Friday, May 05, 2006

PETER WATKINS

http://www.bioscopemagazine.com/review/index-in.php?id=14285

http://xq28.net/s/viewtopic.php?t=3437&start=3200&sid=524f5c1fdab6bec27c5fbb74f0dec6c4

ไปซื้อนิตยสาร ESQUIRE มาแล้วเป็นครั้งแรกในชีวิต รู้สึกว่าเล่มนี้เป็นเล่มที่คุ้มมาก นอกจากบทสัมภาษณ์น้องเมอกับน้องเต้แล้ว ยังชอบบทความเกี่ยวกับ VIGGO MORTENSEN ในเล่มนี้ด้วย และก็ชอบบทความแนะนำอัลบั้มของคุณอาทิตย์ พรหมประสิทธิ์ในเล่มนี้มากๆ อยากให้คุณอาทิตย์ได้พิมพ์พ็อกเก็ตบุ๊คของตัวเองออกมาจัง อ้อ และอีกอย่างที่ชอบในเล่มนี้ก็คือ ชอบนายแบบที่ถ่ายแบบในเล่มนี้จ้ะ ฮ่าๆๆๆๆ

อยากดูหนังของ PETER WATKINS มากๆเลยค่ะ พอดีเห็นคุณเจ้าชายน้อยวิจารณ์หนังเรื่อง PUNISHMENT PARK (1971, PETER WATKINS) ไว้ที่นี่
http://filmsick.exteen.com/20060504/punishment-park-1

รู้สึกว่าเหตุการณ์ที่ KENT STATE UNIVERSITY จะถูกพูดถึงนิดหน่อยในหนังเรื่อง NIXON (1995, OLIVER STONE, A) ด้วยเหมือนกัน ถ้าจำไม่ผิดนะ

นำข้อมูลเกี่ยวกับดีวีดีหนังอีก 4 เรื่องของ PETER WATKINS ที่มีวางขายแล้วมาให้อ่านกันด้วยค่ะ

นอกจาก PUNISHMENT PARK (1971) แล้ว ดีวีดีหนังของเขาที่มีขายในตอนนี้ได้แก่เรื่อง

(เนื้อหาข้างล่างนี้แปลมาจากภาษาอังกฤษจากหลายๆแหล่ง)

1.CULLODEN (1964)
http://www.amazon.com/gp/product/B00007LZ53/102-0035207-8307364?n=130
http://images-eu.amazon.com/images/P/B00007LZ53.08.LZZZZZZZ.jpg

หนังเรื่องนี้สมมุติตัวเองเป็นกองถ่ายหนังสารคดีที่บันทึกภาพเหตุการณ์ JACOBITE REBELLION หรือการก่อกบฎของสก็อตแลนด์ต่อราชอาณาจักรอังกฤษในช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 18 และนำเสนอความโหดร้ายของสงครามอย่างเต็มที่ วิธีการถ่ายทำแบบ REALITY SHOW ของหนังเรื่องนี้ทำให้ผู้ชมตระหนักว่าเราไม่ได้เพียงแค่กำลังเรียนรู้ “ประวัติศาสตร์” เท่านั้น แต่ทำให้ผู้ชมตระหนักว่า “ประวัติศาสตร์” กำลังให้บทเรียนอะไรแก่คนในยุคปัจจุบันบ้าง เพราะความบ้าอำนาจของ “ผู้นำ” ในสก็อตแลนด์และอังกฤษในยุคนั้น ช่างไม่ได้แตกต่างอะไรกันเลยกับเหตุการณ์ในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นสงครามอินโดจีนในทศวรรษ 1960 หรือสงครามอิรักในทศวรรษ 2000 ก็ตาม

ตัวละครสำคัญของ CULLODEN คือ BONNIE PRINCE CHARLIE ซึ่งมีสมญานามว่า THE YOUNG PRETENDER (1720-1788) เขาเป็นหลานชายของพระเจ้า JAMES II ของอังกฤษ (หรือ JAMES VII แห่งสก็อตแลนด์) และเขาต้องการจะขับไล่กษัตริย์ GEORGE II ของอังกฤษออกจากราชบัลลังก์เพราะเขาต้องการจะครองอำนาจเสียเอง

