Sunday, October 09, 2005

OMER KAVUR

--กระทู้น่าสนใจ

http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A3792061/A3792061.html

--วันนี้ได้ดู MAN ON THE TRAIN (2001, PATRICE LECONTE, A) ค่ะ รู้สึกประทับใจการแสดงของ JEAN ROCHEFORT กับ JOHNNY HALLYDAY ในหนังเรื่องนี้อย่างมากๆ

รู้สึกประทับใจประเด็นเรื่องการรอคอยตลอดชีวิตต่อสิ่งที่อาจไม่มีวันมาถึงด้วย โดยหนังกล่าวถึงเรื่องนี้ผ่านทางบทสนทนาเกี่ยวกับ EUGENIA GRANDET ซึ่งเป็นบทประพันธ์ของ HONORE DE BALZAC

EUGENIA GRANDET เคยได้รับการสร้างเป็นภาพยนตร์แล้วในปี 1947 โดยมี MARIO SOLDATI เป็นผู้กำกับ และมี ALIDA VALLI นำแสดง
http://www.imdb.com/title/tt0038512/


--เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับผู้กำกับหนังเกย์ยุคบุกเบิกเรื่อง LOT IN SODOM (1933, JAMES SIBLEY WATSON + MELVILLE WEBBER) ที่มีขายแล้วในรูปแบบดีวีดี
http://www.imdb.com/title/tt0122158/

ก่อนหน้านี้ หลายคนเชื่อกันว่าภาพยนตร์เรื่อง THE CABINET OF DR. CALIGARI (1920, ROBERT WIENE, A) มีอิทธิพลต่อหนังเกย์เรื่อง LOT IN SODOM อย่างไรก็ดี BRUCE POSNER ผู้เชี่ยวชาญหนังอวองท์การ์ดของสหรัฐยุคก่อนมายา เดอเรน กล่าวว่านั่นอาจจะเป็นความเชื่อที่ผิด เพราะเมื่อคุณศึกษารายละเอียดของหนังเกย์เรื่อง LOT IN SODOM คุณก็จะพบว่าหนังเรื่องนี้เน้นการเล่นกับแสง ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่สำคัญใน THE CABINET OF DR. CALIGARI แต่อย่างใด เพราะ THE CABINET OF DR.CALIGARI เน้นเรื่องฉาก, การใช้พื้นที่ว่าง และการเคลื่อนไหวของคนมากกว่า

โพสเนอร์กล่าวว่า LOT IN SODOM น่าจะได้รับอิทธิพลจากหนังของ F.W. MURNAU ซึ่งเป็นเกย์มากกว่า

JAMES SIBLEY WATSON ก็เคยกล่าวว่าเขาประทับใจและได้รับอิทธิพลจากหนังของ F.W. MURNAU มากกว่าจากหนังของ D.W. GRIFFITH

ส่วน MELVILLE WEBBER นั้น นอกจากเขาจะกำกับหนังเกย์แล้ว เขายังเป็นนักประวัติศาสตร์ศิลป์ที่เชี่ยวชาญเรื่องภาพเฟรสโก้ในคริสต์ศตวรรษที่ 14 ด้วย และเขาก็นำความรู้เรื่องภาพเฟรสโก้ยุคโบราณมาใช้ในการกำกับ LOT IN SODOM ด้วยเช่นกัน


--ตอนนี้มีการออกดีวีดีหนังของ GRETA GARBO ออกมาประมาณ 10 เรื่อง
http://www.amazon.com/exec/obidos/tg/detail/-/B0009S4IJM/qid=1128789626/sr=1-1/ref=sr_1_1/002-4540051-1697620?v=glance&s=dvd

http://images.amazon.com/images/P/B0009S4IJ2.01._SCLZZZZZZZ_.jpg

สิ่งที่น่าสนใจก็คือว่าหลายคนเชื่อว่า GRETA GARBO เป็นเลสเบียน
http://www.glbtq.com/arts/garbo_g.html

Garbo almost certainly had lesbian affairs as well, including well-known liasons with actress Louise Brooks and writer Mercedes de Acosta, and perhaps also an affair with Marlene Dietrich.

อันนี้เป็นรูปของ LOUISE BROOKS นางเอกหนังเรื่อง PANDORA’S BOX (1929, GEORG WILHELM PABST, A) ค่ะ

http://abacus.best.vwh.net/brookut.jpg

นอกจากนี้ การ์โบยังเคยแสดงหนังโป๊เกย์เรื่อง ADAM AND YVES (1974, PETER DE ROME) ด้วย โดยกองถ่ายหนังโป๊เรื่องนี้แอบดักรอเกรตา การ์โบนอกที่พักของเธอ และแอบบันทึกภาพของเธอขณะเธอเดิน เพื่อเอาภาพดังกล่าวมาใส่ในหนังโป๊เกย์เรื่องนี้

เนื้อหาของ ADAM AND YVES

Filmed in France, this is a series of takeoffs from films such as Last Tango in Paris and Garbo's Queen Christina. Lyrical, esoteric and arty, this film is not for everyone. Michael Hardwick stars as an American tourist in search of love and a healthy relationship. He meets Marcus Giovanni and goes to his place for sex.

http://www.filmthreat.com/Reviews.asp?Id=8020



ตอบคุณอ้วน

--ขอสนับสนุนเป็นอย่างยิ่งให้ดู “เกือกผี” ในโรงใหญ่ค่ะ เพราะหนังเรื่องนี้เน้น “ภาพ” มากกว่าเนื้อเรื่อง เพราะฉะนั้นการที่ผู้ชมจะได้รับพลังอันมหาศาลจากหนังเรื่องนี้ได้ จึงน่าจะเป็นในโรงภาพยนตร์จอใหญ่ๆเท่านั้น ส่วน THE BRIDGE OF SAN LUIS REY นั้นเป็นภาพยนตร์ที่เน้นการเล่าเรื่องค่ะ เพราะฉะนั้นการดูหนังเรื่องนี้ทางโทรทัศน์ในภายหลังจึงไม่น่าจะส่งผลให้เสียอรรถรสมากนัก

การดู “เกือกผี” ทางจอทีวีจะทำให้เสียอรรถรสอย่างมากๆค่ะ เพราะหนังเรื่องนี้เน้น “สี”, “การตัดกันของสี” และเน้น “ความมืด”, “แสงเงา” ซึ่งถ้าหากดูทางโทรทัศน์แล้ว ความงดงามของ “สี” และความงดงามของ “ความมืด” อาจจะสูญหายไปได้มากๆ

--ต้องขอบคุณคุณอ้วนมากค่ะสำหรับคำอธิบายเรื่องเลสเบี้ยนใน WAY OF BLUE SKY สงสัยดิฉันจะพลาดไม่ทันได้ดูตอนที่สาวนักบาสสารภาพรักแน่ๆเลย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเผลอหลับไป หรือว่าใจลอยคิดถึงเรื่องอื่น ก็เลยทำให้พลาดตรงจุดนั้น

--ชอบนักแสดงนำในเรื่อง “เพื่อนสนิท” ทั้ง 4 คนเลยค่ะ หมายถึงทั้ง พระเอก, นางเอกสองคน และนางพยาบาลแตน (ปาณิสรา พิมพ์ปรุ)

--พูดถึงห้างสรรพสินค้าที่ดิฉันผูกพันในอดีตแล้ว จะนึกถึง

1.ยาจิมาย่า เซ็นเตอร์ใน สยามสแควร์

2.ราชดำริอาเขต ที่อยู่ใกล้ๆกับไทยไดมารู

3.ห้างอมรพันธ์ตรงมหาลัยเกษตร เคยไปเดินห้างนี้แค่ครั้งสองครั้งตอนไปเยี่ยมเพื่อนที่เกษตรศาสตร์ รู้สึกว่าเป็นห้างที่ดู “ฮาๆ” ยังไงไม่รู้ เป็นห้างที่เล็กและแคบมากๆ

ส่วนโฆษณาห้างสรรพสินค้าที่ประทับใจไม่รู้ลืม คือโฆษณาห้าง CITY ตรงประตูน้ำตอนที่ห้างเปิดใหม่ๆ น่าจะประมาณปี 1984-1985 สาเหตุที่ชอบโฆษณานี้เป็นเพราะว่าเพลงประกอบโฆษณาติดหูมาก รู้สึกจะร้องว่า “มาสิคะ มาที่นี่ ที่ซิตี้ ที่ของคุณ....”

--ดีวีดีที่คิดว่าน่าจะเหมาะกับคุณอ้วนอย่างมาก ก็คือดีวีดีรวมหนังของ OTAR IOSSELIANI 4 เรื่องค่ะ ดีวีดีชุดนี้มีวางขายแล้วในสหรัฐ

ดีวีดีชุดนี้ประกอบด้วย

1.APRIL (1962)

2.FALLING LEAVES (1967)

3.THERE ONCE WAS A SINGING BLACK BIRD (1971)

4.PASTORALE (1976)

http://www.amazon.com/exec/obidos/tg/detail/-/B000A7Q1OW/qid=1128790016/sr=1-1/ref=sr_1_1/002-4540051-1697620?v=glance&s=dvd


--ลองดูตารางหนังในเทศกาลภาพยนตร์แล้ว ตอนแรกก็ลังเลใจอยู่เหมือนกันว่าจะเปลี่ยนไปดู HEART OF JESUS ในวันพุธที่ 19 ต.ค.แทน MOTHERLAND HOTEL ดีไหม เพราะ HEART OF JESUS ฉายที่ GRAND EGV เหมือนกับหนังเรื่อง “4” และ NOT ON THE LIPS ที่ตั้งใจจะดูในวันนั้น

แต่พอเช็คประวัติของ OMER KAVUR ผู้กำกับ MOTHERLAND HOTEL แล้ว ก็คิดว่าอาจจะดู MOTHERLAND HOTEL ต่อไปค่ะ ถึงแม้หนังเรื่องนี้จะฉายที่ EGV METROPOLIS ก็ตาม

http://www.bostonphoenix.com/boston/movies/reviews/documents/00882887.htm


OMER KAVUR เคยกำกับหนังเรื่อง THE NIGHT JOURNEY ที่น่าดูอย่างสุดๆเลยค่ะ หนังเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับผู้กำกับภาพยนตร์คนนึงที่ตระเวนไปหาโลเกชั่นถ่ายทำหนัง เขาเดินทางไปจนพบเมืองร้างแห่งหนึ่งที่ถูกทิ้งร้างไว้เป็นเวลานานราว 60 ปี และเขาก็เลยย้ายไปอาศัยอยู่ในโบสถ์เก่าในเมืองนั้นเพื่อเขียนบทภาพยนตร์ อย่างไรก็ดี ในเวลาต่อมาเขากลับออกห่างจากผู้คนมากขึ้นเรื่อยๆ และงานเขียนของเขาก็เปลี่ยนจากบทภาพยนตร์ไปเป็น “คำถามที่ไม่มีคำตอบ”


อ่านประวัติของ OMER KAVUR ผู้กำกับ MOTHERLAND HOTEL ได้ที่
http://www.logosjournal.com/issue_4.3/haller_kavur.htm

เมื่อไม่นานมานี้ ได้ข่าวว่า ORHAN PAMUK นักประพันธ์ชื่อดังของตุรกีที่เคยร่วมงานกับ OMER KAVUR อาจจะติดคุก 3 ปีในตุรกีค่ะ เพราะกลุ่มชาตินิยมในตุรกีไม่พอใจที่ PAMUK พูดถึงเรื่องที่ตุรกีเคยสังหารหมู่ชาวอาร์เมเนียตายไปหลายแสนคน (คนที่ดูหนังเรื่อง ARARAT (ATOM EGOYAN, A+) คงจดจำการสังหารหมู่ครั้งนั้นได้ดี)

http://www.abc.net.au/pm/content/2005/s1457227.htm

No comments: