APICHATPONG VS. ACHITAPHON
มีเพื่อนใน Facebook ถามว่า
หนังของ Achitaphon Piansukprasert เป็นงานแบบทางเดียวกับงานพี่เจ้ยหรือเปล่า
เราก็เลยตอบไปตามข้างล่างนี้ และก็เลย copy paste คำตอบของเราเอง
มาแปะแยกเป็นอีกโพสท์หนึ่งดีกว่า เพื่อความสะดวกของตนเองเวลาค้นหาข้อมูลในภายหลัง
++++++
ผมดูแล้วไม่คิดว่างานของ Achitaphon เหมือนงานพี่เจ้ยครับ ผมคิดว่างานของ Achitaphon unique
มาก ๆ แทบไม่เหมือนงานของผู้กำกับท่านอื่น ๆ ที่ผมเคยดูมาเลย
จุดนี้ก็เลยเป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำให้ผมชอบหนังของ Achitaphon อย่างสุด
ๆ ครับ
แต่ผมก็จัดให้หนังของเขาเป็น limitless
cinema เหมือนหนังของเจ้ยครับ เพราะทั้งหนังของเจ้ยและหนังของ Achitaphon
ช่วย "ผลักขอบเขตความเป็นไปได้ทางภาพยนตร์" ออกไปมาก ๆ
สำหรับผมครับ ดูหนังของสองคนนี้แล้วทำให้ผมรู้สึกว่า ภาพยนตร์มีความเป็นไปได้ต่าง
ๆ มากกว่าที่ผมเคยคิดไว้ในตอนแรก
จุดแตกต่างที่สำคัญก็คือว่า หนังของเจ้ยส่วนใหญ่ที่ผมดู
มันจะมี “พลังทางบรรยากาศจากสถานที่ที่ใช้ในการถ่ายทำ” อยู่ด้วยครับ อย่างเช่น
เวลาไปถ่ายป่า, บ้านคนในชนบท หรือสถานที่ใด ๆ ก็ตาม
เจ้ยจะสามารถดึงพลังงานบางอย่างจากสถานที่ที่ใช้ในการถ่ายทำออกมาได้อย่างรุนแรงครับ
โดยเฉพาะหนังเรื่อง WINDOWS (1999) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในหนังที่ผมชอบมากที่สุดของเจ้ย
คือแค่เจ้ยถ่าย “หน้าต่าง” เจ้ยก็สามารถดึงพลังงานบางอย่างออกมาจากหน้าต่างที่ถ่ายได้อย่างรุนแรงที่สุดในความเห็นของผม
ส่วนหนังหลาย ๆ เรื่องของคุณ Achitaphon เป็นหนังที่เหมือนอยู่ใน “โลกของภาพกราฟิก” หรือ “โลกของละครเวที”
ไม่ได้มีการใช้ “สถานที่จริง” ครับ เพราะฉะนั้นพลังในหนังของคุณ Achitaphon
กับหนังของเจ้ยก็เลยดูเหมือนแตกต่างกันมากในความรู้สึกของผม
โลกในหนังของ Achitaphon หลาย ๆ เรื่องมันเป็นโลกที่ดู artificial
มาก ๆ ห่างไกลจากวัตถุในโลกแห่งความเป็นจริงมาก ๆ
แต่ที่เขียนมาข้างต้น ก็ไม่ได้หมายรวมถึงหนังทุกเรื่องของทั้งสองคนนี้นะครับ
เพราะว่า A CONVERSATION WITH THE SUN ของเจ้ย ก็เหมือนอยู่ในโลกของ
“ภาพกราฟิก” เหมือนกัน เพราะฉะนั้นผมก็เลยรู้สึกว่า A CONVERSATION WITH
THE SUN ถือเป็นหนังของ Apichatpong ที่ทำให้ผมนึกถึง
Achitaphon Piansukprasert มากที่สุด
ในอีกทางหนึ่ง หนังเรื่อง MERMAID’S COMB
หวีนางเงือก (2017, Achitaphon Piansukprasert, 7.01min,
A+30) ก็ถือเป็นหนังของ Achitaphon ที่ทำให้ผมนึกถึง
Apichatpong มากที่สุด ซึ่งก็อธิบายได้ยากเหมือนกันว่าทำไม
บางทีอาจจะเป็นเพราะว่า MERMAID’S COMB พูดถึงโลกลี้ลับบางอย่างที่อยู่ร่วมกับ
“ชีวิตในชนบทไทย” อะไรทำนองนี้ครับ ซึ่งสิ่งนี้มักจะทำให้ผมนึกถึงหนังของเจ้ย
ผมว่า หนังเรื่อง SPIRIT วิญญาณ
(2018, Achitaphon Piansukprasert, 14.54min, A+30) และ CONCRETE
ROOTS รากพราย (2018, Achitaphon Piansukprasert, 90 minute,
A+30) ก็ดูเหมือนจะแสดงให้เห็นถึงความพยายามในการ “ดึงพลังงานลี้ลับบางอย่างออกมาจากวัตถุในโลกแห่งความเป็นจริง”
เหมือนกัน แต่ผมชอบหนังแนว “โลกของภาพกราฟิก” และ “โลกที่ใช้ฉากแบบละครเวที” ของ
Achitaphon มากกว่าครับ เพราะผมว่าจุดนี้มันทำให้เขาแตกต่างจากผู้กำกับหนังไทยคนอื่น
ๆ
ภาพบนมาจาก BLOOD RAIN ฝนเลือด
(2023, Achitaphon Piansukprasert, 73 minute, A+30) ส่วนภาพล่างมาจาก
A CONVERSATION WITH THE SUN (Apichatpong Weerasethakul)
+++++
Peter Magyar ผู้นำฝ่ายค้านของ Hungary
หลังจากดูหนังของ Bela Tarr ก็เลยทำให้สนใจประเทศ Hungary มากขึ้นค่ะ 55555
++++
อยากดู PALESTINE 36 (2025, Annemarie Jacir)
และอยากให้มีคนจัดงาน retrospective ของ Annemarie
Jacir มาก ๆ เราเคยดูหนังของเธอแค่เรื่องเดียว ซึ่งก็คือ A
FEW CRUMBS FOR THE BIRDS (2005, Jordan) ที่เคยเข้ามาฉายในกรุงเทพ
โดย A FEW CRUMBS FOR THE BIRDS ติดอันดับ 13
ในลิสท์หนังสุดโปรดที่เราได้ดูในปี 2014
ก่อนหน้านี้ Palestine ก็เคยส่งหนังที่กำกับโดย
Annemarie Jacir เข้าชิงออสการ์มาแล้ว 3 ครั้ง ซึ่งได้แก่ SALT
OF THIS SEA (2009), WHEN I SAW YOU (2013) และ WAJIB (2018)
PALESTINE 36 นำแสดงโดยดาราหญิงคนโปรดของเรา Hiam
Abbass (SYRIAN BRIDE, PARADISE NOW, LEMON TREE) และมี Jeremy
Irons ร่วมแสดงด้วย
++++
รอบฉายภาพยนตร์ของ Domenico Singha
Pedroli + Thaweechok Pasom เหลือที่นั่งอีกไม่มากนะคะ
ใครอยากดูต้องรีบจับจองค่ะ
++++++
เพิ่งรู้จาก IMDB ว่า
หนังเรื่อง 4 KINGS (2021) มีคนเขียนบทถึง 3 คน ซึ่งได้แก่
1. Put Puttipong Nakthong
2. Puttipong Nakthong
3. Putthipong Naktong
55555
จริง ๆ แล้ว
เราว่าการแปลงชื่อภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ มันไม่มีกฎตายตัว ก็เลยสะกดได้หลายแบบ
อย่าง ธิ ก็สะกดเป็น ti หรือ thi ก็ได้
หรือ ทอง ก็สะกดเป็น tong หรือ thong ก็ได้
มันก็เลยมีส่วนทำให้เกิดปัญหาแบบนี้ขึ้น
++++
เพิ่งรู้ว่า “แท้ ประกาศวุฒิสาร” กับ “ไพรัช
กสิวัฒน์” เคยเดินทางไปงานเทศกาลภาพยนตร์ Tashkent ในสหภาพโซเวียตในปี
1958 ด้วย รุนแรงมาก ๆ เราไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย
โดยในตอนนั้นเทศกาลภาพยนตร์ดังกล่าวใช้ชื่อว่า ASIAN AND AFRICAN FILM
FESTIVAL และในเวลาต่อมา Tashkent ก็ได้กลายเป็นเมืองหลวงของประเทศ
Uzbekistan
หนังสือ “ชีวิตที่โลดเต้นของ แท้ ประกาศวุฒิสาร”
บอกว่า เนื่องจากปัญหาเรื่องพลาดเที่ยวบิน แท้กับไพรัชก็เลยไปไม่ทันงานประกวดในเทศกาลภาพยนตร์
Tashkent แต่เจ้าหน้าที่กองการประกวดได้ให้การต้อนรับทั้งสองเป็นอย่างดี
ทั้งสองได้เดินทางต่อไปที่ Moscow และได้พูดปราศรัยและร้องเพลงชาติไทยออกทางโทรทัศน์ของสหภาพโซเวียตด้วย
เราได้หนังสือ “ชีวิตที่โลดเต้นไปของ แท้
ประกาศวุฒิสาร” มา ตอนที่มีการแจกหนังสือเล่มนี้ฟรี ในงานฉายภาพยนตร์อะไรสักเรื่องที่หอภาพยนตร์มั้ง
ไม่แน่ใจว่าเป็นตอนที่มีการฉายหนังเรื่อง “เจ้าหญิง” (1969, Puhkam) ที่อำนวยการสร้างโดยแท้ ประกาศวุฒิสารหรือเปล่า
ส่วน ไพรัช กสิวัฒน์ ที่ร่วมเดินทางไปด้วยนั้น
เขาเคยกำกับภาพยนตร์เรื่อง “ล่า” (1977, A+30) ที่เราชอบมาก
ๆ เรื่อง “ล่า” ของทมยันตีนี้เคยสร้างเป็นละครทีวีที่ทุกคนรู้จักกันดี นอกจากนี้ ไพรัชยังเคยกำกับหนังเรื่อง
“สันกำแพง” (1968), ดิน น้ำ ลม ไฟ (1969), ดรรชนีไฉไล (1974), etc. ด้วย
พออ่านประวัติเรื่องการเดินทางของคุณแท้และคุณไพรัชในเทศกาลภาพยนตร์
Tashkent ในปี 1958 แล้ว เราก็เลยอยากรู้ว่า ในยุคนั้นมี “หนังไทยเรื่องไหนบ้างที่เคยได้ไปในฉายในสหภาพโซเวียต”
โดยที่เรารู้ตอนนี้ก็มีอย่างน้อย 3 เรื่อง ซึ่งก็คือ
1. TWO BROTHERS
สองพี่น้อง (1958, Prince Bhanubandhu Yugala)
หนังสือเล่มนี้เล่าว่า หนังเรื่องนี้ได้ฉายที่ Tashkent
ตอนที่คุณแท้กับคุณไพรัชไปเยือนเทศกาล (หลังเทศกาลจบลงแล้ว)
2. SANTI-VINA (1954, Marut, A+30)
เห็นใน Wikipedia บอกว่า
สถานทูตรัสเซียเคยซื้อหนังเรื่องนี้ไปฉายในสหภาพโซเวียต
3. SECONDHAND WOMAN ผู้หญิงมือสอง (1979,
Apichat Phopairot)
หนังเรื่องนี้เคยได้ฉายในเทศกาลภาพยนตร์ที่มอสโคว์ในปี
1979 เราอยากดูหนังเรื่องนี้อย่างรุนแรงที่สุด เพราะเราเคยดูหนังอีก 2 เรื่องของ
Apichat Phopairot แล้วเราชอบมาก ๆ
เห็นเว็บไซต์ NANGDEE บอกว่า
หนังเรื่อง “ผู้หญิงมือสอง” ได้รับรางวัลชนะเลิศจากเทศกาลภาพยนตร์ Tashkent
ด้วย แต่เราหาหลักฐานอื่น ๆ มายืนยันเรื่องนี้ไม่ได้
เราก็เลยไม่แน่ใจว่าหนังเรื่องนี้เคยได้รางวัลที่ Tashkent จริงหรือเปล่า
มีใครมีข้อมูลอะไรเพิ่มเติมก็บอกมาได้นะคะ
No comments:
Post a Comment