Wednesday, May 04, 2005

SPANGLISH (A+/A)

จำเพลงในหนังเรื่อง SHALL WE DANCE ไม่ค่อยได้แล้วค่ะ แต่เห็นชื่อเพลง THE BOOK OF LOVE ก็เลยนึกถึงวง BOOK OF LOVE ในทศวรรษ 1980 ไม่รู้ว่ามีใครชอบวงนี้หรือยังจดจำวงนี้ได้บ้างหรือเปล่า ดิฉันไม่ค่อยได้ฟังเพลงของวงนี้เท่าไหร่ค่ะ เพลงที่ชอบที่สุดของวง BOOK OF LOVE ก็คือเพลง PRETTY BOYS AND PRETTY GIRLS

ฟังตัวอย่างเพลงของวง BOOK OF LOVE ได้ที่
http://www.amazon.com/exec/obidos/ASIN/B00005A0AV/qid=1115209197/sr=2-2/ref=pd_bbs_b_2_2/102-4310840-8208960

พูดถึงหนังเรื่อง SHALL WE DANCE ก็เลยนึกถึงหนังเม็กซิโกเรื่อง DANZON (1991, MARIA NOVARO, A+/A) ซึ่งเป็นเหมือนกับ SHALL WE DANCE เวอร์ชันผู้หญิง เพราะหนังเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งที่มีชีวิตประจำวันที่น่าเบื่อ ความสุขของเธอได้มาจากการไปเต้นรำ DANZON ทุกวันพุธ แต่อยู่ดีๆวันหนึ่งผู้ชายที่เป็นคู่เต้นประจำของเธอก็หายสาบสูญไป เธอก็เลยออกไปตามหาเขา และการเดินทางในครั้งนี้ก็ได้ช่วยให้เธอได้เรียนรู้ชีวิตและเข้าใจตัวเองดีขึ้น

ดิฉันชอบหนังแนว “COMING OF AGE”!?!? สำหรับผู้หญิงวัยกลางคนทำนองนี้มากๆค่ะ หนังเรื่องนี้เคยมาฉายที่โรงหนังวอชิงตันที่อยู่บนถนนสุขุมวิท ไม่ไกลจากห้างเอ็มโพเรียม แต่ปัจจุบันนี้โรงหนังนี้เจ๊งไปนานแล้ว

ผู้กำกับ DANZON เป็นผู้หญิงค่ะ และสิ่งที่น่าสนใจมากๆในหนังเรื่องนี้ก็คือตากล้องของหนังเรื่องนี้ ซึ่งก็คือ RODRIGO GARCIA ลูกชายของกาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซ ดิฉันคิดว่าโรดริโก การ์เซียถนัดมากในการถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของผู้หญิงออกมาได้อย่างนิ่มนวลและซาบซึ้งใจมาก โดยแทบไม่มีการใช้มุมกล้องที่หวือหวาแต่อย่างใดเลย โดยหลังจากเขาเป็นตากล้องให้ DANZON แล้ว เขาก็ไปกำกับหนังเรื่อง THINGS YOU CAN TELL JUST BY LOOKING AT HER (A+) และ TEN TINY LOVE STORIES (A+)

ฉากที่ดิฉันชอบมากๆใน DANZON ก็คือฉากที่นางเอกของเรื่องอยู่ที่ท่าเรือค่ะ อารมณ์ความรู้สึกของเธอในฉากนั้นยอดเยี่ยมมากๆ

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ DANZON ได้ที่
http://www.imdb.com/title/tt0101658/combined


อู๋ไต่หย่งเล่นเก่งสุดๆในจอมดาบหิมะแดง การแสดงของเขาในละครเรื่องนี้เป็นการแสดงที่ทรงพลังมากๆ ดิฉันรู้สึกว่าหน้าตาเขาไม่ค่อยตรงสเปคเท่าไหร่ แต่การแสดงในเรื่องนี้นี่สุดๆจริงๆ

อู๋ฉี่หัวก็หล่อดี แต่พี่ชายเขาหล่อกว่า บทบาทของอู๋ฉี่หัวที่ลืมไม่ลงก็คือบทผู้ร้ายใน “ศึกลำน้ำเลือด” (A+) ซึ่งเป็นละครอีกเรื่องที่สนุกมากๆ ชอบ “นางแส้แดง” ในละครเรื่องนี้มาก แล้วก็ชอบตัวละครผู้หญิงอีกคนนึงที่เป็นลูกสมุนของหวงเยอะหัว (หรือเป็นน้องสาวของเขา จำไม่ค่อยได้เหมือนกัน) แต่ตอนหลังเกิดไปหลงรักพระเอก (เหลียงเฉาเหว่ย) เข้า แล้วดันความจำเสื่อมตอนกลางเรื่องเสียอีก จำได้ว่าทุกคนวุ่นวายมากในการทำให้ความทรงจำของเธอกลับคืนมา ฉากของเธอที่จำติดตาก็คือฉากค่ายกลอะไรสักอย่างที่มีกงล้อขนาดใหญ่หมุนๆ แล้วเธอพยายามหยุดค่ายกลมรณะอันนั้นโดยการกระโดดเหาะไปเอาดาบปักขวางกงล้อเอาไว้เพื่อไม่ให้กงล้อหมุนต่อไป

สิ่งที่ชอบมากๆใน “ศึกลำน้ำเลือด” ก็คือ “ตัวละครประกอบ” ในละครเรื่องนี้มันมีชีวิตจิตใจมากๆ ไม่รู้ทำได้ยังไง ตัวละครประกอบในละครจีนเรื่องอื่นๆเหมือนมีเพียงแค่ “หน้าที่” หรือ “บทบาท” อะไรสักอย่าง แต่ตัวละครประกอบเล็กๆน้อยๆในศึกลำน้ำเลือดมันเปี่ยมไปด้วยเลือดเนื้อชีวิตจิตใจกันทุกตัวเลย

รู้สึกเหมือนดิฉันจะได้รู้จักกับหลิวชิงหวินครั้งแรกๆจากศึกลำน้ำเลือดด้วย เขาไม่ใช่ดาราที่หล่อเลย แต่ไปๆมาๆ เขากลับเป็นดาราที่อยู่ในวงการได้นานมากๆๆๆๆจนคาดไม่ถึง ปัจจุบันนี้เขายังได้เล่นเป็นพระเอกหนังอยู่เลย ในขณะที่ดาราหล่อๆรุ่นเดียวกับเขาหายสาบสูญกันไปเยอะแล้ว

ถ้าจำไม่ผิดในศึกลำน้ำเลือด หลิวชิงหวินได้เล่นเป็นปฐมกษัตริย์ของราชวงศ์ถัง เพราะฉะนั้นละครที่เหมาะจะนำมาดูต่อกับศึกลำน้ำเลือดอย่างมากๆก็คือเรื่อง “บูเช็กเทียน” (A+/A) ที่นำแสดงโดยฝงเป๋าเป่าและเกี่ยวกับราชวงศ์ถังเหมือนกัน จำได้ว่าในบูเช็กเทียนมีตัวละครประกอบเป็นเกย์ด้วย

แต่สิ่งที่แย่มากๆก็คือกบว.ของไทย (ถ้าเข้าใจไม่ผิด) ในยุคนั้น เพราะศึกลำน้ำเลือดเวอร์ชันที่มาฉายช่อง 3 อยู่ดีๆก็หายไปหลายตอนเลย ประมาณว่าเวอร์ชันที่ออกเป็นวิดีโอมีอยู่ประมาณ 60 ตอน แต่พอมาฉายทางทีวี เหลืออยู่ประมาณ 50 ตอน ดิฉันเข้าใจว่าหลายๆตอนที่อยู่ดีๆก็ถูกรวบรัดให้หายไปจากทีวี เป็นเพราะเนื้อหาเกี่ยวกับพฤติกรรมที่โหดร้ายของตัวละครที่แสดงโดยอู๋ฉี่หัวในเรื่อง ดูทางโทรทัศน์แล้วก็เซ็งมากๆ ละครก็ดี ช่อง 3 ก็ดี แต่เข้าใจว่าสิ่งที่ทำให้เสียอารมณ์น่าจะเป็นทางกบว.นี่แหละ

