นอกจากคนเขียนหนังสือ ISABELLE HUPPERT: A WOMAN OF MANY FACES จะน่าสนใจสุดๆแล้ว ตากล้องแต่ละคนที่มาร่วมถ่ายภาพ HUPPERT ลงหนังสือเล่มนี้ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นตากล้องระดับพระกาฬกันทั้งนั้น ตากล้องในหนังสือเล่มนี้รวมถึง
1.JOEL-PETER WITKIN ตากล้องวิปริตคนนี้ได้รับคำวิจารณ์ว่าเหมือนกับ “HIERONYMUS BOSCH + TEXAS CHAINSAW MASSACRE”
JOEL-PETER WITKIN เกิดปี 1939 เขาเริ่มได้รับแรงบันดาลใจในการทำงานด้านภาพตั้งแต่เขายังเป็นเด็กเล็กๆ โดยเขาได้รับแรงบันดาลใจจากการที่เขาได้เห็นอุบัติเหตุรถยนต์ที่เกิดขึ้นหน้าบ้านของเขา และอุบัติเหตุครั้งนั้นส่งผลให้เด็กหญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งหัวขาดกระเด็น และหัวของเธอก็กลิ้งหลุนๆมากองแน่นิ่งอยู่ที่ตรงหน้าเท้าของเขา โดยที่ดวงตาของเธอจ้องมองขึ้นมาข้างบน JOEL-PETER WITKIN บอกว่ากล้องของเขาเป็นปฏิกิริยาที่มีต่อเหตุการณ์ครั้งนั้น เพราะกล้องของเขาทำหน้าที่เหมือนกับเป็นใบหน้าของเด็กคนนั้น
JOEL-PETER WITKIN อาศัยอยู่กับภรรยาที่เป็นศิลปินด้าน Tattoo แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือภรรยาของเขามีคู่รักเป็นผู้หญิงชื่อ CYNTHIA COOK และผู้หญิงคนนี้ก็อาศัยอยู่บ้านเดียวกับพวกเขาด้วย
อ่านประวัติของ JOEL-PETER WITKIN ได้ที่
http://www.salon.com/people/bc/2000/05/09/witkin/
ตัวอย่างผลงานเฮี้ยนๆของ JOEL-PETER WITKIN
ภาพ LAS MENINAS http://f.hatena.ne.jp/images/fotolife/e/entomolite/20050312/20050312163213.jpg
ภาพ JOHN HERRING, P.W.A., POSED AS FLORA WITH LOVER AND MOTHER (1992) http://courses.washington.edu/hypertxt/cgi-bin/12.228.185.206/html/contexts/remakes.html http://courses.washington.edu/hypertxt/cgi-bin/12.228.185.206/html/contexts/jpwflora_400.jpg
ภาพ CUPID AND CENTAUR (1992) http://www.giardini.sm/pics/animalie/witkin_Cupid_and_centaur.jpg
ส่วนนี่เป็นส่วนหนึ่งของภาพ GARDEN OF EARTHLY DELIGHTS (1500) ของ HIERONYMUS BOSCH ที่ได้รับการเปรียบเทียบกับภาพของ JOEL-PETER WITKIN ค่ะ http://gallery.euroweb.hu/art/b/bosch/painting/triptyc1/delightr.jpg
ระวังอย่าจำชื่อของ JOEL-PETER WITKIN สลับกับชื่อของ PETER WATKINS ผู้กำกับหนังเรื่อง LA COMMUNE (PARIS, 1871)
http://www.imdb.com/name/nm0914386/
2.Henri Cartier-Bresson
คาร์เทียร์-เบรซองเป็นชาวฝรั่งเศส และได้ชื่อว่าเป็นบิดาของการถ่ายภาพข่าวยุคใหม่ เขาเป็นลูกของผู้ประกอบอุตสาหกรรมที่ร่ำรวย เขาเกิดที่เมืองชองเตลูปใกล้กรุงปารีสในวันที่ 22 ส.ค.ปี 1908 และเขาก็เริ่มต้นถ่ายภาพโดยใช้กล้องธรรมดาที่มีรูปร่างเหมือนกล่องในช่วงทศวรรษ 1930
ในช่วงที่คาร์เทียร์-เบรซองเป็นหนุ่ม เขาเคยต้องการจะเป็นจิตรกร และเขาก็เรียนรู้เรื่องการวาดภาพในกรุงปารีสจากอังเดร โลเท (ANDRE LHOTE, 1885-1962) ซึ่งเป็นจิตรกรแนวคิวบิสท์ และเรียนจากฌากส์ เอมิล บลานช์ (1861-1942) ด้วย และหลังจากนั้นคาร์เทียร์-เบรซองก็วาดภาพออกมาอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิตของเขา
รูปนี้เป็นภาพวาดของ ANDRE LHOTE ในปี 1912
http://www.cannes-on-line.com/images/fruk/lhotepefruk.jpg
อันนี้เป็นภาพวาดฝีมือของ JACQUES-EMILE BLANCHE เป็นภาพเหมือนของ PERCY GRAINGER (1882-1961) ซึ่งวาดขึ้นในปี 1906 โดย PERCY GRAINGER เป็นนักเปียโน, คอมโพสเซอร์ และวาทยกร http://www.nga.gov.au/Exhibition/Edwardians/Images/LRG/127088.jpg
ในปี 1935 คาร์เทียร์-เบรซองได้ศึกษาเรื่องการสร้างภาพยนตร์ในสหรัฐ และเมื่อเขากลับมาฝรั่งเศสเขาก็ได้ร่วมงานกับฌอง เรอนัวร์ ผู้กำกับภาพยนตร์ที่เป็นลูกชายของปิแอร์-ออกุสต์ เรอนัวร์ ที่เป็นจิตรกรชื่อดัง โดยทั้งสองร่วมกันสร้างภาพยนตร์เรื่อง The Rules of the Game (1939) และ Partie de Campagne (1936) หรือ A Day in the Country ซึ่งทั้งสองเรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ฝรั่งเศสยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่สองที่ได้รับการยกย่องเป็นอย่างมากในเวลาต่อมา
อันนี้เป็นรูป MONET PAINTING IN HIS GARDEN AT ARGENTEUIL ด้วยฝีมือการวาดของ PIERRE-AUGUSTE RENOIR (1841-1919)
http://www.garten-literatur.de/Blattwerk/2004/renoir-auguste-monet-in-seinem-garten.jpg
ในปี 1937 คาร์เทียร์-เบรซองสร้างภาพยนตร์สารคดีชื่อ Victoire de la Vie ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับสงครามกลางเมืองในสเปน แต่การเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่สองก็เข้ามาขัดขวางอาชีพการสร้างภาพยนตร์ของเขา เขาได้กำกับภาพยนตร์สารคดีอีกเรื่องหนึ่งในปี 1944 แต่หลังจากนั้นเขาก็หันมาทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับการถ่ายภาพนิ่งแทน
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง คาร์เทียร์-เบรซองใช้เวลา 3 ปีอยู่ในค่ายกักกันนักโทษในเยอรมนี เขาหลบหนีออกมาจากคุกได้สองครั้ง ก่อนจะถูกจับเข้าไปใหม่และหลบหนีออกมาอีกครั้ง นอกจากนี้ เขายังเข้าร่วมกับกลุ่มต่อต้านนาซีของฝรั่งเศส และช่วยเหลือคนอื่นๆในการหลบหนีออกจากคุกด้วย เขาเป็นผู้ก่อตั้งเอเจนซีภาพถ่ายชื่อแมกนัมในปี 1947 และได้รับสมญานามว่าเป็น "ดวงตาแห่งศตวรรษ"
ผลงานของเขาได้รับการตีพิมพ์ในปี 1952 ในชื่อหนังสือว่า Images a la Sauvette หรือ The Decisive Moment และเหตุการณ์นี้ถือเป็นจุดสูงสุดสำหรับเทคนิคการถ่ายภาพของเขา โดยหลังจากนั้นเขาก็ได้ออกหนังสือรวบรวมผลงานภาพถ่ายตามมาอีกหลายเล่ม ซึ่งรวมถึงหนังสือ China in Transition, The People of Moscow, Balinese Dancers และ The Europeans
หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้คาร์เทียร์-เบรซองโด่งดังขึ้นมาคือการที่เขาอยู่ในสถานที่ที่เหมาะสมในจังหวะเวลาที่เหมาะสม นอกจากนี้ เขายังมีความสามารถในการถ่ายภาพสิ่งที่เขาเรียกว่าเป็น "ช่วงเวลาชี้ขาด" โดยภาพที่เขาถ่ายเป็นภาพขาวดำ
คาร์เทียร์--เบรซองเคยบันทึกภาพช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดและบุคคลสำคัญที่สุดในคริสต์ศตวรรษที่แล้วหลายครั้งด้วยกัน ซึ่งรวมถึงเหตุการณ์สงครามกลางเมืองในสเปน, เหตุการณ์ที่กรุงปารีสได้รับการปลดปล่อยจากทหารนาซีในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง, การเสียชีวิตของมหาตมะ คานธีในอินเดีย และการที่กองกำลังของเหมาเจ๋อตุงเข้ายึดกรุงปักกิ่งในปี 1949 รวมทั้งภาพกำแพงเบอร์ลินด้วย
ในปี 1954 คาร์เทียร์-เบรซองเป็นช่างภาพคนแรกจากชาติตะวันตกที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในสหภาพโซเวียตได้หลังจากโจเซฟ สตาลิน ซึ่งเป็นเผด็จการที่ปกครองโซเวียตเสียชีวิตในปี 1953
คาร์เทียร์-เบรซองเลิกทำงานในเอเจนซีแมกนัมในปี 1966 แต่เขายังคงถ่ายภาพต่อไป โดยเขาอาศัยอยู่ในกรุงปารีสกับมาร์ทีน แฟรงค์ ซึ่งเป็นภรรยาคนที่สองของเขาที่เป็นตากล้องเหมือนกัน โดยทั้งสองมีลูกบุญธรรมด้วยกันคนหนึ่ง
ภาพถ่ายที่โด่งดังของคาร์เทียร์-เบรซองรวมถึงภาพเด็กชายชาวฝรั่งเศสที่ถือขวดขนาดใหญ่สองขวดด้วยความภาคภูมิใจโดยมีเด็กหญิงตัวเล็กหัวเราะอยู่ข้างหลัง และภาพชายอ้วนที่กำลังกระโดดข้ามแอ่งน้ำในกรุงปารีส โดยภาพเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงการจัดภาพอย่างยอดเยี่ยม, ความเข้าใจเรื่องการถ่ายภาพ และอารมณ์ขันที่อ่อนโยนซึ่งเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวเขา
http://www.artstudiomagazine.com/imagenes/cartier_bresson_01.jpg http://fototapeta.art.pl/IMG/hcb/HCB3.jpg
หนึ่งในภาพที่โด่งดังที่สุดของเขาคือภาพ Picnic on the Banks of the Marne ในปี 1938 ซึ่งแสดงให้เห็นครอบครัวชนชั้นแรงงานครอบครัวหนึ่งขณะมีความสุขกับการปิกนิก โดยครอบครัวนี้ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังถูกถ่ายภาพ http://www.stephendaitergallery.com/dynamic/images/display/Henri_Cartier_Bresson_On_the_banks_of_the_Marne_France_345_67.jpg
คาร์เทียร์-เบรซองเคยให้สัมภาษณ์ในนิทรรศการแสดงผลงานของเขาในปี 1979 ว่า "ในการถ่ายภาพ คุณต้องเร็ว, เร็ว, เร็ว, เร็ว เหมือนกับสัตว์ที่รีบตะครุบเหยื่อ" และกล่าวเสริมว่า "คุณจำเป็นต้องพยายามแทรกกล้องของคุณเข้าไประหว่างผิวหนังของคนกับเสื้อเชิ้ตของเขา"
คาร์เทียร์-เบรซองเลิกถ่ายภาพเพื่อหันมาทุ่มเทให้กับการวาดภาพในเวลาต่อมา และในปีที่แล้วเขาก็ได้จัดตั้งมูลนิธิอองรี คาร์เทียร์-เบรซอง
อองรี คาร์เทียร์-เบรซอง หนึ่งในตากล้องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในคริสต์ศตวรรษที่ 20 เสียชีวิตแล้วขณะอายุ 95 ปี เขาเสียชีวิตทางตอนใต้ของฝรั่งเศสในวันจันทร์ที่ 2 ส.ค.2004
***อย่าจำชื่อของ HENRI CARTIER-BRESSON สลับกับชื่อของผู้กำกับหนังอีกสองคน ซึ่งก็คือ ROBERT BRESSON กับ ARTHUR J. BRESSAN JR.
ARTHUR J. BRESSAN JR. (1943-1987) เสียชีวิตด้วยโรคเอดส์ เขาถนัดในการกำกับหนังเกย์ ดูรายชื่อผลงานของเขาได้ที่ http://www.imdb.com/name/nm0107781/
อ่านข้อมูลเกี่ยวกับหนังเกย์เรื่อง ABUSE และ PLEASURE BEACH ของ BRESSAN ได้ที่ http://www.bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=4118
3.WILLIAM EGGLESTON
ภาพ AMERICAN (1970) ของ WILLIAM EGGLESTON http://perso.wanadoo.fr/chabrieres/photography/eggleston_american.jpg
อ่านประวัติของเขาได้ที่ http://www.salon.com/people/bc/1999/09/07/eggleston/
MICHAEL ALMEREYDA ผู้กำกับหนังเลสเบียนเรื่อง NADJA เพิ่งกำกับหนังใหม่เรื่อง WILLIAM EGGLESTON IN THE REAL WORLD ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับตากล้องคนนี้ค่ะ http://www.palmpictures.com/videos/williamegglestonintherealworld.html
4.ROBERT FRANK
http://www.guardian.co.uk/arts/critic/feature/0,1169,1336064,00.html http://photography.about.com/library/weekly/aa070300a.htm http://photography.about.com/gi/dynamic/offsite.htm?site=http://m2.aol.com/UvGotMail/frank/frank.html
นอกจาก ROBERT FRANK จะเป็นตากล้องแล้ว เขายังเป็นผู้กำกับหนังชื่อดังด้วย ผลงานเด่นของเขาก็มีเช่น PULL MY DAISY (1959) และ COCKSUCKER BLUES ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับวงโรลลิง สโตนส์ หนังสือรวมภาพถ่ายของเขาได้ JACK KEROUAC มาเขียนคำนำให้
ภาพ THE ELEVATOR – MIAMI BEACH ของ ROBERT FRANK http://m2.aol.com/uvgotmail/frank/elevator.jpg
5. Richard Avedon
http://www.richardavedon.com/ นี่คือภาพ DOVIMA WITH ELEPHANTS (1955) ของ RICHARD AVEDON ค่ะ
http://www.garfnet.org.uk/new_mill/spring98/jpegs/avedon.jpg
6.ROBIN HOLLAND
7.Edouard Boubat
http://www.photogenesisgallery.com/boubat.html http://www.photogenesisgallery.com/parcscaeux.jpg
8.Guy Bourdin
http://www.guybourdin.org/index-en.html http://guybourdin.org/gallery/color/images/06.jpg http://guybourdin.org/gallery/color/images/02.jpg http://www.dpnet.com.cn/spec_topic/guy_bourdin/pic/gay_01-.jpg
9.Elliot Erwitt
http://www.elliotterwitt.com/entry.html http://www.wdr.de/themen/_images_/images/bild_des_tages/2005/03/04_400q.jpg
10.Lartigues
http://www.lartigue.org/
http://www.absolutearts.com/artsnews/1999/08/14/25739.html http://www.lartigue.org/img/mix/chronologie/chrono1945.gif
11.Annie Leibovitz
http://www.mosnews.com/files/7631/model.jpg
12.Steven Meisel
http://www.artnet.com/magazine/features/holmes/Images/holmes8-30-2.jpg
13.Helmut Newton
http://www.spitting-image.net/archives/images/Helmut-Newton_mugler_monaco98.jpg
14.Sylvia Plachy
http://www.pcnw.org/gallery/current/splachy01Full.jpg
15.Marc Riboud
http://www.fotorevista.com.ar/Maestros/Riboud/R_pentagon.jpg
16.Scavullo
http://www.chrisreevehomepage.com/images/interview/ScavulloOnMen1977.jpg
Sunday, October 02, 2005
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment