Saturday, March 21, 2020

MELANCHOLIA DIARY


บันทึกชีวิตเรื่อยเปื่อย เพื่อระบายความเครียด

--WHAT A DIFFERENCE A WEEK MAKES! ภายในเวลาเพียงแค่สัปดาห์เดียว ชีวิตก็เหมือนพลิกจากหน้ามือเป็นหลังตีนในทันที ฮือๆๆๆ เมื่อวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ที่แล้ว เรายังพอจะมีความสุขอยู่บ้าง แต่ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 16 มี.ค.เป็นต้นมา เราก็ไม่อยากทำอะไรเลย นอกจากนอน-ตื่นมาทำงาน-นอน เพราะมีแค่การนอนหลับเท่านั้นที่จะช่วยให้เราไม่เครียดกับสิ่งที่เกิดขึ้น เหมือนตั้งแต่วันจันทร์เป็นต้นมา เรานอนหลับประมาณวันละ 8-12 ชั่วโมง จากเดิมที่เคยนอนแค่วันละ 6-7 ชั่วโมง

--ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองจะรอดชีวิตจากวิกฤติโรคระบาดนี้ได้ไหม ตอนนี้สิ่งที่ตัวเองทำได้ก็คงมีแค่การจดบันทึกและระลึกถึง “ความสุขของชีวิตช่วงก่อนหน้านี้” เพราะเราไม่แน่ใจว่า โลกจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้หรือเปล่า, โลกจะต้องใช้เวลานานกี่ปี กว่าประชาชนจะออกมาเดินถนนได้เหมือนเดิม, เราจะรอดชีวิตหรือเปล่า, คนจะตายกี่คน, คนจะฆ่าตัวตายเพราะความยากจนกี่คน, เราจะเป็นหนึ่งในนั้นไหม

บางทีวิกฤตินี้อาจจะกินเวลานานหลายปี บางทีโลกอาจจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปหลังจากนั้น บางที “ความสุขของชีวิต” ในช่วงตั้งแต่เราเกิดมาจนถึงสองสัปดาห์แรกของเดือนมี.ค. 2020 อาจจะเป็นสิ่งที่ไม่หวนคืนมาอีก เพราะโลกมันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

--ช่วงนี้นึกถึงแต่ MELANCHOLIA (2011, Lars von Trier)

--ได้ไปเยี่ยมแม่ครั้งสุดท้ายในวันที่ 22 ก.พ. และถ้าหากไม่มีโรคระบาด วันนี้เราคงได้ไปเยี่ยมแม่อีกครั้งแล้ว แต่พอมีโรคระบาด เราก็ไม่ไปดีกว่า เพราะแม่เราก็อายุ 80 กว่าปีแล้ว เรากลัวตัวเองเป็นพาหะแบบไม่รู้ตัว

ไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้เจอหน้าแม่อีกครั้งเมื่อไหร่ ตอนนี้ก็ได้แต่โทรศัพท์คุยกันไปก่อน

--ได้ว่ายน้ำครั้งสุดท้ายในวันที่ 21 ก.พ. เรารักการว่ายน้ำมากๆ ถึงแม้เราจะว่ายน้ำช้ามากก็ตาม แต่ต้นปีนี้เราแทบไม่ได้ไปว่ายน้ำเลย เพราะมลพิษทางอากาศมันสูง เราก็เลยไม่กล้าไปว่าย แต่พอช่วงที่ค่ามลพิษมันลดลงมาบ้าง เราก็ไม่กล้าไปว่ายอีก เพราะตั้งแต่ช่วงกลางเดือนม.ค.เป็นต้นมา คนก็เริ่มกลัวเชื้อไวรัสโคโรนา แล้วเราจะมีอาการประจำตัวอย่างนึง นั่นก็คือหลังว่ายน้ำเสร็จ เราจะมีน้ำมูก (ไม่รู้มีคนอื่นที่มีอาการเป็นแบบเดียวกับเราหรือเปล่า) ซึ่งถ้าเป็นในช่วงก่อนๆหน้านี้ เราก็ไม่แคร์อะไร เพราะคนไม่ได้หวาดกลัวอะไรกัน แต่พอตั้งแต่กลางเดือนม.ค. เราก็เลยไม่ค่อยกล้าว่ายน้ำ เพราะพอเราว่ายน้ำเสร็จ เราจะมีน้ำมูก แล้วเราก็จะรู้สึกหวาดระแวงว่า เราจะถูกสังคมรังเกียจหรือเปล่า เราก็เลยไปว่ายน้ำน้อยครั้งมากในช่วงต้นปีนี้

หวังว่าเราจะมีชีวิตอยู่รอดจนถึงเวลาที่สระว่ายน้ำเปิดทำการอีกครั้ง

--ได้ไป fitness ครั้งสุดท้ายในวันศุกร์ที่ 13 มี.ค. เหมือนสัปดาห์นั้นเราได้ไป fitness 4 วันต่อสัปดาห์ ไม่นึกไม่ฝันว่า จะไม่ได้กลับไปอีกเป็นเวลานาน

หวังว่าเราจะมีชีวิตอยู่รอดจนถึงเวลาที่ fitness เปิดทำการอีกครั้ง

--ได้ดูหนังในโรงภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายในวันอาทิตย์ที่ 15 มี.ค. ซึ่งก็คือเรื่อง OSAMU TEZUKA’S METROPOLIS (2001, Rintaro, Japan, animation, A+30)

หวังว่าเราจะมีชีวิตอยู่รอดจนถึงเวลาที่โรงภาพยนตร์เปิดทำการอีกครั้ง

--ได้เมาท์มอยกับเพื่อนๆมหาลัยครั้งสุดท้ายในวันที่ 1 ม.ค., ได้เมาท์มอยกับเพื่อนๆมัธยมครั้งสุดท้ายในวันที่ 25 ม.ค., ได้เจอเพื่อนๆ cinephiles (กลุ่ม Kafe Lumiere) แบบแป๊บๆในวันที่ 16 ก.พ. แล้วหลังจากนั้นก็ไม่ได้มีโอกาสคุยยาวๆกันอีก

หวังว่าพวกเราจะได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง

No comments: