Monday, December 15, 2025

THAI SHORT FILMS SEEN ON APRIL 20, 2018

 THAI SHORT FILMS SEEN ON APRIL 20, 2018

เทศกาลหนังจอจิ๋วที่นิเทศ จุฬา
ดูมานานแล้ว แต่ไม่มีเวลาจดบันทึกเลย
1.THE BLIND SUN AND HIS WILD FLOWER (2018, ณภัทร ดิษฐขจร, A+30)
เหมือนเพื่อนบางคนจะไม่ชอบหนังเรื่องนี้ แต่เราดูแล้วรู้สึกว่ามันซึ้งมากๆ 555
2.27/11 (2018, Artist Cheamcharoenpornkul, A+25)
เป็นหนังที่ content มีความน่าสนใจน้อยมาก แต่เราว่าหนังออกมาดูแล้ว cinematic มากที่สุด เพราะเนื้อเรื่องของหนังพูดถึงพระเอกนางเอกที่กลับมาเจอกันหลังจากที่เคยห่างหายกันไป คือเรื่องความสัมพันธ์โรแมนติกแบบนี้เป็นสิ่งที่พบได้ทั่วไปในหนังนักศึกษาเป็นพันเรื่อง แต่หนังถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านี้ออกมาได้ดีมาก ผ่านทางการออกแบบซีนต่างๆในหนัง
3.WETLAND, DRYLAND (2018, Thakoon Leesumpun, A+25)
ชอบไอเดียของหนังมากๆ ที่เอาเรื่องการฆ่าตัวตายมาจินตนาการปั้นแต่งเป็น allegory โลกทางจิตวิญญาณ แต่ก็ไม่ได้ชอบหนังแบบสุดๆนะ เพราะเราว่าบทสนทนาของตัวละครในหนังมันไม่ค่อยทรงพลัง และตัวละครมันเหมือนขาดพลังด้านมืดยังไงไม่รู้ 555 คือเหมือนเราอยากรู้เรื่องความเจ็บปวดของนางเอกมากกว่านี้ หรือสัมผัสได้ถึงความหม่นเศร้าของนางเอกมากกว่านี้
จริงๆแล้วสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เราไม่ได้อินกับหนังเรื่องนี้แบบสุดๆ คือสาเหตุเดียวกับที่ทำให้เราไม่ได้อินกับ NOT WAVING BUT DROWNING (2018, Pemika Sanpuang) ของ ICT ศิลปากรนั่นแหละ เพราะเรามักจะอินกับหนังที่ตัวละครฆ่าตัวตาย มากกว่าตัวละครที่ตัดสินใจอีกแบบ คือเราจะอินกับหนังแบบ THE FIRE WITHIN (1963, Louis Malle) และ THE DEVIL, PROBABLY (1977, Robert Bresson) ที่นำเสนอสภาพจิตของคนที่อยากฆ่าตัวตายได้อย่างทรงพลังมากๆน่ะ ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องของรสนิยมส่วนตัวว่าเราชอบ “ตอนจบ” แบบไหนมากกว่า และไม่ได้เกี่ยวกับว่า WETLAND, DRYLAND และ NOT WAVING BUT DROWNING ดีหรือไม่ดีแต่อย่างใด
หนังที่เราว่าเหมาะฉายควบกับ WETLAND, DRYLAND มากๆคือหนังของนิสิตม.บูรพาเรื่อง GOODNIGHT, ME (2016, Satapron Suphawatee) เพราะ GOODNIGHT, ME นำเสนอโลกจิตวิญญาณออกมาได้ดีมากๆเหมือนกัน
4.วงโคจร (2018, ภูรินท์ กสิคุณ, A+25)
จริงๆแล้วชอบ content ของหนังมากๆ ที่พูดถึงเพื่อนชายสองคนสมัยมัธยม ที่พอโตขึ้นเข้ามหาลัยแล้วก็ห่างหายกันไป ไม่สนิทกันอีก รู้สึกว่าจริงๆแล้วถ้าหนังมันคิดซีนออกมาได้ cinematic หรือทรงพลังกว่านี้ มันจะกลายเป็นหนังที่เราชอบสุดๆได้เลย เพราะเนื้อเรื่องมันเข้าทางเรามาก
ในแง่นึงรู้สึกว่ามันเป็นคู่แฝดของหนังเรื่อง MAGNET (ณัฐพงศ์ ประศรี) เพราะวงโคจรพูดถึงความสัมพันธ์ของหนุ่มมัธยมสองคนที่ชอบไปเที่ยวท้องฟ้าจำลองด้วยกัน ส่วน MAGNET พูดถึงความสัมพันธ์ของสาวมัธยมสองคนที่ชอบไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ด้วยกัน
5.ฉัน, สัมพัทธ์ (2018, Nitchakarn Wongsuttipakorn, A+25)
ชอบที่หนังพูดถึงประเด็นศาสนา, พระเครื่อง ผ่านทางการสนทนาระหว่างนางเอกกับอากงตาบอด
6.พลอย (2018, คณิศร สันติไชยกุล, A+20)
7.UNO (2018, A+15)
หนังน่ารักดี หนังโรแมนติกเกี่ยวกับหญิงสาวที่ใช้ไพ่ UNO ในการทำนายดวง และแอบรักเพื่อนหนุ่ม เหมือนผู้กำกับชัดเจนในแนวทางของตนเองว่าต้องการทำให้มันออกมาดูเหมือนหนังญี่ปุ่นใสๆ ซึ่งไม่ใช่สไตล์หนังที่เราชอบแต่อย่างใด แต่ก็ดีที่ผู้กำกับชัดเจนในแนวทางของตนเอง
8.อดทน (2018, Krongpipop Wirattinan, A+10)
ชอบที่หนังพูดถึงเรื่องการเกณฑ์ทหาร
9.3:17 AM (2018, Safe52, A+5)
เรื่องของผู้หญิงที่นัดชายชู้เพื่อมาเอากัน สนุกดีกับการเล่นระหว่างความฝันกับความจริง แต่ไม่ชอบตอนจบ
เหมือนเป็นคู่แฝดของหนังสั้นพม่าเรื่อง FOOTPRINTS IN THE STREAM (2017, Zaw Bo Bo Hein, A+30) เพราะ FOOTPRINTS IN THE STREAM พูดถึงสามีภรรยาที่ระแวงกันเรื่องการมีชู้ และเป็นหนังฝันซ้อนฝันที่พร่าเลือนระหว่างความฝันกับความจริง แต่ FOOTPRINTS IN THE STREAM ดีกว่ามากๆ
10.เรื่องดีดี (2018, จณิสตา อรรคสูรย์, A+5)
11.SUM (2018, Sasiwimol, A+)
หนังเลสเบียนรัก 3 เส้า รู้สึกว่าซีนในหนังมันดูธรรมดา
12.ALRIGHT (2018, Benjarat Chanbunsai, A-)

No comments: