วันนี้ได้รับข่าวดีและข่าวร้ายเกี่ยวกับสุขภาพ 2 ข่าวในวันเดียวกัน
1.ข่าวร้ายก็คือว่า โรคหมอนรองกระดูกเคลื่อนที่เราเป็น มันยังไม่ดีขึ้นมากนัก หลังจากกินยามา 3 เดือนแล้ว (และโรคนี้ก็ทำให้เราคิดเรื่องการฆ่าตัวตายอยู่ทุกวัน) หมอก็เลยแนะนำให้ผ่าตัดเล็ก แต่ปัญหาของเราก็คือว่า
1.1 ค่าผ่าตัดคือ 4 แสนบาท และนี่คือยังไม่รวมค่าอาหาร ส่วนประกันนั้นก็ไม่บอกว่าจะออกให้กี่บาท คือประกันคงออกให้บางส่วน แต่ประกันจะบอกตัวเลขที่แน่นอนก็ต่อเมื่อบิลทั้งหมดเสร็จออกมาแล้วขณะที่เราจะออกจากรพ. เราก็เลยประเมินล่วงหน้าไม่ได้ว่า เราจะต้องออกเองกี่บาท
(อย่างตอนที่เราผ่าต้อกระจก 2 ข้าง ประกันก็ออกแค่ครึ่งเดียว คือ 7 หมื่น ส่วนเราออกอีก 7 หมื่น ซึ่งเราจะรู้ตัวเลขนี้ก็ต่อเมื่อผ่าตัดเสร็จแล้ว)
1.2 เราใช้ชีวิตอยู่อพาร์ทเมนท์คนเดียว ก็เลยกังวลใจว่า ช่วงพักฟื้นหลายสัปดาห์หลังผ่าตัด เราจะอยู่ยังไง จะขนน้ำมากินยังไง เพราะปัจจุบันนี้เราก็ไม่สามารถขนถังน้ำทีละ 6-12 ลิตรได้แล้ว ต้องซื้อน้ำเปล่าเป็นขวด ๆ แล้วแบกมาทีละ 3 ขวด (4.5 ลิตร) มันถึงจะไม่กระเทือนหมอนรองกระดูก แล้วช่วงพักฟื้นหลังผ่าตัด เราคงยกของหนักไม่ได้เลย
แต่เราก็ตัดสินใจว่าตอนนี้จะยังไม่ผ่าตัดนะ ยังทำใจไม่ได้ เราคงใช้ชีวิตแบบคนพิการ แบกของหนักไม่ได้แบบนี้ต่อไปก่อน แล้วค่อยตัดสินใจเรื่องผ่าตัดในภายหลัง
2.ช่วง 2 วันที่ผ่านมา เจ็บคอมากกกกกกก มีแผลสีขาวที่เพดานอ่อนด้านใน กินน้ำแต่ละอึกแล้วเหมือนมีมีดมาแทงคอ สวบ ๆ
เราก็เลยคิดว่า เราอาจจะเป็นต่อมทอนซิลอักเสบ แต่ไปหาหมอแล้ว หมอบอกว่าเป็น stomatitis หรือร้อนใน เพราะเราเป็นสาวร้อนแรง
ก็เลยคิดซะว่า เป็นข่าวดีก็แล้วกัน เป็นร้อนในก็น่าจะดีกว่าเป็น ต่อมทอนซิลอักเสบ
ขอแถมด้วยเรื่องฮา ๆ ที่เราจินตนาการเล่น ๆ มานานหลายเดือนแล้ว ตั้งแต่โรคหมอนรองกระดูกเคลื่อนกำเริบหนักในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา นั่นก็คือเราจินตนาการว่า อยากให้มีโรงเรียนสอน "ฝึกถอดจิตออกจากร่างตอนนอนหลับ" เราจะได้ถอดจิตออกจากร่าง แล้วไม่กลับเข้าร่างอีกเลย จะได้ "ไหลตาย" ไปเลย น่าจะเป็นวิธีการฆ่าตัวตายที่เจ็บปวดน้อยที่สุด คือนอนหลับแล้วตายไปเลย คือกูเบื่อสังขารร่างกายของตัวเองที่ผุพัง เจ็บปวดจากโรคหมอนรองกระดูกนี้มาก เราพร้อมที่จะละสังขารแล้ว
คือเรามักจะ "รู้ตัว" ว่าเรากำลังฝันอยู่ขณะนอนหลับน่ะ และเราก็มักจะถือโอกาสนั้นท่องไปในโลกความฝัน แต่มันยังไม่ใช่การถอดจิตออกจากร่างน่ะ เพราะตอนที่เรารู้ตัวว่าเราอยู่ในความฝัน สถานที่ที่เราอยู่ในฝัน มันก็ไม่ใช่สถานที่ที่เราอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง อย่างเช่น เรานอนอยู่ที่อพาร์ทเมนท์แถวราชเทวี หลับฝันไป แล้วเราก็รู้ตัวว่าเราอยู่ในฝัน แต่สถานที่ในความฝันของเราตอนนั้นเป็นห้องนอนที่บ้านที่บางพลัด อะไรทำนองนี้ เราก็เลยรู้ว่า มันยังไม่ใช่การถอดจิตออกจากร่าง 555
No comments:
Post a Comment