BONNIE PRINCE CHARLIE พยายามช่วยเหลือฝรั่งเศสในการบุกยึดอังกฤษ และต่อมาเขาก็นำกลุ่มชาว HIGHLAND ของสก็อตแลนด์ในการบุกอังกฤษในปี 1745 แต่กองทัพของเขาประสบความพ่ายแพ้ในเวลาต่อมา และถูกบดขยี้จนย่อยยับในการต่อสู้ที่ CULLODEN MOOR อย่างไรก็ดี BONNIE PRINCE CHARLIE หนีรอดมาจากสงครามนั้นได้ เขาปล่อยให้ทหารที่น่าสงสารต้องตายไป
http://scotlandvacations.com/stuart.htm

BONNIE PRINCE CHARLIE ได้รับความช่วยเหลือจากหญิงสาวคนหนึ่งชื่อ FLORA MACDONALD ในระหว่างการหลบหนึ และทั้งสองตกหลุมรักกันในระหว่างการหลบหนีครั้งนั้น โดย BONNIE PRINCE CHARLIE ต้องปลอมตัวเป็นสาวใช้ของ FLORA ในระหว่างการหลบหนี โดยสาวใช้กำมะลอคนนี้ใช้ชื่อว่า BETTY BURKE
http://www.royalty.nu/Europe/Charlie.html

ตัวละครสำคัญอีกคนใน CULLODEN คือ WILLIAM AUGUSTUS, DUKE OF CUMBERLAND (1721-1765) เขาเป็นโอรสองค์ที่ 3 ของ GEORGE II และเขาเป็นผู้นำทัพของอังกฤษในการต่อสู้ที่ CULLODEN ซึ่งส่งผลให้ฝ่ายสก็อตแลนด์เสียชีวิตราว 1,000 คน และหลังจากนั้นเขาก็สังหารชาวสก็อตแลนด์ต่ออีกหลายคน ความโหดเหี้ยมของเขาในครั้งนั้นทำให้เขาได้รับสมญานามว่า BUTCHER CUMBERLAND นอกจากนี้ ยังมีการนำชื่อเขามาตั้งเป็นชื่อดอกไม้ในอังกฤษเพื่อฉลองให้กับความสำเร็จของเขาด้วย โดยอังกฤษเรียกดอกไม้นี้ว่า SWEET WILLIAM แต่สก็อตแลนด์เรียกดอกไม้นี้ว่า STINKING BILLY
http://dspace.dial.pipex.com/town/terrace/adw03/c-eight/people/cumber.htm

นอกจากชาว HIGHLAND ของสก็อตแลนด์จะต้องต่อสู้กับทหารอังกฤษแล้ว หนังเรื่อง CULLODEN ยังแสดงให้เห็นถึงสงครามกลางเมืองในสก็อตแลนด์ระหว่างชาว HIGHLAND กับชาว LOWLAND ด้วย โดยชาว LOWLAND นั้นเข้าข้างอังกฤษเพราะชาว LOWLAND เคยถูกชาว HIGHLAND รุกรานมาแล้วหลายครั้งและต้องการจะแก้แค้น

ภาพยนตร์เรื่อง CULLODEN นี้ดัดแปลงมาจากหนังสือ CULLODEN ของ JOHN PREBBLE โดยสิ่งที่สำคัญในหนังสือและภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือการทำลาย “ตำนานแบบโรแมนติก” ของ BONNIE PRINCE CHARLIE และสมรภูมิ CULLODEN เพราะหลังจากการรบครั้งนั้นแล้ว BONNIE PRINCE CHARLIE ก็ได้รับการเชิดชู แต่หนังสือและภาพยนตร์เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความกระหายอำนาจของ BONNIE PRINCE CHARLIE และแสดงให้เห็นว่าชีวิตคนธรรมดาๆต้องทุกข์ทรมานอย่างไรบ้างเพราะผู้นำ

หนังสือ CULLODEN ของ JOHN PREBBLE
http://www.amazon.co.uk/exec/obidos/ASIN/0140253505/026-6415364-6666831
http://www.darkwood.co.uk/images/11470.jpg

เหตุการณ์ที่ CULLODEN เคยได้รับการนำเสนอแบบโรแมนติกมาแล้วในนิยายเรื่อง WAVERLEY (ตีพิมพ์ในปี 1814) ของ SIR WALTER SCOTT ซึ่งเป็นผู้แต่งนิยายเรื่อง ROB ROY, IVANHOE, THE ANTIQUARY, KENILWORTH และ OLD MORTALITY โดย SIR WALTER SCOTT เป็นผู้บุกเบิกแนวทางการแต่งนิยายอิงประวัติศาสตร์ในยุคนั้น

WAVERLEY
http://www.amazon.co.uk/exec/obidos/ASIN/0140430717/qid=1146794205/sr=1-2/ref=sr_1_3_2/026-6415364-6666831
http://images-eu.amazon.com/images/P/0140430717.02.LZZZZZZZ.jpg

SIR WALTER SCOTT เคยได้รับความนิยมมากในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 ก่อนที่ความนิยมในตัวเขาจะเสื่อมถอยในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง โดยผลงานของเขาได้รับการโจมตีอย่างมากจาก E.M. FORSTER ในหนังสือ ASPECTS OF THE NOVEL (1927) โดย E.M. FORSTER เป็นนักประพันธ์เกย์ชื่อดังเจ้าของนิยายอย่าง A PASSAGE TO INDIA, MAURICE, A ROOM WITH A VIEW, WHERE ANGELS FEAR TO TREAD และ HOWARDS END

ASPECTS OF THE NOVEL
http://www.amazon.co.uk/exec/obidos/ASIN/0141441690/qid=1146794741/sr=2-1/ref=sr_2_3_1/026-6415364-6666831
http://images-eu.amazon.com/images/P/0141441690.01.LZZZZZZZ.jpg

นอกจาก CULLODEN แล้ว หนังเรื่อง CHASING THE DEER (1994, GRAHAM HOLLOWAY) ก็นำเสนอเหตุการณ์สมรภูมิ CULLODEN เหมือนกัน
http://www.imdb.com/title/tt0109405/

ก่อนหน้านี้ WATKINS เคยกำกับ THE FORGOTTEN FACES (1961) ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการลุกฮือของชาวฮังการีเพื่อต่อต้านการปกครองแบบเผด็จการคอมมิวนิสต์ของรัฐบาลฮังการีที่เป็นหุ่นเชิดของสหภาพโซเวียต แต่กลุ่มกบฏถูกทำลายในเวลาต่อมา

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ที่
http://www.spartacus.schoolnet.co.uk/COLDhungarianU.htm

Nikita Khrushchev, the leader of the Soviet Union, became increasingly concerned about these developments and on 4th November 1956 he sent the Red Army into Hungary. Soviet tanks immediately captured Hungary's airfields, highway junctions and bridges. Fighting took place all over the country but the Hungarian forces were quickly defeated.

It is estimated that about 3,000 Hungarians were killed during the uprising. About 12,000 were arrested and imprisoned. Of these, between 400 and 450 were executed. An estimated 200,000 people managed to escape to the West


2.THE WAR GAME (1965)
http://www.amazon.com/gp/product/B00007LZ57/102-0035207-8307364?n=130
http://images-eu.amazon.com/images/P/B00007LZ57.08.LZZZZZZZ.jpg

หนังเรื่องนี้ได้รับรางวัลออสการ์สาขาหนังสารคดียอดเยี่ยมในปี 1967 ทั้งๆที่เนื้อหาในหนังเป็นเรื่องแต่งขึ้นมาทั้งหมด โดยหนังเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับเหตุการณ์สมมุติที่จะเกิดขึ้นหลังสงครามนิวเคลียร์ โดยใช้ฉากหลังเป็นแคว้นเคนท์ของอังกฤษ โดยหนังแสดงให้เห็นว่าสงครามนิวเคลียร์น่าสยดสยองเพียงใด และหลังจากสงครามแล้ว สภาพบ้านเมืองตกอยู่ในภาวะปั่นป่วนวุ่นวายและเต็มไปด้วยความน่าสะพรึงกลัวเช่นใดบ้าง

ตอนแรกทางสถานี BBC ให้ WATKINS สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้เพื่อนำมาฉายทางทีวี แต่เมื่อผู้บริหารสถานีได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว ทางผู้บริหารสถานีก็ไม่กล้านำมาแพร่ภาพทางโทรทัศน์ เพราะหนังเรื่องนี้ “สมจริง” จนเกินไปในด้านการแสดงให้เห็นความโหดร้ายของสงคราม

หนังที่พูดถึงประเด็นใกล้เคียงกับ THE WAR GAME ก็รวมถึง

A.THE DAY AFTER (1983, NICHOLAS MEYER)

นำแสดงโดย JASON ROBARDS + JOBETH WILLIAMS และแสดงให้เห็นผลกระทบจากสงครามนิวเคลียร์ที่มีต่อเมืองเล็กๆในรัฐแคนซัส
http://www.amazon.com/gp/product/B0001WTVUW/qid=1146801456/sr=1-2/ref=sr_1_2/102-0035207-8307364?s=dvd&v=glance&n=130
http://images.amazon.com/images/P/B0001WTVUW.01._SCLZZZZZZZ_.jpg


B.TESTAMENT (1983, LYNNE LITTMAN)
http://www.amazon.com/gp/product/B00062IDJW/ref=pd_sim_d_2/102-0035207-8307364?%5Fencoding=UTF8&v=glance&n=130
http://images.amazon.com/images/P/B00062IDJW.01._SCLZZZZZZZ_.jpg

เกิดสงครามนิวเคลียร์ แต่เมืองแห่งหนึ่งที่อยู่กลางหุบเขารอดพ้นจากการถูกทำลายโดยนิวเคลียร์มาได้ อย่างไรก็ดี คนในเมืองนี้ก็ค่อยๆล้มป่วยและตายลงทีละคนเพราะพิษของกัมมันตภาพรังสี

ตัวละครหลักของเรื่องนี้คือแม่ (JANE ALEXANDER) ที่ต้องเลี้ยงดูลูกๆ 3 คนขณะที่สามี (WILLIAM DEVANE) หายตัวไป โดยจุดเด่นของหนังเรื่องนี้คือการที่หนังไม่พยายามเรียกน้ำตาเลยแม้แต่นิดเดียว แต่สามารถถ่ายทอดความตายที่คืบคลานเข้าสู่เมืองได้อย่างทรงพลัง และให้ทั้งอารมณ์อ่อนโยน, สง่างาม, โกรธเกรี้ยว และสะเทือนใจมาก


C.THREADS (1984, MICK JACKSON)
http://www.flickfilosopher.com/flickfilos/archive/2005/nukes.shtml
http://www.amazon.co.uk/exec/obidos/ASIN/B0009S9LNK/qid=1146803847/sr=1-1/ref=sr_1_10_1/026-6415364-6666831
http://images-eu.amazon.com/images/P/B0009S9LNK.02.LZZZZZZZ.jpg

หนังเล่าถึงผลกระทบของสงครามนิวเคลียร์ที่มีต่อเมือง SHEFFIELD ซึ่งเป็นเมืองอุตสาหกรรมของอังกฤษ โดยนักวิจารณ์บอกว่าความน่าหดหู่ของหนังเรื่องนี้ทำให้ THE DAY AFTER เป็นเหมือนกับการไปปิกนิกกันในวันอาทิตย์

Threads, which aired on PBS here in America, makes The Day After look like a Sunday picnic. When I say that Threads is the single most horrifying, harrowing movie I've ever seen, it is only because it seared a black furrow across my soul as a teen that has never healed, and because it still plagues the dim recesses of my imagination.


3.THE GLADIATORS (1969)
http://www.amazon.com/gp/product/B000EMHWV4/qid=1146790141/sr=1-1/ref=sr_1_1/102-0035207-8307364?s=dvd&v=glance&n=130
http://images.amazon.com/images/P/B000EMHWV4.01._SCLZZZZZZZ_.jpg

หนังเรื่องนี้เล่าเรื่องของโลกอนาคตที่ไม่มีการทำสงครามกัน แต่ประเทศต่างๆจะส่งผู้เข้าแข่งขันมาต่อสู้กันในเกมแทน
http://www.dvdbeaver.com/film/DVDReviews20/the_Gladiators_dvd_review.htm

http://www.dvdbeaver.com/film/DVDReviews20/a%20Peter%20Watkins%20Gladiatorerna%20The%20Gladiators%20DVD/a%20Peter%20Watkins%20Gladiatorerna%20The%20Gladiators%20DVD%20PDVD_008.jpg
http://www.dvdbeaver.com/film/DVDReviews20/a%20Peter%20Watkins%20Gladiatorerna%20The%20Gladiators%20DVD/a%20Peter%20Watkins%20Gladiatorerna%20The%20Gladiators%20DVD%20PDVD_014.jpg
http://www.dvdbeaver.com/film/DVDReviews20/a%20Peter%20Watkins%20Gladiatorerna%20The%20Gladiators%20DVD/a%20Peter%20Watkins%20Gladiatorerna%20The%20Gladiators%20DVD%20PDVD_015.jpg


4.EDVARD MUNCH (1974) หนังเรื่องนี้มีความยาวเพียง 174 นาที
http://www.shadowdistribution.com/munch/
http://www.calarts.edu/~rjaster/edvard-munch/
http://www.amazon.com/gp/product/B000E1NX90/102-0035207-8307364?n=130
http://images.amazon.com/images/P/B000E1NX90.01._SCLZZZZZZZ_.jpg
http://www.affichescinema.com/insc_e/edvard_munch.jpg

หนังเรื่องนี้เล่าชีวประวัติในปี 1884-1894 ของ EDVARD MUNCH (1863-1944) (รับบทโดย GEIR WESTBY) จิตรกรชื่อดังชาวนอรเวย์ผู้บุกเบิกกระแส EXPRESSIONIST และเป็นเจ้าของภาพวาด THE SCREAM ที่ทุกคนรู้จักกันดี โดยหนังเรื่องนี้ใช้วิธีเล่าเรื่องแบบตัดสลับไปมาระหว่างหลายช่วงเวลา และใช้วิธีการถ่ายทำแบบ “หนังสารคดี” เหมือนหนังเรื่องอื่นๆของ WATKINS โดย WATKINS ทำเหมือนกับว่าหนังเรื่องนี้ถ่ายโดยกองถ่ายหนังสารคดีที่ติดตามบันทึกชีวิตของ MUNCH ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 โดยมีการสัมภาษณ์บุคคลต่างๆในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ด้วย

หนังเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าชีวิตของ MUNCH ในวัยเด็กต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บป่วยและการตายอยู่บ่อยครั้ง ทั้งการตายของแม่และ SISTER และการที่เขาเองเกือบจะเสียชีวิตตอนอายุ 13 ปี และแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่มีความสำคัญต่อชีวิตของ MUNCH เป็นอย่างมากคือความสัมพันธ์อันล้มเหลวของเขากับ MRS. HEIBERG (GRO FRAAS) ซึ่งเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้วและมีอายุสูงกว่าเขา

ผลงานของ MUNCH ถูกก่นด่าประณามในช่วงแรก แต่เขาก็ได้เข้าร่วมในสังคมเดียวกับ HANS JAEGER นักอนาธิปไตยในกรุงออสโล (หรือ KRISTIANIA ในยุคนั้น) และเป็นเพื่อนกับ AUGUST STRINDBERG (THE FATHER) นักประพันธ์ชาวสวีเดน กับ HENRIK IBSEN (AN ENEMY OF THE PEOPLE, HEDDA, NORA HELMER, A DOLL’S HOUSE) นักประพันธ์ชาวนอรเวย์ และในเวลาต่อมาทั้งเขากับ STRINDBERG ก็กลายเป็นผู้นำทางศิลปะของยุโรป

ในทศวรรษ 1930 และ 1940 นาซีระบุว่าภาพของ MUNCH เป็น DEGENERATE ART และปลดภาพของ MUNCH ออกจากพิพิธภัณฑ์ในเยอรมนีจนหมด

จุดเด่นของหนังเรื่องนี้คือการให้ภาพวาดของ MUNCH เป็นคนบอกเล่าเรื่องราวแทนตัว MUNCH, การเลียนแบบองค์ประกอบบางอย่างในภาพวาดของ MUNCH, การใช้สี, การโคลสอัพใบหน้าเพื่อถ่ายทอดภาวะทางประสาท และการเล่นกับเสียง อย่างเช่นเสียงปลายพู่กันที่จรดลงบนผืนผ้าใบ

INGMAR BERGMAN ยกย่องให้ภาพยนตร์เรื่อง EDVARD MUNCH เป็น A WORK OF GENIUS

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ HANS JAEGER ได้ที่
http://dwardmac.pitzer.edu/Anarchist_archives/worldwidemovements/hansjaeger.html

HANS JAEGER เป็นผู้สนับสนุน FREE LOVE ในช่วงต้นทศวรรษ 1880 เขาให้ความเคารพอย่างเต็มที่ต่อโสเภณี และเขาสนับสนุนเสรีภาพทางเพศอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ เขายังวางแผนจัดตั้งโรงเรียนสำหรับสตรีด้วย โดยโรงเรียนนี้จะสอนให้หญิงสาวตระหนักถึงความปรารถนาทางเพศของตัวเองและทำตามความปรารถนานั้น เพื่อที่ทั้งหญิงและชายจะได้มีความสุขกับชีวิต

ภาพวาด HANS JAEGER (1889) โดย EDVARD MUNCH
http://www.calarts.edu/~rjaster/edvard-munch/Paintings/portraits/hansJaeger_3.jpg

THE KISS ของ EDVARD MUNCH
http://www.bc.edu/bc_org/avp/cas/fnart/art/19th/munch/munch_kiss1.jpg

NIGHT AT ST.CLOUD (1890)
http://www.bc.edu/bc_org/avp/cas/fnart/art/19th/munch/munch_stcloud1.jpg

COVER TO QUICKBORN (1893)
http://www.bc.edu/bc_org/avp/cas/fnart/art/19th/munch/munch025.jpg

THE STORM (1893)
http://www.moma.org/images/collection/FullSizes/00303060.jpg

ASHES (1894)
http://upload.wikimedia.org/wikipedia/en/1/14/Munch_Ashes.jpg

VAMPIRE (1893-1894)
http://upload.wikimedia.org/wikipedia/en/6/6c/Munch_vampire.jpg

THE DAY AFTER (1894-1895)
http://www.calarts.edu/%7Erjaster/edvard-munch/Paintings/women/dayAfter_3.jpg

DEATH IN THE SICK ROOM (1895) ซึ่งแสดงให้เห็นภาพการตายของ SOPHIE ซึ่งเป็น SISTER ของ EDVARD MUNCH
http://upload.wikimedia.org/wikipedia/en/2/2d/Munch_deathSickroom.jpg

THE DANCE OF LIFE (1899)
http://www.bc.edu/bc_org/avp/cas/fnart/art/19th/munch/munch_dance5.jpg

GIRL ON THE JETTY (1899)
http://www.english.emory.edu/Paintings&Poems/Munch.jpg

THE SICK CHILD (1907)
http://www.tate.org.uk/collection/N/N05/N05035_9.jpg


หนังที่น่าสนใจอีกเรื่องหนึ่งของ PETER WATKINS คือ PRIVILEGE (1967) ซึ่งแสดงให้เห็นโลกของวงการร็อคและป็อปที่ถูกรัฐบาลและสถาบันต่างๆใช้เป็นเครื่องมือในการทำให้ประชาชนทำตัวสงบท่ามกลางภาวะยากลำบากและระบอบเผด็จการ โดยตัวละครหลักคือป็อปไอดอล (PAUL JONES) คนหนึ่งที่ตกเป็นเครื่องมือของรัฐบาล

หนังเรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งของ PETER WATKINS ที่เหมือนจะทำนายทายทักเหตุการณ์ล่วงหน้าได้อย่างถูกต้อง เพราะในขณะที่วงการร็อคดูเหมือนจะทำตัวเป็นขบถต่อสังคมในช่วงแรก แต่ในเวลาต่อมาสังคมก็ดูดซับวงการร็อคเข้ามาจนร็อคกลายเป็นสิ่งที่ไม่มีพิษมีภัยต่อสังคม

--อ่านข้อมูลเกี่ยวกับหนังเรื่อง LA COMMUNE (PARIS, 1871) ของ PETER WATKINS ได้ที่
http://bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=17158

No comments: