THAI SHORT FILMS SEEN ON APRIL 20, 2018
1.THE BLIND SUN AND HIS WILD FLOWER (2018, ณภัทร ดิษฐขจร, A+30)
เหมือนเพื่อนบางคนจะไม่ชอบหนังเรื่องนี้ แต่เราดูแล้วรู้สึกว่ามันซึ้งมากๆ 555
2.27/11 (2018, Artist Cheamcharoenpornkul, A+25)
เป็นหนังที่ content มีความน่าสนใจน้อยมาก แต่เราว่าหนังออกมาดูแล้ว cinematic มากที่สุด เพราะเนื้อเรื่องของหนังพูดถึงพระเอกนางเอกที่กลับมาเจอกันหลังจากที่เคยห่างหายกันไป คือเรื่องความสัมพันธ์โรแมนติกแบบนี้เป็นสิ่งที่พบได้ทั่วไปในหนังนักศึกษาเป็นพันเรื่อง แต่หนังถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านี้ออกมาได้ดีมาก ผ่านทางการออกแบบซีนต่างๆในหนัง
3.WETLAND, DRYLAND (2018, Thakoon Leesumpun, A+25)
ชอบไอเดียของหนังมากๆ ที่เอาเรื่องการฆ่าตัวตายมาจินตนาการปั้นแต่งเป็น allegory โลกทางจิตวิญญาณ แต่ก็ไม่ได้ชอบหนังแบบสุดๆนะ เพราะเราว่าบทสนทนาของตัวละครในหนังมันไม่ค่อยทรงพลัง และตัวละครมันเหมือนขาดพลังด้านมืดยังไงไม่รู้ 555 คือเหมือนเราอยากรู้เรื่องความเจ็บปวดของนางเอกมากกว่านี้ หรือสัมผัสได้ถึงความหม่นเศร้าของนางเอกมากกว่านี้
จริงๆแล้วสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เราไม่ได้อินกับหนังเรื่องนี้แบบสุดๆ คือสาเหตุเดียวกับที่ทำให้เราไม่ได้อินกับ NOT WAVING BUT DROWNING (2018, Pemika Sanpuang) ของ ICT ศิลปากรนั่นแหละ เพราะเรามักจะอินกับหนังที่ตัวละครฆ่าตัวตาย มากกว่าตัวละครที่ตัดสินใจอีกแบบ คือเราจะอินกับหนังแบบ THE FIRE WITHIN (1963, Louis Malle) และ THE DEVIL, PROBABLY (1977, Robert Bresson) ที่นำเสนอสภาพจิตของคนที่อยากฆ่าตัวตายได้อย่างทรงพลังมากๆน่ะ ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องของรสนิยมส่วนตัวว่าเราชอบ “ตอนจบ” แบบไหนมากกว่า และไม่ได้เกี่ยวกับว่า WETLAND, DRYLAND และ NOT WAVING BUT DROWNING ดีหรือไม่ดีแต่อย่างใด
หนังที่เราว่าเหมาะฉายควบกับ WETLAND, DRYLAND มากๆคือหนังของนิสิตม.บูรพาเรื่อง GOODNIGHT, ME (2016, Satapron Suphawatee) เพราะ GOODNIGHT, ME นำเสนอโลกจิตวิญญาณออกมาได้ดีมากๆเหมือนกัน
4.วงโคจร (2018, ภูรินท์ กสิคุณ, A+25)
จริงๆแล้วชอบ content ของหนังมากๆ ที่พูดถึงเพื่อนชายสองคนสมัยมัธยม ที่พอโตขึ้นเข้ามหาลัยแล้วก็ห่างหายกันไป ไม่สนิทกันอีก รู้สึกว่าจริงๆแล้วถ้าหนังมันคิดซีนออกมาได้ cinematic หรือทรงพลังกว่านี้ มันจะกลายเป็นหนังที่เราชอบสุดๆได้เลย เพราะเนื้อเรื่องมันเข้าทางเรามาก
ในแง่นึงรู้สึกว่ามันเป็นคู่แฝดของหนังเรื่อง MAGNET (ณัฐพงศ์ ประศรี) เพราะวงโคจรพูดถึงความสัมพันธ์ของหนุ่มมัธยมสองคนที่ชอบไปเที่ยวท้องฟ้าจำลองด้วยกัน ส่วน MAGNET พูดถึงความสัมพันธ์ของสาวมัธยมสองคนที่ชอบไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ด้วยกัน
5.ฉัน, สัมพัทธ์ (2018, Nitchakarn Wongsuttipakorn, A+25)
ชอบที่หนังพูดถึงประเด็นศาสนา, พระเครื่อง ผ่านทางการสนทนาระหว่างนางเอกกับอากงตาบอด
6.พลอย (2018, คณิศร สันติไชยกุล, A+20)
7.UNO (2018, A+15)
หนังน่ารักดี หนังโรแมนติกเกี่ยวกับหญิงสาวที่ใช้ไพ่ UNO ในการทำนายดวง และแอบรักเพื่อนหนุ่ม เหมือนผู้กำกับชัดเจนในแนวทางของตนเองว่าต้องการทำให้มันออกมาดูเหมือนหนังญี่ปุ่นใสๆ ซึ่งไม่ใช่สไตล์หนังที่เราชอบแต่อย่างใด แต่ก็ดีที่ผู้กำกับชัดเจนในแนวทางของตนเอง
8.อดทน (2018, Krongpipop Wirattinan, A+10)
ชอบที่หนังพูดถึงเรื่องการเกณฑ์ทหาร
9.3:17 AM (2018, Safe52, A+5)
เรื่องของผู้หญิงที่นัดชายชู้เพื่อมาเอากัน สนุกดีกับการเล่นระหว่างความฝันกับความจริง แต่ไม่ชอบตอนจบ
เหมือนเป็นคู่แฝดของหนังสั้นพม่าเรื่อง FOOTPRINTS IN THE STREAM (2017, Zaw Bo Bo Hein, A+30) เพราะ FOOTPRINTS IN THE STREAM พูดถึงสามีภรรยาที่ระแวงกันเรื่องการมีชู้ และเป็นหนังฝันซ้อนฝันที่พร่าเลือนระหว่างความฝันกับความจริง แต่ FOOTPRINTS IN THE STREAM ดีกว่ามากๆ
10.เรื่องดีดี (2018, จณิสตา อรรคสูรย์, A+5)
11.SUM (2018, Sasiwimol, A+)
หนังเลสเบียนรัก 3 เส้า รู้สึกว่าซีนในหนังมันดูธรรมดา
12.ALRIGHT (2018, Benjarat Chanbunsai, A-)
No comments:
Post a Comment