แต่การเซ็นเซอร์ของกบว.ที่พอเข้าใจได้บ้างก็คือการเซ็นเซอร์ใน “ศึกสายเลือด” เพราะจำได้ว่าจะมีตัวละครผู้ร้ายกลุ่มหนึ่งในเรื่องนั้นที่มีอาวุธเป็นเหมือนกับ “ฝาชี” หรือฝาครอบหรือกรงนกหรืออะไรสักอย่างที่พอเขวี้ยงไปครอบหัวใคร หัวคนนั้นก็จะหลุดขาดติดฝาชีมาด้วย จำได้ว่าเวลาดูทีวีอยู่ พอตัวละครผู้ร้ายกลุ่มนี้ใช้อาวุธ ภาพก็จะขาดๆหายๆไป พอตัดมาอีกทีก็เป็นการต่อสู้สิ้นสุดลงและตัวละครถูกตัดหัวไปแล้วเรียบร้อย ซึ่งการเซ็นเซอร์แบบนี้ไม่ทำให้เสียอารมณ์มากนัก เพราะว่ามันหายไปแค่ไม่กี่นาที และคนดูพอจะปะติดปะต่อเรื่องให้เข้าใจได้ แต่การเซ็นเซอร์ศึกลำน้ำเลือดแบบหายไปทีประมาณเกือบสิบตอนนี่สิ มันรู้สึกแย่จริงๆ

รู้สึกเหมือนไม่ได้เห็นชื่อ “อู๋เหว่ยกั๋ว” มาประมาณ 20 ปีแล้ว ดีใจที่ได้เห็นชื่อเขาอีก

จำได้ว่าในยอดยุทธจักรมังกรฟ้า ตอนที่ฮุ้นปวยเอี้ยง (กู้กวนจง ซึ่งหล่อดี ฮิฮิฮิฮิฮิ) ถูกมารชมพู (เหมียวเข่อซิ่ว) ฆ่าตาย หนังสือพิมพ์บางฉบับของไทยถึงกับลงพาดหัวข่าวเลยว่า “ฮุ้นปวยเอี้ยงตายแล้ว” ซึ่งถือว่าเป็นประวัติการณ์มากๆที่ละครฮ่องกงมีอิทธิพลต่อชีวิตคนไทยในยุคนั้นมากขนาดนั้น หลังจากนั้นก็ดูเหมือนว่าละครฮ่องกงจะไม่ค่อยได้รับเกียรติให้พาดหัวข่าวแบบนั้นอีก

สิ่งที่ประทับใจมากๆในตัวลี้มกโช้วรวมถึงการที่

1.ก่อนที่เธอจะฆ่าใคร เธอจะเอาฝ่ามือโลหิตไปแปะที่หน้าบ้านนั้น ถ้าเธอจะฆ่าคน 10 คนในบ้านนั้น ก็จะมีรอยฝ่ามือโลหิต 10 มืออยู่ที่หน้าบ้าน

2.ในช่วงต้นเรื่อง เธอฆ่าจอมยุทธหญิงคนนึงด้วยการตบหน้า ตอนแรกจอมยุทธหญิงคนนั้นคิดว่าตัวเองแค่โดนตบหน้าเฉยๆ แต่พอเวลาผ่านไประยะนึงเธอถึงค่อยตระหนักว่าใบหน้าของตัวเองโดนพิษที่ร้ายแรงถึงตายเข้าแล้ว

ชอบคนที่เล่นเป็นลี้มกโช้วมากเหมือนกันค่ะ ถ้าจำไม่ผิด ในแปดเทพอสูรมังกรฟ้า ตัวละครที่เธอเล่นชื่อ กันเป๋าเป่า เป็นภรรยาของเจ้าหุบเขาหมื่นกัลป์

จำไม่ได้ค่ะว่าเพลงนั้นมาจากละครเรื่องอะไร แต่ก็รู้สึกว่าเพลงฟังคุ้นๆอยู่เหมือนกัน

นึกถึงชื่อของ “อู๋ฉี่หัว” แล้วก็ขำชื่อภาษาจีนของตัวละครบางคนอยู่เหมือนกัน เพราะเวลาออกเสียงเป็นภาษาไทยแล้วมันฟังดูตลกดี ถ้าจำไม่ผิด ในละครฮ่องกงเรื่อง “น้ำตาจระเข้” ที่เคยมาฉายทางช่อง 5 จะมีตัวละครประกอบผู้หญิงคนนึงชื่อ “ฉี่เฉี่ยวม่าน” ดิฉันจำใบหน้ากับบทบาทของตัวละครตัวนี้ไม่ได้แล้ว แต่จำชื่อ “ฉี่เฉี่ยวม่าน” ได้ดี มันเป็นชื่อที่เปรี้ยวมาก

รู้สึกว่าดิฉันได้อ่านบทความเกี่ยวกับคีนู รีฟส์เมื่อ 2-3 เดือนก่อน (ช่วงที่ CONSTANTINE กำลังจะมาฉาย) ในบทความนั้นไดแอน คีตันให้สัมภาษณ์ว่าคีนู รีฟส์น่าหลงใหลมากจนเธอไม่อาจหักห้ามใจได้อีกต่อไป เพราะฉะนั้นในระหว่างการถ่ายทำ SOMETHING’S GOTTA GIVE มีอยู่ฉากนึงเธอก็เลยถือโอกาสกอดจูบกับคีนู รีฟส์อย่างดูดดื่ม แม้ผู้กำกับจะบอกให้เธอหยุด เธอก็ไม่หยุด เธอลืมตัวและลืมโลกรอบตัวไปเลยตอนที่เธอได้จูบกับคีนู รีฟส์ในระหว่างการถ่ายทำฉากนั้น

http://movies.about.com/cs/somethingsgotto/a/smtgdk120703_2.htm

หนังที่ได้ดูในช่วงนี้

1.SPANGLISH (A+/A)
รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้เหมาะจะนำมาดัดแปลงเป็นละครโทรทัศน์อย่างมากๆ ดูไปดูมารู้สึกว่าจริงๆแล้วบทของ TEA LEONI เป็นบทที่ “ซับซ้อน” และ “น่าสนใจ” กว่าบทของ PAZ VEGA เสียอีก เพราะตัวละครของ TEA LEONI มีข้อบกพร่องในตัวเยอะดี แต่ก็ไม่ใช่คนเลว และเธอมีปฏิกิริยาที่แตกต่างกันไปกับตัวละครแต่ละตัว เดี๋ยวเธอก็ดีๆเลวๆกับตัวละครแต่ละตัวสลับกันไปเรื่อยๆ ในขณะที่ตัวละครของ PAZ VEGA ส่วนใหญ่จะหันแต่ด้านดีเข้าใส่ตัวละครตัวอื่นๆ

2.THE PACIFIER (A/A-)
3.ก็เคยสัญญา (A-)
4.THE CIRCLE (A-)

FAVORITE SCENE

1.THE PACIFIER--ฉากที่เด็กหญิงถามวิน ดีเซลว่า “คุณนมโตจังเลย คุณต้องใส่บราหรือเปล่าคะ”

2.THE PACIFIER—ฉากเนตรนารีใช้ผ้าพันคอเป็นอาวุธ

3.ฉากผู้ชายร้องไห้ใน SPANGLISH

4.ฉากผู้ชายผิวขาวกับผิวดำเต้นรำกันใน GUESS WHO (ดูแล้วนึกถึงฉากวิล สมิธสอนวิธีจูบให้เควิน เจมส์ใน HITCH)

5.ฉาก VINCE VAUGHN ลอบเข้าไปในบ้านของเดอะ ร็อคใน BE COOL ชอบ “ผ้าม่านลายดอก”และของตกแต่งบ้านของเดอะ ร็อคในฉากนั้น

6.ถ้าจำไม่ผิด ใน BE COOL มีฉากมาเฟียชายผิวดำคนนึงเผลอ “กรีดนิ้ว” ขณะกระดกแก้วน้ำดื่มด้วย

มีคนเขียนไว้ในเว็บบอร์ด BIOSCOPE ว่าหนังเกย์เรื่อง PROTEUS อาจได้มาลงโรงฉายในไทยในเร็วๆนี้ด้วยค่ะ
http://www.bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=17158

http://images.amazon.com/images/P/B0006B9784.01.LZZZZZZZ.jpg

ตอนนี้เพิ่งได้หนังสือ SUBTITLES: ON THE FOREIGNNESS OF FILM มาจากร้านคิโนะคุนิยะ เอ็มโพเรียมค่ะ เห็นหนังสือเล่มนี้มีบทความภาษาอังกฤษเกี่ยวกับหนังเรื่อง PROTEUS ด้วย รู้สึกดีใจมากๆที่ร้านคิโนะคุนิยะสั่งหนังสือน่าสนใจอย่างนี้เข้ามา ถึงแม้ดิฉันจะไม่ค่อยมีตังค์ซื้อ ขอแค่ได้ไปยืนลูบๆคลำๆหนังสือเหล่านี้สักหน่อยก็ยังดี

ข้อมูลเกี่ยวกับ SUBTITLES: ON THE FOREIGNNESS OF FILM อ่านได้ที่
http://www.amazon.com/exec/obidos/tg/detail/-/0262050781/qid=1115215871/sr=1-1/ref=sr_1_1/102-4310840-8208960?v=glance&s=books

ดูรูปภาพจากหนังของ ULRIKE OTTINGER ได้ที่
http://www.bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=4978

หนังสือที่น่าอ่านมากๆในคิโนะคุนิยะ เอ็มโพเรียมรวมถึง

1.FEAR WITHOUT FRONTIERS: HORROR CINEMA ACROSS THE GLOBE ที่มีราคาเกือบถึง 2,000 บาท และมีบทความเกี่ยวกับคุณนนทรีย์ นิมิบุตรในหนังสือเล่มนี้ด้วย

อ่านข้อมูลเกี่ยวกับ FEAR WITHOUT FRONTIERS ได้ที่
http://www.amazon.com/exec/obidos/ASIN/1903254159/qid=1115216201/sr=2-1/ref=pd_bbs_b_2_1/102-4310840-8208960

2.จำชื่อหนังสือไม่ได้ แต่เป็นหนังสือรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ “วงร็อค” ต่างๆที่ไม่มีตัวตนจริง แต่ปรากฏอยู่ในหนังเรื่องต่างๆตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

3.จำชื่อหนังสือไม่ได้ แต่เป็นหนังสือรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับหนังสะท้อนวัฒนธรรมฮิปปี้

4.หนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์วงการหนังโป๊

5.WONDER BREAD AND ECSTASY: THE LIFE AND DEATH OF JOEY STEFANO เขียนโดย CHARLES ISHERWOOD และมีราคา 500 กว่าบาท

JOEY STEFANO เป็นดาราชายที่น่ารักมากๆๆเลยค่ะ อ่านข้อมูลเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้ได้ที่http://www.amazon.com/exec/obidos/ASIN/1555833837/qid=1115216920/sr=2-1/ref=pd_bbs_b_2_1/102-4310840-8208960

No comments: