Tuesday, July 18, 2006

post 9/11 movies

ตอนแรกรู้สึกว่าสามหนุ่มนี้ไม่ตรงสเปคตัวเองเท่าไหร่ เพราะเจค กิลเลนฮาลก็มีภรรยาเป็นตัวเป็นตนในประเทศไทยแล้ว, MATTHEW MCCONAUGHEY ก็ดูโหลยโท่ยมากจากรูปที่เอามาลง ส่วน LANCE ARMSTRONG ก็ไม่ตรงสเปคตัวเองมากนัก

แต่อยู่ดีๆ ก็เก็บเอาเจค กิลเลนฮาลไปฝันถึงเมื่อ 2 คืนก่อน ไม่รู้เป็นเพราะอะไร สงสัยเป็นเพราะได้อ่านคอลัมน์นี้ของคุณอ้วนแน่ๆเลย อยู่ดีๆก็ฝันว่าเดินทางไกล เหมือนเดินทางไกลตอนเรียนลูกเสือ แต่เดินอยู่กับฝรั่งนักท่องเที่ยวกลุ่มนึง แล้วก็มีเจค กิลเลนฮาลเดินอยู่ข้างหน้าเรา เห็นเขากินน้ำอะไรก็ไม่รู้สีดำๆ เราก็ถามว่าเขากินกาแฟหรือช็อกโกแลตเย็น เขาก็ตอบว่าช็อคโกแล็ต (เขาทำเสียงน่ารักมากด้วยในความฝัน) แล้วเราก็ตื่นนอนเลยง่ะ แงๆๆๆๆ แต่ไม่รู้จริงๆนะเนี่ยว่าอยู่ดีๆเราฝันถึงเรื่องนี้ได้ยังไง

จุ๊ จุ๊ แต่อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกคุณ RIVERDALE เชียวนะคะ เดี๋ยวเธอจะบอกว่า “ฝันดีน่าตบ” แบบเพลงของขวัญภิรมย์ หลินค่ะ


ตอบคุณแฟรงเกนสไตน์

COPY FROM SCREENOUT WEBBOARD
http://xq28.net/s/viewtopic.php?t=3437&start=3425

--ชอบบทหนังของ METROSEXUAL มากเลยค่ะ รู้สึกว่าสร้างแคแรคเตอร์ของตัวละครได้ดีมาก สิ่งที่ชอบมากในเรื่องนี้ก็คือว่าหนังไม่ได้ทำให้ตัวละครดูเว่อร์เกินจริงแบบที่มักพบในหนังตลกของไทยเรื่องอื่นๆ (อย่างเช่นใน “สตรีเหล็ก”) อาจจะมีฉากเว่อร์ๆอยู่บ้างในหนัง แต่ความเว่อร์ในหนังเรื่องนี้ก็นับว่าเบามากถ้าหากเทียบกับหนังตลกของไทยโดยทั่วไป หนังทำนองนี้จริงๆแล้วเอื้อให้มีฉากเว่อร์สุดขีดแบบเอาเค้กปาหน้ากัน ตัวละครอยู่ดีๆก็ติงต๊องขึ้นมา แต่หนังเรื่องนี้คุมดีกรีความตลกให้อยู่ในระดับที่พอดีมากๆ

ตัวละครที่ชอบมากที่สุดในหนังเรื่องนี้อาจจะเป็นกลุ่มคุณป้าแห่งขวัญเรือนค่ะ เหล่าคุณป้ากลุ่มนี้แสดงได้น่ารักมากๆ ถ้าจำไม่ผิด มีฉากนึงเห็นคุณป้าคนนึงแอบเอามือลูบๆคลำๆตากล้องหนุ่มด้วย

เห็นคุณแฟรงเกนสไตน์แห่งเว็บบอร์ด SCREENOUT พูดถึงตัวละครของอรปรียา ที่ชอบ VIBRATOR ก็เลยนึกขึ้นมาได้ว่า เห็นมีสินค้าเรียกว่า IBUZZ เป็น VIBRATOR ประเภทที่ใช้คู่กับ IPOD ค่ะ เพราะ VIBRATOR แบบนี้จะสั่นตามจังหวะเพลงที่เราเปิดฟังใน IPOD

A super-fun sex toy that plugs into your iPod! The music-activated vibrating bullet stimulates you in time with your favourite music. And you can listen to your songs while you're enjoying the vibrations...

When the volume is pumped up, the vibrations get faster as the music gets louder.

ส่วนที่คุณแฟรงเกนสไตน์จะให้ดิฉันรับบทเป็นนางชีนั้น โฮะๆๆๆ แหม นึกภาพตัวเองไม่ออกเลยค่ะ จะเป็นนางชีแบบใน AGNES OF GOD (NORMAN JEWISON, A+) หรือใน BLACK NARCISSUS (1947, MICHAEL POWELL + EMERIC PRESSBURGER, A+) ก็คงไม่เหมาะกับตัวเอง คิดว่าถ้าหากตัวเองเป็นนางชี ก็คงจะออกมาเป็นแบบ

1.นางชีแห่งสำนักง้อไบ๊ผู้สำเร็จวิชากรงเล็บกระดูกขาวจากคัมภีร์เก้าอิมจินเก็ง

2.นางชีใน LOVE LETTERS OF A PORTUGUESE NUN (1977, JESUS FRANCO)

16-year-old Maria is forced into Serra D'Aires convent, secretly run by Satanists. Her confessor is in collusion with the Mother Superior. Maria is tortured, forced into sex with men, women, and the horned Devil, and told that it's all a bad dream.

http://images.amazon.com/images/P/B00018HU5Y.02._SS500_SCLZZZZZZZ_V1132236302_.jpg

3.นางชีใน SCHOOL OF THE HOLY BEAST (1973, NORIFUMI SUZUKI)

Japan's most notorious Nun-Exploitation film: School Of The Holy Beast (Sei Juu Gakuen) directed by sexploitation guru, Norifumi Suzuki, plunges into a maelstrom of hidden torture, secret masochistic desires, and blasphemous rites as Yumi Takigawa takes religious vows to find out what terrible things happened to her mother inside the Sacred Heart Convent. When she finds out - with the help of a lecherous archbishops, a lesbian mother superior and a line-up of fellow nuns ready to whip her (in the films most deliriously over the top scene)with a gauntlet of rose-thorns - hell is loose. Beautifully shot, a shocking unforgetable Masterpiece by the director of "Beautiful Girl Hunter" - Dario Argento meets the Marquis de Sade.
http://images.amazon.com/images/P/B000AA4F9W.01._SS500_SCLZZZZZZZ_V1122948115_.jpg


--ลืมบอกไปว่าในบรรดาหนังสั้นที่ได้ดูนั้น นอกจาก PHANTASMAGORIE, GRACELAND, MY CAT’S BALLS กับ THE ROOM แล้ว ยังมีอีก 3 เรื่องที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเกย์ค่ะ ซึ่งก็คือเรื่อง IN THE SEED (ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์), THERE IS A WAY TO COMMUNICATE WITHOUT WORD (2006, ชิน ตั้งสกุลสถาพร, A+) และ THE LAST LAUGH (ปุษยะ ปุษยะนาวิน, A) ถ้าจำไม่ผิด เรื่อง THE LAST LAUGH มีเนื้อหาเกี่ยวกับพ่อที่ข่มขืนลูกชายตัวเองเป็นประจำ แต่หนังออกมาดูคัลท์ๆฮาๆ ไม่ได้ดูจริงจังแบบ DON’T TELL หรือ FISH DON’T FLY (2001, ปราโมทย์ แสงศร, A+)


คิดว่าคำตอบนี้อาจไม่มีประโยชน์กับน้อง merveillesxx เท่าไหร่ แต่ขอตอบไว้เล่นๆแล้วกันนะคะ

1.หนังสารคดีเรื่อง HEAVEN’S MEADOWS (2005, DETLEV F. NEUFERT, A+)
http://www.heavensmeadow.com/

หนังเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับโครงการหมู่บ้านเพื่อเด็กที่กำพร้าพ่อแม่เพราะโรคเอดส์ ถ้าจำไม่ผิด หนังเรื่องนี้พูดถึงผลกระทบจาก “ยา” ในสองด้าน

1.1 ในช่วงแรกที่ตั้งโครงการหมู่บ้านนี้ “ยา” ที่ใช้รักษาโรคเอดส์ยังไม่มีประสิทธิภาพในการยืดอายุผู้ป่วยมากนัก แต่พอตั้งโครงการไปได้แล้ว ผู้ป่วยโรคเอดส์ที่คาดว่าอาจจะอยู่ได้ไม่นาน ก็มีอายุอยู่ได้นานมาก เพราะยารักษาโรคเอดส์มีประสิทธิภาพดีขึ้นเรื่อยๆ และสิ่งนี้ส่งผลกระทบต่อ “งบประมาณ” ของโครงการหมู่บ้านนี้เป็นอย่างมาก (ถ้าจำไม่ผิดนะคะ ถ้าจำตรงจุดนี้ผิดก็ขออภัยเป็นอย่างยิ่งค่ะ)

1.2 ยารักษาโรคเอดส์ที่ใช้ในประเทศไทย มีราคาถูกมากๆเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ และสิ่งนี้ส่งผลดีต่อโครงการหมู่บ้านนี้เป็นอย่างยิ่ง


2.หนังเรื่อง RED RIBBON BLUES (1996, CHARLES WINKER, B) ที่เคยมาฉายที่เวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ และนำแสดงโดย RUPAUL นักร้องเกย์ชื่อดัง หนังเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับการขโมยยารักษาโรคเอดส์ ถ้าจำไม่ผิด จุดประสงค์ของหนังเรื่องนี้คือการต่อต้านบริษัทผลิตยาในช่วงนั้นที่ตั้งราคายาแพงๆ
http://www.imdb.com/title/tt0114246/

After attending his 23rd funeral for a friend with AIDS, Troy and his friends hatch a plan to steal the HIV drugs that they need. One sucessful heist leads to another and another until they have so much inventory they decide to begin their own community distribution program.


3. 3 NEEDLES (2005, THOM FITZGERALD, A)

อาจจะไม่เกี่ยวกับยาเท่าไหร่ แต่เกี่ยวกับการเงินและสุขภาพ

3.1 เนื้อหาส่วนนึงของหนังเรื่องนี้เกี่ยวกับแม่ค้าโลหิต (ลูซี ลิว) ในประเทศจีนที่ซื้อโลหิตจากชาวบ้านหมู่บ้านนึง เป็นประจำ แต่รู้สึกว่าเธอจะกลายเป็นต้นเหตุที่ทำให้คนทั้งหมู่บ้านติดโรคเอดส์

3.2 เนื้อหาอีกส่วนนึงของหนังเรื่องนี้เกี่ยวกับแม่ชี (โคลอี เซวินญี) ในแอฟริกาใต้ ถ้าจำไม่ผิด แม่ชีคนนี้หันมาค้าประเวณีเพื่อหาเงินมาช่วยเหลือบรรดาผู้ป่วยโรคเอดส์จำนวนมากที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ในการซื้อยาหรือรับการรักษา


4.LORENZO’S OIL (1992, GEORGE MILLER, A+)
http://www.imdb.com/title/tt0104756/

ได้ดูหนังเรื่องนี้เมื่อ 13 ปีก่อน จำเนื้อเรื่องไม่ได้แล้ว ไม่แน่ใจว่าเนื้อหาส่วนนึงของหนังเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับบริษัทยาด้วยหรือเปล่า เพราะการที่บริษัทยาสักแห่งจะผลิตยาเพื่อรักษาผู้ป่วยโรคใดออกมา เขาต้องคำนวณก่อนว่ามันคุ้มค่าทางการพาณิชย์หรือไม่ และถึงแม้พ่อแม่ของเด็กในหนังเรื่องนี้หาวิธีรักษาโรคได้ พวกเขาก็ต้องพยายาม CONVINCE บริษัทยาให้ได้ด้วยว่ามันคุ้มค่าทางการพาณิชย์ที่จะผลิตยานี้

รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้ฉายทาง HBO อยู่ ถ้าใครดูหนังเรื่องนี้แล้วพบว่าดิฉันจำเนื้อเรื่องผิดก็ขออภัยด้วยนะคะ

Until about the age of 7, Lorenzo Odone was a normal child. After then, strange things began to happen to him: he would have blackouts, memory lapses, and other strange mental phemonenons. He is eventually diagnosed as suffering from ALD: an extremely rare incurable degenerative brain disorder. Frustrated at the failings of doctors and medicine in this area, the Odones begin to educate themselves in the hope of discovering something which can halt the progress of the disease.

5.มินิซีรีส์เรื่อง STRONG MEDICINE (1986, GUY GREEN, B) ที่เคยฉายทางช่อง 3

จำเนื้อเรื่องของมินิซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้เลยค่ะ

Miracle drugs save lives and ease suffering, but for profit-motivated companies, the miracle is the money they generate...at any cost. Billions of dollars in profits will make men and women do many things--lie, cheat, even kill. now one beautiful woman will be caught in the cross fire between ethics and profits. As Celia Jordan's fast-track career sweeps her into the highest circles of an international drug company, she begins to discover the sins and secrets hidden in the research lab...and in the marketplace. Now the company's powerful new drug promises a breakthrough in treating a deadly disease. But Celia Jordan knows it may deliver a nightmare.



1.YASMIN (2004, KENNETH GLENAAN, A) หนังอังกฤษ
ได้ดูหนังเรื่องนี้แค่รอบเดียวใน BANGKOK FILM FESTIVAL ค่ะ ถ้าจำเนื้อเรื่องผิดต้องขออภัยด้วยนะคะ

หนังเรื่องนี้พูดถึงแยสมิน ผู้หญิงมุสลิมที่ใช้ชีวิตแบบชาวตะวันตกในอังกฤษ ในฉากแรกๆของเรื่องเธอชอบใส่เครื่องแต่งกายแบบชาวตะวันตก และเธอก็ดูเหมือนเข้ากับเพื่อนๆชาวอังกฤษได้ดี แต่พอเกิดเหตุการณ์ 9/11 ขึ้น เพื่อนๆร่วมงานชาวอังกฤษของเธอก็ปฏิบัติกับเธอเปลี่ยนไป เริ่มมีความคลางแคลงใจเกิดขึ้น นอกจากนี้ สามีของเธอก็ยังถูกตำรวจจับไปทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรผิดด้วย และนางเอกก็มีปัญหากับพ่อและน้องชายด้วยเช่นกัน หนังเรื่องนี้จบลงด้วยการที่นางเอกเลือกที่จะแต่งตัวในแบบที่ตรงกันข้ามกับฉากเปิดเรื่องอย่างสิ้นเชิง ในขณะที่น้องชายของเธอซึ่งเคยใช้ชีวิตแบบชาวตะวันตกก็เลือกที่จะไปเข้ากับกลุ่มหัวรุนแรงแทน

นักวิจารณ์บางคนไม่ชอบหนังเรื่องนี้เท่าใดนัก เพราะหนังเรื่องนี้ทำให้คนผิวขาวดูเป็นคนเลวมากเกินไป ลองอ่านได้จากคำวิจารณ์นี้
http://www.culturewars.org.uk/2005-01/yasmin.htm

อย่างไรก็ดี ในหนังเรื่องนี้ มีฉากนึงที่นักวิจารณ์ชอบมาก เพราะฉากนั้นมีความเป็นสารคดีอยู่ด้วย ฉากนั้นเป็นฉากที่ผู้หญิงมุสลิมคนนึงถูกกลุ่มผู้ชายวัยรุ่นผิวขาวกลั่นแกล้งกลางถนนในอังกฤษ และแยสมินพยายามเข้ามาช่วยเหลือผู้หญิงคนนี้ แต่เนื่องจากฉากนี้ถ่ายทำในถนนจริงๆ ก็เลยมีหญิงชราผิวขาวคนนึงที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ และไม่ทันเห็นว่านั่นเป็นการถ่ายทำหนัง เธอคิดว่าสิ่งที่เธอเห็นเป็นเรื่องจริง เธอก็เลยเข้ามาขอโทษขอโพยแทนเด็กวัยรุ่นกลุ่มนั้น ทางทีมงานถ่ายทำหนังประทับใจกับเหตุการณ์นี้มาก ก็เลยนำเหตุการณ์จริงนี้มาใส่ไว้ในหนังด้วย

In the scene where Yasmin chases off a group of boys who are throwing milk at a Muslim woman, an old lady comes up and apologizes for their behavior. This moment was completely unscripted - the crew were filming on a real street and the old lady was just a passer-by who hadn't noticed the cameras.

The director decided to leave the scene in - thankfully - but it's the only point at which you see any kind of solidarity or mutual concern between whites and Asians. In reality, ordinary people cross the colour lines all the time. It is usually in institutional settings like schools, council offices, libraries, or the police station that they are reminded of their differences and need for protection from each other.

2.หนังเรื่อง DIRTY WAR (2004, DANIEL PERCIVAL, A+) ที่ฉายทาง HBO เป็นประจำ เป็นหนังอังกฤษ-สหรัฐ
http://www.imdb.com/title/tt0427157/

คิดว่าหนังเรื่องนี้เหมาะจะฉายให้นักเรียนตามโรงเรียนประถมและมัธยมดูเป็นอย่างมาก ถ้าเข้าใจไม่ผิด หนังเรื่องนี้ครอบคลุมทั้ง

2.1 สิ่งที่ประชาชนควรทำในการช่วยกันระแวดระวังป้องกันการก่อการร้าย

2.2 สิ่งที่ประชาชนควรทำเมื่อเกิดการก่อการร้ายขึ้นแล้ว อย่างเช่น เราไม่ควรกินน้ำหรืออาหารใดๆทั้งสิ้นจนกว่าจะออกมาพ้นเขตของระเบิดกัมมันตภาพรังสี

2.3 สิ่งที่ข้าราชการชั้นผู้น้อยควรเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเกิดการก่อการร้าย อย่างเช่นการฝึกซ้อมเป็นประจำ จะได้รู้ว่ามีจุดอ่อนตรงไหน การใช้เสื้อกันภัยประเภทนี้มีข้อควรระวังยังไงบ้าง

2.4 สิ่งที่ข้าราชการผู้น้อยควรทำหลังเกิดการก่อการร้าย

2.5 สิ่งที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลควรทำก่อนเกิดการก่อการร้าย อย่างเช่น ไม่ควรประหยัดงบประมาณในเรื่องพวกนี้มากนัก

2.6 สิ่งที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงควรทำหลังเกิดการก่อการร้ายขึ้นแล้ว อย่างเช่น ไม่ควรออกมาเสนอหน้าตามสื่อมวลชน เพราะคุณอาจจะดูน่าตบมากๆถ้าหากคุณทำตัว “ประมาท” ด้วยการประเมินภัยจากการก่อการร้ายต่ำเกินไปในช่วงก่อนหน้านั้น

--ถ้าเข้าใจไม่ผิด หนังเรื่อง DIRTY WAR น่าจะสร้างก่อนเกิดเหตุการณ์ระเบิดรถไฟในกรุงลอนดอนในวันที่ 7 ก.ค.ปี 2005 เพราะฉะนั้นหนังเรื่อง DIRTY WAR จึงอาจจะเปรียบได้กับเป็นการ “คาดการณ์ล่วงหน้า” ได้อย่างแม่นยำและน่าสะพรึงกลัวมากๆ

--หนังอีกเรื่องนึงที่เข้าข่ายทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าได้อย่างน่าขนหัวลุก ก็คือ DIAL H-I-S-T-O-R-Y (1998, JOHAN GRIMONPREZ, A+) ที่เป็นสารคดีเกี่ยวกับการจี้เครื่องบิน
http://www.dvdinmypants.com/reviews/A-G/dial.php


3.LADDER 49 (2004, JAY RUSSELL, B+)


4.SAINT OF 9/11 (2006, GLENN HOLSTEN)
หนังสารคดีเกี่ยวกับพระเกย์ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ 11 ก.ย.
http://www.saintof9-11.com/
http://us.imdb.com/title/tt0795458/


5.หนังเกี่ยวกับสงครามอิรักถือเป็นหนังในกลุ่มนี้ด้วยหรือเปล่าคะ เพราะสงครามอิรักก็อาจจะเป็นผลพวงจากเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน

มีหนังที่คนไทยเขียนบทเรื่องนึงที่มีเนื้อหาพาดพิงถึงสงครามอิรัก นั่นก็คือเรื่อง L’EXPERIENCE PREHISTORIQUE (2004, CHRISTELLE LHEUREUX, A+) ที่มาฉายที่ ALLIANCE FRANCAISE ในปีที่แล้ว หนังเรื่องนี้ถ่ายโดยผู้กำกับชาวฝรั่งเศส ถ่ายทำในญี่ปุ่น และให้คนญี่ปุ่นแสดง ก่อนจะให้คนเขียนบทจากหลายๆชาติแต่งเรื่องประกอบภาพได้ตามใจชอบ พอหนังเรื่องนี้มาเปิดฉายในกรุงเทพ คุณปราบดา หยุ่น ก็เลยแต่งเรื่องให้หนังเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับครอบครัวชาวญี่ปุ่นครอบครัวนึง ที่รู้ข่าวว่าลูกชายของตัวเองถูกจับเป็นตัวประกันในอิรัก และกำลังจะถึงกำหนดเส้นตายที่กลุ่มผู้ลักพาตัวกำลังจะสังหารลูกชายของพวกเขาแล้ว


6.คิดว่า L’EXPERIENCE PREHISTORIQUE เรื่องนี้เหมาะจะฉายควบกับ
BASHING (2005, MASAHIRO KOBAYASHI) เป็นอย่างมาก เพราะมีเนื้อหาเกี่ยวกับตัวประกันชาวญี่ปุ่นในอิรักเหมือนกัน
http://us.imdb.com/title/tt0456836/


7.ผลกระทบจากเหตุการณ์ 9/11 ส่งผลต่อเนื่องไปอีกหลายประเทศ และความเปลี่ยนแปลงในประเทศต่างๆก็อาจจะปรากฏในหนังบางเรื่องตามมา อย่างเช่น
เหตุการณ์ 9/11 น่าจะเป็นสาเหตุส่วนนึงที่ทำให้ JEAN-MARIE LE PEN ผู้นำฝ่ายขวาจัดในฝรั่งเศสที่ต่อต้านชาวต่างชาติได้รับคะแนนเสียงล้นหลามพลิกความคาดหมายในการเลือกตั้งในปี 2002 จนส่งผลให้ชาวฝรั่งเศสจำนวนมากออกมาประท้วงตามท้องถนน และเจ้าแม่นักทำหนังชาวฝรั่งเศส AGNES VARDA ก็ออกไปเก็บภาพกลุ่มผู้ต่อต้าน LE PEN เอามาไว้ในหนังสารคดีเรื่อง THE GLEANERS AND I: TWO YEARS LATER (2002, B+)


8.หนังเรื่อง MONDAY MORNING GLORY (2005, WOO MING JIN) ของมาเลเซียที่เพิ่งมาฉายในกรุงเทพเมื่อเดือนก.พ. แต่ดิฉันไม่ได้ดูค่ะ

Set in a small town in southeast Asia, Monday Morning Glory takes place a week after a bombing at a night club, which claims 199 lives. Having captured the core members of a cell group he thinks is responsible for the bombing, the local police chief invites a select group of journalists to witness a “reenactment” of the events leading up to the attack. Already facing immense pressure from his higher-ups and also the press, the chief hopes on this Monday morning to vindicate himself and reveal the truth behind this act of terrorism. The “truth” however, can never seem so far away…


9.SHOUF SHOUF HABIBI! (2004, ALBERT TER HEERDT, B+)
http://us.imdb.com/title/tt0341578/
http://europeanfilms.net/reviews/2004/shoufshouf.html
หนังเนเธอร์แลนด์เรื่องนี้เล่าเรื่องของครอบครัวชาวโมร็อกโกที่พยายามปรับตัวให้เข้ากับสังคมเนเธอร์แลนด์ เป็นหนังตลกที่สะท้อนด้านมืดของมนุษย์ออกมาบ้างเหมือนกัน ได้ดูหนังเรื่องนี้เพียงรอบเดียวตอนเข้ามาฉายในกรุงเทพในเดือนต.ค.ปี 2004 จำได้ว่าผู้ชมฝรั่งชาวต่างชาติหัวเราะครื้นเครงและมีความสุขกับหนังเรื่องนี้มาก ถ้าจำไม่ผิด ในฉากต้นๆของเรื่องนี้ จะมีการล้อตัวละครชายคนนึงที่เป็นชาวโมร็อกโกว่า เขาอาจจะได้เล่นหนังเป็นคนจี้เครื่องบินในเหตุการณ์ 9/11

หนังเรื่องนี้มองโลกในแง่ดี แต่ไม่แน่ใจว่าหลังจากเกิดเหตุการณ์สังหาร THEO VAN GOGH ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวเนเธอร์แลนด์ในเดือนพ.ย.ปี 2004 แล้ว เนเธอร์แลนด์จะยังมีการสร้างหนังตลกเกี่ยวกับชาวโมร็อกโกออกมาให้ดูแบบหนังเรื่องนี้อีกหรือเปล่า (อ่านเรื่องราวของ THEO VAN GOGH ได้ใน BIOSCOPE เล่มเก่าๆจ้ะ)
http://en.wikipedia.org/wiki/Theo_van_Gogh_(film_director)

Mohammed Bouyeri murdered van Gogh in the early morning of Tuesday November 2, 2004, in Amsterdam in front of the Amsterdam East borough office (stadsdeelkantoor) on the corner of the Linnaeusstraat and Tweede Oosterparkstraat streets. He shot him with eight bullets from a HS2000 (a handgun produced in 2000 in Croatia), and Van Gogh died on the spot. Bouyeri slit van Gogh's throat and then stabbed him in the chest. Two knives were left implanted in his torso, one pinning a five-page note to his body.


10.ALEXANDRIA...NEW YORK (2004, YOUSSEF CHAHINE, A) หนังอียิปต์
http://us.imdb.com/title/tt0416465/

เยเฮีย ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวอียิปต์เดินทางมาอเมริกาและรำลึกถึงความหลังอันแสนหวานในอดีต ในวัยหนุ่มเขาเคยมาศึกษาต่อที่อเมริกา และชอบอเมริกาในอดีตเมื่อ 40 ปีก่อนมาก อเมริกาในยุคนั้นเป็นยุคของหนังเพลงอันสดใส แต่ปัจจุบันนี้อเมริกาเป็นยุคของจอร์จ บุช และความรู้สึกที่เขามีต่ออเมริกาก็ยากที่จะระบุได้ว่าเขาควรจะรักหรือเกลียดหรือควรจะทำเช่นใดดี

Egyptian film director Yehia encounters his first love Ginger as he was being celebrated in New York. Back then they were 19 years old. The American Dream was the thing of the 20th century. Yehia, the boy from Alexandria, and Ginger, the American gal, were students at Pasadena Playhouse.40 years later, they are back together but the world has changed and the American Dream is no longer what it used to be. Yehia finds out that he had begotten an American child, a boy. Through a boisterous epic in which heroes love, sing, dance, laugh and cry, Youssef Chahine reconsiders his past and his ambiguous relationship to America which he loved so much.


11.VALLEY OF THE WOLVES:IRAQ (2006, SERDAR AKAR) หนังตุรกี
http://us.imdb.com/title/tt0493264/

หนังตุรกีเรื่องนี้ทำรายได้สูงมาก และมีเนื้อหาเกี่ยวกับพระเอกตุรกีที่ตามล่าผู้ร้ายชาวอเมริกัน (BILLY ZANE + GARY BUSEY) โดยเนื้อหามีการพาดพิงถึงสิ่งที่ทหารอเมริกันทำไม่ดีกับสายลับตุรกีในช่วงสงครามอิรัก และมีเนื้อหาเกี่ยวกับเรือนจำ ABU GHRAIB อันฉาวโฉ่ในอิรักด้วย

On July 4, 2003, U.S. forces surrounded the HQ of an undercover Turkish unit in Sulaymaniyah, northern Iraq, led its 11 members out with hoods on their heads, and had them deported, even though Turkey was officially an ally in the war. The so-called "Hood Event" was seen by Turks as a national humiliation.

Polat's target is secret CIA unit head Sam William Marshall (Zane, smoothly evil), a Mideast vet and rabid Christian who wants to solve the region's problems through a scorched-earth policy.

On the one hand, the basic format is peppered with some pure trash-exploitation elements, such as a strung-out U.S.-Jewish doctor (Gary Busey) at Abu Ghraib who's trafficking inmates' organs to London, New York and Tel Aviv.

12.THE HAMBURG CELL (2004, ANTONIA BIRD)
http://us.imdb.com/title/tt0398093/
A fictionalized account of the September 11 hijackers.


13.THE FRIEND (2003, ELMAR FISCHER) หนังเยอรมันที่เคยเข้ามาฉายในกรุงเทพ แต่ดิฉันไม่ได้ดูค่ะ
http://us.imdb.com/title/tt0390018/#comment
In "Friend" - Chris (Antonio Wannek), a young Berliner, takes in a new apartment mate, Yunes (Navid Akhavan), a Yemeni national. Much of the film is an exploration of the deepening friendship these two share over about three years, leading up to 9/11. Using flashbacks and flash forwards, we follow this pair, sharing in the ups and downs of their love lives, parties, games, pranks, arguments and other happenings. Most noteworthy is the growing bond of affection between these two.
http://images.amazon.com/images/P/B0002DSP8Y.01._SS500_SCLZZZZZZZ_V1132527706_.jpg


14.THE WAR WITHIN (2005, JOSEPH CASTELLO)
http://us.imdb.com/title/tt0414344/
http://ec1.images-amazon.com/images/P/B000CNET0C.01._SS500_SCLZZZZZZZ_V1136952164_.jpg

In "War Within" they are lifelong chums from Pakistan who reunite in New Jersey, where one is settled, assimilated, and highly pro-American, while the other has been sent on a mission to blow up public places.


15.A WEDDING IN RAMALLAH (2002, SHERINE SALAMA, A+)

หนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนัง POST 9/11 แต่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นหนัง “DURING 9/11” เพราะหนังสารคดีเรื่องนี้ติดตามถ่ายทำชีวิตของสามีภรรยาชาวปาเลสไตน์ที่อพยพไปตั้งรกรากในสหรัฐ และหนังก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขามีปัญหาชีวิตหนักพออยู่แล้วตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ 9/11 และในตอนจบของหนัง หนังก็ขึ้นตัวอักษรบอกว่า (ถ้าจำไม่ผิดนะคะ) หลังจากเกิดเหตุ 9/11 แล้ว สามีภรรยาที่น่าสงสารคู่นี้ก็ต้องย้ายออกจากบ้านที่พวกเขาเช่าอยู่ เพราะเจ้าของบ้านเช่าไม่ไว้วางใจพวกเขาและกลัวว่าพวกเขาอาจจะเป็นผู้ก่อการร้าย

ได้ดูหนังเรื่องนี้ที่ GRAND EGV ในเดือนต.ค.ปี 2002 และจนถึงบัดนี้ก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่า ป่านนี้สามีภรรยาชาวปาเลสไตน์คู่นี้จะมีชีวิตเป็นอย่างไรบ้าง

No comments: