”
ซะทีเดียว แต่เป็นการดูใน “จอขนาดกลาง” มากกว่า 55555 และเหมือนกับว่าเรา
“ตกตะลึงพรึงเพริด” และ “ประทับใจสุดขีด” กับการดูหนังเรื่องนี้ในรอบแรกไปแล้ว
เพราะฉะนั้นการดูหนังเรื่องนี้ในรอบที่สองในจอใหญ่ยักษ์ ก็เลยเหมือนให้ความสุขกับเรามากยิ่งขึ้น
แต่ก็ไม่ได้เพิ่มขึ้น “อย่างรุนแรง” จากการดูรอบแรก
สิ่งที่สำคัญที่เราได้จากการดูรอบสองก็คือว่า
เราจดจำมานานราว 20 กว่าปีว่า หนังเรื่องนี้จบลงในฉากที่ Hanna Schygulla ชี้แผนที่ให้ทหารดู แต่พอมาดูรอบสอง
เราก็เลยพบว่าความทรงจำของเราผิดเพี้ยนอย่างรุนแรง เพราะมันมีฉากต่าง ๆ
ต่อมาจากนั้นอีกราว 15 นาทีได้มั้ง ไม่รู้ทำไมเราถึงจำผิดเพี้ยนมานาน 20 กว่าปีว่า
หนังเรื่องนี้จบลงที่ฉากของ Hanna Schygulla ชี้แผนที่ให้ทหาร
55555
ประทับใจมาก ๆ ที่ผู้ชมบางคนในรอบที่สองบอกว่า
ดูแล้วนึกถึงเหตุการณ์ 6 ต.ค. 1976 ส่วนเราจะนึกถึง “สงครามบอสเนีย”,
“การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในรวันดา”, นาซี, สงครามกลางเมืองในประเทศต่าง ๆ ในแอฟริกา,
ความเกลียดชังชนกลุ่มน้อยและชาวต่างชาติทั้งในอเมริกาและยุโรป และกปปส. 55555
3. ANNIE HALL (1977, Woody Allen, 93min, A+30)
เพิ่มขึ้นราว 35 หน่วย
เราได้ดูหนังเรื่องนี้รอบแรกในจอเล็กในรูปแบบวิดีโอเทปเมื่อราว
30 ปีก่อน ซึ่งเป็นหนังพูดอังกฤษที่ “ไม่มีซับไตเติล”
และเราได้ดูรอบสองที่โรงสกาลาในงาน “ทึ่งหนังโลก” ในวันที่ 16 ก.พ. 2020
ซึ่งในการฉายครั้งนี้มี “ซับไตเติลภาษาไทย” เราก็เลยชอบหนังเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งความชอบที่เพิ่มขึ้นนี้น่าจะมาจาก
“ซับไตเติล” เป็นสำคัญ ส่วน “ขนาดของจอภาพยนตร์” อาจจะมีส่วนช่วยด้วยเล็กน้อย
4. THREE COLORS: WHITE (1994, Krzysztof Kieslowski,
France/Switzerland/Poland, 92min, A+30)
เพิ่มขึ้นราว 40 หน่วย
จริง ๆ แล้วเราชอบ THE DOUBLE LIFE OF
VERONIQUE มากกว่า WHITE เป็นอย่างมากนะ
แต่ระดับความชอบของเราที่มีต่อ WHITE เพิ่มขึ้นสูงกว่าเดิมมากพอสมควรในการดูรอบสอง
เพราะว่าเราไม่ได้ชอบหนังเรื่องนี้มากนักในการดูรอบแรกน่ะ 55555
คือจริง ๆ แล้ว WHITE น่าจะเป็นหนึ่งในหนังที่เราชอบน้อยที่สุดในบรรดาหนังของ
Kieslowski นะ
ซึ่งเราได้ดูหนังเรื่องนี้รอบแรกในรูปแบบวิดีโอเทปเมื่อ 30 ปีก่อน
ซึ่งดูแล้วก็ไม่ได้ชอบมากนัก และเรา “งง ๆ กับเนื้อเรื่อง” ด้วย
เราได้ดูหนังเรื่องนี้รอบสองตอนมันมาฉายที่ DOC
CLUB & PUB เมื่อราว 3 ปีก่อน พอเราได้ดูรอบสอง
เราก็เลยหายงงๆ กับเนื้อเรื่อง
และจูนตัวเองให้เข้ากับหนังได้ง่ายขึ้น
ระดับความชอบของเราที่มีต่อหนังเรื่องนี้ก็เลยเพิ่มขึ้นมากพอสมควร ถึงแม้ว่า
WHITE ยังคงติดอันดับหนึ่งในหนังที่เราชอบน้อยที่สุดในบรรดาหนังของ Kieslowski
อยู่ดี
5. JEANNE DIELMAN, 23, QUAI DU
COMMERCE, 1080 BRUXELLES (1975, Chantal Akerman, Belgium, 202min, A+30)
เพิ่มขึ้นราว 50 หน่วย
เราได้ดูหนังเรื่องนี้รอบแรกในรูปแบบดีวีดีในจอเล็กเมื่อราว
20 ปีก่อน ซึ่งเราก็ชอบสุดขีดไปแล้วในการดูรอบแรก
และเราก็ได้ดูหนังเรื่องนี้เป็นรอบที่สองที่หอภาพยนตร์ ศาลายา
ระดับความชอบของเราก็เลยเหมือนไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก
เพราะระดับความชอบของเรามันสูงสุดขีดไปแล้วตั้งแต่ในการดูรอบแรก
สิ่งที่เราชอบมากในการดูรอบสองอาจจะไม่ได้เป็นผลจาก
“จอใหญ่” ซะทีเดียว แต่เป็นผลจากการได้ดูหนังเรื่องนี้เป็นรอบที่สอง
เราก็เลยได้มีโอกาสสังเกตความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในครึ่งหลังของหนัง
ได้สังเกตว่ามันมีอะไรที่ผิดเพี้ยนไปจากเดิมบ้างในช่วงครึ่งหลังของหนัง
อะไรทำนองนี้
6. FARAWAY, SO CLOSE! (1993, Wim Wenders, Germany, 140min,
A+30)
เพิ่มขึ้นราว 50 หน่วย
เราได้ดู FARAWAY, SO CLOSE! รอบแรกในรูปแบบวิดีโอเทปเมื่อราว 30 กว่าปีก่อน ซึ่งเรา
“ดูไม่รู้เรื่องเลย” 5555
เพราะฉะนั้นระดับความชอบของเราก็เลยเพิ่มขึ้นมากในการได้ดูหนังเรื่องนี้เป็นรอบที่สองที่โรงหนัง
HOUSE SAMYAN เพราะว่าคราวนี้เราตามเนื้อเรื่องในหนังได้ทันแล้ว
7. THE SHINING (1980, Stanley Kubrick,
146min, A+30)
เพิ่มขึ้นราว 50 หน่วย
เราได้ดู THE SHINING รอบแรกในรูปแบบวิดีโอเทปเมื่อราว
40 ปีก่อน ซึ่งตอนนั้นเราเด็กมาก ดูหนังเรื่องนี้แล้วเราเลยง่วงมาก ๆ 55555
โชคยังดีที่หนังเรื่องนี้ได้มาฉายในงาน “ทึ่งหนังโลก” ที่โรงหนังสกาลาในปี 2020
(ถ้าเราจำไม่ผิด) เราก็เลยชอบหนังเรื่องนี้เพิ่มขึ้นมากในการดูรอบสอง ซึ่งสาเหตุสำคัญเป็นเพราะว่า
“เราโตขึ้นกว่าเดิม 40 ปี” ในการดูรอบสอง และเราคุ้นชินกับ “หนังช้า”
เป็นอย่างดีแล้ว ในขณะที่ “การได้ดูในจอใหญ่” ก็คงมีส่วนช่วยด้วยในระดับนึง
8. SOLARIS (1972, Andrei Tarkovsky, Soviet Union, 167min,
A+30)
เพิ่มขึ้นราว 75 หน่วย
เราได้ดูหนังเรื่องนี้รอบแรกในรูปแบบวิดีโอเทปเมื่อราว
25-30 ปีก่อน ซึ่งเราก็ชอบมากพอสมควร และก็ได้ดูหนังเรื่องนี้รอบสองที่โรงหนัง SF
CENTRAL WORLD เมื่อไม่กี่ปีก่อน
ซึ่งก็ช่วยเพิ่มอรรถรสในการดูหนังของเราได้เป็นอย่างดี เพราะว่า
8.1 เราได้ดูในจอที่ใหญ่ขึ้น
8.2 งานเสวนาของคุณ Kong Rithdee + Wiwat
Lertwiwatwongsa ก่อนการฉายหนังเรื่องนี้ เป็นสิ่งที่ดีงามมาก ๆ
8.3 เรา “โตขึ้นกว่าเดิมราว 20 ปี”
ก่อนจะได้ดูหนังเรื่องนี้เป็นรอบที่สอง
9. NEWS FROM HOME (1977, Chantal
Akerman, Belgium/France, 90min, A+30)
เพิ่มขึ้นราว 90 หน่วย
เราได้ดูหนังเรื่องนี้ รอบที่หนึ่ง, สอง และ สาม
ใน “จอขนาดกลาง” ในงานฉายหนังของ FILMVIRUS ที่ห้องสมุดธรรมศาสตร์
ท่าพระจันทร์ เมื่อราว 25-30 ปีก่อน ซึ่งเราก็ชอบหนังเรื่องนี้อย่างสุดขีด
แต่มันเป็นหนัง “พูดภาษาอังกฤษ ที่ไม่มีซับไตเติล” และเราฟังไม่ออกเลยว่า เสียง voiceover
ในหนังมันพูดว่าอะไร 55555
พอเราได้ดูหนังเรื่องนี้เป็น “รอบที่สี่”
(ถ้าจำไม่ผิด) ในจอใหญ่ยักษ์ที่หอภาพยนตร์ ศาลายา ในวันที่ 30 เม.ย. 2023
ซึ่งเป็นการฉายแบบมีซับไตเติลภาษาไทย เราก็เลยเหมือนได้รับ
“ความสุขเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง” จากการได้ดูหนังเรื่องนี้
เพราะเหมือนสิ่งที่ค้างคาใจเรามานาน 30 ปี ได้รับการปลดเปลื้องออกไปเสียที
จากการได้ดูหนังเรื่องนี้แบบมีซับไตเติล 55555 คือเหมือนระดับความสุขที่เพิ่มขึ้น
90 หน่วยนี้ 10 หน่วยเกิดจากการได้ดูในจอใหญ่ยักษ์ ส่วนอีก 80 หน่วยเกิดจาก
“ซับไตเติล”
10. SANS SOLEIL (1983, Chris Marker,
France, 100min, A+30)
เพิ่มขึ้น 90 หน่วย
เราได้ดูหนังเรื่องนี้รอบแรกใน “จอขนาดกลาง”
ในงานฉายหนังของ FILMVIRUS ที่ห้องสมุดธรรมศาสตร์ เมื่อราว
20-25 ปีก่อน ซึ่งเป็นการฉายเวอร์ชั่นพูดภาษาอังกฤษแบบไม่มีซับไตเติล และเรา
“แทบฟังไม่ออก” เลยว่าเขาพูดว่าอะไร เหมือนเราฟังออก + คิดตามทัน ได้แค่ 5%
ของเสียง voiceover ในหนังเรื่องนี้
เราได้ดูหนังเรื่องนี้รอบสองที่ DOC CLUB
& PUB ซึ่งจริง ๆ แล้ว
ขนาดของจอก็ใหญ่กว่าที่ห้องสมุดธรรมศาสตร์แค่นิดหน่อย 55555 แต่คราวนี้หนังมันมี
“ซับไตเติลภาษาไทย” และบทพูดของหนังเรื่องนี้มันรุนแรงมาก ๆ
เราก็เลยชอบหนังเรื่องนี้เพิ่มขึ้นราว 90 หน่วยในการดูรอบสอง โดยที่ “ขนาดของจอ”
ไม่ได้มีผลแต่อย่างใด เราว่า 90 หน่วยนี้เกิดจาก
10.1 ความสุข 10 หน่วยมาจากการ
“ได้ดูเป็นรอบที่สอง” ทำให้จูนติดกับหนังเรื่องนี้ได้ง่ายขึ้น
10.2 ความสุข 10 หน่วยมาจากการที่เรา
“แก่ขึ้นกว่าเดิมราว 25 ปี” จากเวลาที่เราได้ดูหนังเรื่องนี้ในรอบแรก
10.3 ความสุข 70 หน่วยมาจาก “ซับไตเติล”
11. A BRIGHTER SUMMER DAY (1991, Edward
Yang, Taiwan, 237min, A+30)
เพิ่มขึ้น 100 หน่วย
เราได้ดูหนังเรื่องนี้รอบแรกใน “จอขนาดกลาง”
ในงานฉายหนังของ FILMVIRUS ที่ห้องสมุดธรรมศาสตร์เมื่อราว 25
ปีก่อน ซึ่งเราก็ชอบหนังเรื่องนี้มาก ๆ นะ แต่เรา “แยกตัวละครไม่ออก” และ
“ตามเนื้อเรื่องไม่ทัน”
เราได้ดูหนังเรื่องนี้รอบสองที่โรงหนังในห้าง EMQUARTIER
เมื่อราว 8 ปีก่อน ซึ่งการได้ดูในจอใหญ่ และการได้ดูเป็นรอบที่สอง
ทำให้เรา “แยกตัวละครออก”, “ตามเนื้อเรื่องได้ทัน” และสิ่งที่สำคัญก็คือว่า
เราพบว่าตัวละครประกอบบางตัว “หล่อน่ากินมาก ๆ”
ซึ่งการได้ดูในจอเล็กไม่สามารถให้ในสิ่งนี้ได้ (โดยเฉพาะพวกหนังอาร์ตที่ชอบถ่ายผู้ชายหล่อ
ๆ แบบ long shot) การได้ดูผู้ชายหล่อ ๆ บนจอใหญ่ยักษ์
ก็เลยมีส่วนสำคัญที่ทำให้ระดับความพรึงเพริดทางอารมณ์เพิ่มขึ้น 100 หน่วย
12. SATANTANGO (1997, Bela Tarr, Hungary, 439min, A+30)
เพิ่มขึ้น 100 หน่วย
เราได้ดูหนังเรื่องนี้รอบแรกในรูปแบบดีวีดี
โดยเราได้ดูมันใน “คืนวันปีใหม่” สักปีนึงเมื่อราว 20 ปีก่อน
คือเหมือนเราได้ดูหนังเรื่องนี้ในวันสุดท้ายของปีนึง
แล้วกว่าจะดูจบมันก็เข้าสู่ปีใหม่ไปแล้ว อะไรทำนองนี้
ซึ่งการได้ดูในรอบแรกนั้น
เราก็ชอบหนังเรื่องนี้อย่างสุดขีดนะ แต่เรา “แยกตัวละครไม่ออก”,
“ตามเนื้อเรื่องไม่ทัน” ในบางจุด
และสิ่งที่สำคัญที่ทำลายอรรถรสของหนังเรื่องนี้อย่างรุนแรงก็คือว่า
เราไม่ได้ดูมันแบบ 439 นาทีติดต่อกัน คือเหมือนเราดูมันไป 400 นาที แล้วเราก็ง่วงมาก
เพราะเราอดนอนข้ามคืน มันเข้าสู่ปีใหม่แล้ว เราก็เลยเข้านอน แล้วค่อยมาดูต่ออีก 39
นาทีที่เหลือ แล้วเราก็พบว่า การทำแบบนี้ มัน “ทำลายจังหวะทางอารมณ์ของหนัง”
อย่างรุนแรงมาก ๆ
เราได้ดูหนังเรื่องนี้ในรอบสองที่หอภาพยนตร์
ศาลายา ซึ่งมันดีมาก ๆ สำหรับเรา ระดับความพรึงเพริดทางอารมณ์เพิ่มขึ้นราว 100
หน่วย เพราะว่า
12.1 จอใหญ่ยักษ์ช่วยเพิ่มอรรถรสได้เป็นอย่างดี
12.2 จอใหญ่ช่วยให้เราแยกแยะตัวละครได้ง่ายขึ้น
12.3 พอเราแยกแยะตัวละครได้ง่ายขึ้น
เราก็ตามเนื้อเรื่องในหนังได้ทัน
12.4 การดูแบบ 439 นาทีติดต่อกัน โดยมี intermission
คั่นกลางแค่ 2 ครั้ง (ถ้าจำไม่ผิด) ช่วยรักษา
“จังหวะอารมณ์ของหนังที่ถูกร้อยเรียงเอาไว้” ได้เป็นอย่างดี พอเราได้ดูหนังแบบ
“ไม่มีอะไรมาทำให้วอกแว่ก” แบบนี้ หนังมันก็เลยส่งผลกระทบทางอารมณ์ต่อเราได้อย่างเต็มที่
ซึ่งปัจจัยแบบนี้มันแตกต่างจาก WERCKMEISTER
HARMONIES นะ เพราะ WERCKMEISTER HARMONIES นั้น
“ตัวละครมันน้อยกว่า” และ “เราก็พอจะตามเนื้อเรื่องได้ทันตั้งแต่ในการดูรอบแรก”
แล้ว และเราก็ได้ดู WERCKMEISTER HARMONIES รอบแรกแบบรวดเดียวตั้งแต่ต้นจนจบอยู่แล้วด้วย
เพราะฉะนั้นพอเราดู WERCKMEISTER HARMONIES รอบสอง
ระดับความพรึงเพริดของเราก็เลยไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนักจากการดูรอบแรก แต่ปัจจัยข้อ
12.2 + 12.3 + 12.4 นี่แหละ ที่เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เราชอบ SATANTANGO รอบสองเพิ่มขึ้นมากจากการดูรอบแรก
13. THE TERRORIZERS (1986, Edward Yang,
Taiwan, 109min, A+30)
เพิ่มขึ้น 100 หน่วย
เราได้ดูหนังเรื่องนี้รอบแรกใน “จอขนาดกลาง”
ในงานฉายของกลุ่ม FILMVIRUS ที่ห้องสมุดธรรมศาสตร์เมื่อราว
25 ปีก่อน ซึ่งเรา “ดูไม่รู้เรื่องเลย” 55555
เราได้ดูหนังเรื่องนี้รอบสองที่โรงหนัง HOUSE
SAMYAN ซึ่งคราวนี้เราดูรู้เรื่องตั้งแต่ต้นจนจบ
เราก็เลยชอบหนังเรื่องนี้เพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงสุดขีดมาก
สรุปว่า เราสนับสนุนให้โรงภาพยนตร์นำหนังเก่า ๆ
มาฉายในจอใหญ่กันต่อไปนะ เพราะเราเองก็อยากดูหนังอีกหลายเรื่องอย่างรุนแรงมาก
มีหนังเก่าๆ
อีกหลายหมื่นเรื่องที่เรายังไม่เคยดู และเราก็อยากดูในจอใหญ่
และก็มีหนังเก่าอีกหลายเรื่องที่เราเคยดูไปแล้วในจอเล็ก
และเราก็อยากดูในจอใหญ่อีกเป็นรอบที่สอง โดยเฉพาะหนังดังต่อไปนี้
1. MIRROR (1975, Andrei Tarkovsky, Soviet Union, 107min)
เราได้ดูหนังเรื่องนี้ในรูปแบบวิดีโอเทปเมื่อ 25
ปีก่อน และก็อยากดูอีกรอบในจอใหญ่ยักษ์
2. A CITY OF SADNESS (1989, Hou
Hsiao-hsien, Taiwan, 157min)
เราได้ดูหนังเรื่องนี้ในงานฉายหนังของ FILMVIRUS
ที่ห้องสมุดธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เมื่อราว 25 ปีก่อน
และก็อยากดูอีกรอบในจอใหญ่ยักษ์
3. A CONFUCIAN CONFUSION (1994, Edward
Yang, Taiwan, 125min)
เราได้ดูหนังเรื่องนี้ในงานฉายหนังของ FILMVIRUS
ที่ห้องสมุดธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เมื่อราว 25 ปีก่อน
และก็อยากดูอีกรอบในจอใหญ่ยักษ์
++++++++
คนที่โดนรุมกระทืบนี่อาจจะเป็น "จิตร
โพธิ์แก้ว" ได้ในอนาคตนะ
เพราะเมื่อไม่นานมานี้เราก็เจอคนยืนสูบบุหรี่ในห้องน้ำที่เมเจอร์ รัชโยธิน
คนสูบบุหรี่ดูทรงแล้วน่าจะเป็นคนจีน ควันเหม็นมาก
แล้วก็มีพนักงานชายทำความสะอาดห้องน้ำอยู่ใกล้ ๆ แต่ก็ไม่เห็นพนักงานจะห้ามปรามอะไร
เราเองก็เป็นโรคหอบหืดอยู่ เราก็เลยรีบฉี่แล้วรีบออกจากห้องน้ำโดยเร็ว
แล้วรีบกลับมากินยาแก้หอบหืดที่อพาร์ทเมนท์
ไม่รู้เหมือนกันว่า ถ้าหากเจอกรณีแบบนี้อีก
เราควรจะทำอย่างไรดี
++++++++++
กำลังจะกดซื้อตั๋วชมภาพยนตร์เรื่อง LUMINOUS
PEOPLE (2007, Apichatpong Weerasethakul) แต่เกิดสังหรณ์ใจอะไรบางอย่าง
เลยเช็คดูใน blog ของตัวเอง แล้วก็พบว่า เราเคยชมภาพยนตร์เรื่อง
LUMINOUS PEOPLE ไปแล้วในวันที่ 19 ต.ค. 2008 ในนิทรรศการ TRACES
OF SIAMESE SMILE ที่ BACC กรี๊ดดดดด
เกือบพลาดไปแล้ว รู้สึกอับอายมาก ๆ ที่ตัวเองลืมว่าเคยดูหนังเรื่องนี้ไปแล้ว
ความทรงจำของเรามีปัญหาอย่างรุนแรงจริง ๆ
แต่ก็อาจจะซื้อตั๋วเพื่อไปดูหนังเรื่องนี้ซ้ำเป็นรอบที่สองนะ
เดี๋ยวค่อยตัดสินใจอีกที 55555
+++
เรายังไม่ได้ฟังพอดแคสต์นี้ แต่เคยดูหนังเรื่อง LOVE
IS THE DEVIL (1998, John Maybury) ที่ Daniel Craig รับบทเป็นโจรที่แอบเข้ามาขโมยของในบ้านของ Francis Bacon (Derek
Jacobi) แล้วเลยโดย Francis Bacon จับทำผัว
++++++++
ตารางชีวิตฮิสทีเรียสำหรับช่วงปลายเดือนส.ค.
ตอนนี้เราขอจัดตารางการดูหนังในช่วงปลายเดือนส.ค.และในเทศกาล
WHAT THE DOC ไว้คร่าว ๆ ก่อน ไม่รู้ว่าจะได้ดูจริงกี่เรื่อง
เราเคยดูหนังที่ฉายในเทศกาลนี้ไปแล้วหลายเรื่องนะ
ซึ่งเราก็ชอบสุด ๆ ทุกเรื่องที่เคยดูไป โดยเฉพาะ TOUR OF DUTY, GAMA, A FREE MAN, MY BUDDHA IS PUNK, LIBERTY SQUARE และ ALLIHOPA: THE DALKURD STORY เพราะฉะนั้นตารางที่เราจัดนี้
ก็เลยไม่ได้ครอบคลุมหนังที่เราชอบสุด ๆ เหล่านี้ที่เราเคยดูไปแล้ว
SAT 23 AUG
14.00-15.00 FIVE
SHORT FILMS @ Alliance Francaise (นอกเทศกาล)
1. Boriya
2019 | Directed by
Sung Ah Min | Animation /
2. Umbrellas
2020 | Directed by
José Prats and Àlvaro Robles | Animation /
3. After the rain
2018 | Directed by Valérian Desterne, Carlos Osmar Salazar
Tornero, Céline Collin, Lucile Palomino, Juan Olarte, Juan Pablo De La Rosa
Zalamea, and Rebecca Black | Animation /
4. A Stone in the Shoe
2020 | Directed by Éric Montchaud | Animation /
5. Baking with Boris
2023 | Directed by Éric Montchaud | Animation
16.35
PALESTINE ANIMATIONS 1: 3 FILMS BY AHMAD SALEH (31MIN)
House
(2012 / Ahmad Saleh / 4 min / Jordan, Palestine)
Ayny
(2016 / Ahmad Saleh / 11 min / Jordan, Palestine)
Night
(2021 / Ahmad Saleh / 16 min / Jordan, Palestine)
17.20
PALESTINE ANIMATIONS 2: WORKSHOP FILMS IN GAZA BY HANEEN
KORAZ (83MIN)
19.00
JOHATSU (2024, Andreas Hartmann, Arata Mori, Germany, documentary,
86min)
SUNDAY 24 AUG
12.00
LOVE BOUND (80MIN)
(Shanshan Chen / 2024 / 80 min / United Kingdom)
13.30
ABORTION DREAM TEAM (Karolina Lucyna Domagalska / 2025 / 70
min / Poland)
15.00
PER LE KEE (Natthapol Kitwarasai, 2025 / 10 min /
Thailand)
+ PENDING (Thanyachanok Sangbunjong, 2025 / 20 min /
Thailand)
+ HOME AND AWAY (Rachata Thongruay, 2024 / 22 min / United
Kingdom, Thailand)
16.15
AU REVOIR SIAM (Domenico
Singha Pedroli/ 2024 / 29 min / France, Switzerland,
Thailand)
+ MIDNIGHT BLOOM (Veerapong Soontornchattrawat, 2025 / 17
min / Thailand)
+ DUGONG TEARS (Thaweechok Phasom, 2025 / 10 min / Thailand)
17.30
A LETTER TO UNCLE BOONMEE (Apichatpong Weerasethakul / 2008
/ 17 min / Thailand, Germany, UK)
+ CACTUS RIVER โขงแล้งน้ำ (Apichatpong
Weerasethakul / 2012 / 10 min / Thailand)
+ VAPOUR (Apichatpong Weerasethakul / 2015 / 21 min /
Thailand, China, South Korea)
+ ASHES (Apichatpong Weerasethakul / 2012 / 20 min /
Thailand)
MONDAY 25 AUG
13.00
AND THE FISH FLY ABOVE OUR HEAD (Dima Adib El-Horr / 2025 /
70 min / Lebanon)
14.30
AS A BIRD THAT BRIEFLY PERCHES (Dorothy Cheung / 2025 / 16
min / Hong Kong, UK)
+ LINA (IIN MARLINA) (Jhih-Jie Chu / 2024 / 44 min / Taiwan)
16.45
MULJIL: DIVING (Young Eun Yoo / 2024 / 25 min / South Korea)
+ THE OTHER DAUGHTER (Fala Pratika / 2024 / 25 min /
Indonesia)
18.00
CENOTE (2019, Kaori Oda, Japan/Mexico, documentary, 75min)
TUESDAY 26 AUG
18.00
LIBERTY SQUARE (Wood Lin / 2020 / 12 min / Taiwan)
+ COLOUR IDEOLOGY SAMPLING.MOV (CHAN Cheuk-sze and Kathy
Wong / 2024 / 59 min / HK-Taiwan)
19.30
DAYS OF RAIN (2010, Andreas Hartmann, Germany/Vietnam,
documentary, 73min)
WEDNESDAY 27 AUG
13.00
THE FABULOUS GOLD HARVESTING MACHINE (Alfredo Pourailly de
la Plaza / 2025 / 77 min / Chile, Holanda)
14.30
UNDERGROUND (Kaori Oda / 2025 / 83 min / Japan)
16.10
KICKOFF (Roser Corella, Stefano Obino / 2025 / 77 min /
Germany, Spain)
THURSDAY 28 AUG
13.30 THE NEW RUINS (Manuel Embalse / 2024 / 90 min /
Argentina)
14.45 AFTER THE SNOWMELT (Yi-Shan Lo / 2024 / 110 min /
Taiwan, Japan)
16.50 CHINATOWN CHA-CHA (Luka Yuanyuan Yang / 2024 / 85 min
/ China)
FRIDAY 29 AUG
13.00
TEMPORARY SHELTER (Anastasiia Bortuali / 2024 / 80 min /
Iceland, Ukraine)
14.35
BLUE ISLAND (Chan Tze-woon / 2022 / 97 min / Hong Kong)
16.10
ANOTHER HOME (Frankie Sin / 2024 / 84 min / Taiwan/Hong
Kong, China/France)
17.25
UNTIL THE ORCHID BLOOMS (Polen Ly / 2024 / 103 min /
Cambodia, France)
19.30
TAMAN-TAMAN/PARK (So Yo-Hen / 2024 / 101 min / Taiwan)
SATURDAY 30 AUG
มีประชุมงาน อาจจะต้องงดดูหนังทั้งวัน
SUNDAY 31 AUG
วันนี้ไปดูหนังที่ CENTURY ONNUT
16.00
SELF-PORTRAIT WITH THREE WOMEN (Zhang Mengqi / 2010 / 75 min
/ China)
17.30
SELF-PORTRAIT FAIRY TALE IN 47 KM (Zhang Mengqi / 2010 / 109
/ China)
No comments:
Post a Comment