Tuesday, December 24, 2019

IF I THINK OF GERMANY AT NIGHT

HELLO WORLD (2019, Tomohiko Ito, Japan, animation, A+30)

 ชอบที่เนื้อเรื่องของหนังมันซับซ้อนกว่าที่คิดไว้มากๆ

IF I THINK OF GERMANY AT NIGHT (2017, Romuald Karmakar, Germany, documentary,  A+30)

1.มีสิทธิติด top ten ประจำปี รักหนังเรื่องนี้อย่างสุดๆ หนังเป็นการสัมภาษณ์ดีเจดิสโก้เธค 5 คน ซึ่งเน้นเปิดดนตรี house เราก็เลยหวีดร้องมากๆ เพราะเราชอบ house music มากๆ

2.ชอบตั้งแต่ฉากเปิดแล้ว ที่เป็นการถ่ายด้านหลังของดีเจคนนึง ขณะที่เขาฟัง Speech อะไรไม่รู้จากอิหร่านในทศวรรษ 1980 คือดูหนังเรื่องนี้แล้วทึ่งกับดีเจพวกนี้มากๆ ในแง่การ research คลังเสียงโบราณ คือเหมือนกับว่าในการที่ดีเจพวกนี้จะสร้างผลงานใหม่ๆ ทั้งในรูปแบบเพลงแดนซ์ หรือในฐานะที่พวกเขาเป็น sound artist นั้น พวกเขาต้องเปิดหูรับฟังเสียงต่างๆรอบตัว และต้องขุดคุ้ย "เสียงโบราณ" จากแหล่งที่นึกไม่ถึง อย่างเช่นอิหร่านในทศวรรษ 1980 ด้วย

3.ชอบสุดๆที่ดีเจคนนึงพูดถึงความหลงใหลของเขาที่มีต่อ "การฟังเสียงลมที่ลอดใต้ประตูห้อง" คือกราบมากๆ เชื่อแล้วว่า artists หลายคนมันมีประสาทสัมผัสที่ละเอียดอ่อนกว่ามนุษย์ทั่วไปจริงๆ ใครจะนึกว่าดนตรี dance techno บางเพลง มันจะมีแรงบันดาลใจมาจากเสียงลมที่ลอดใต้ประตูห้อง

จุดนี้ทำให้นึกถึงหนังที่เราชอบสุดๆเรื่อง  WE ARE YOUR FRIENDS (2005, Max Joseph) ด้วย ที่พระเอกเป็น dance music artist ที่ได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างเพลงแดนซ์จากเสียงต่างๆรอบตัว อย่างเช่น เสียงหยดน้ำ, เสียงเหรียญกระทบกัน, เสียงรองเท้าผ้าใบที่วิ่งไปบนพื้น, etc.

4.ชอบที่ดีเจคนนึงพูดถึงผลกระทบจากการก่อการร้ายในยุโรปที่มีต่อการเที่ยวเธคด้วย

5.ชอบเรื่องราวของดีเจหญิงมากๆ เธอมาจากสวิตเซอร์แลนด์ฝั่งที่ใช้ภาษาฝรั่งเศส เธอรัก house music แต่ในช่วงต้นทศวรรษ 1990 มันไม่มีเธคที่เปิดดนตรี dance เทคโนแบบที่เธอชอบในย่านของเธอเลย เธอเลยต้องไปเที่ยวเธคในสวิสฝั่งที่ใช้ภาษาเยอรมัน แต่ก็พบว่า เธคในย่านนั้นเปิด trance music ไม่ใช่ house music เธอก็เลยต้องข้ามพรมแดนไปเที่ยวเธคในเยอรมนี ถึงจะเจอเธคที่เปิด house music แบบที่เธอต้องการ

6.ชอบการวิเคราะห์ความแตกต่างทางวัฒนธรรมที่นำไปสู่ความแตกต่างของดนตรี dance techno ด้วย โดยดีเจคนนึงวิเคราะห์ว่า ดนตรีของ scandinavia มักจะเย็นชากว่าดนตรีของยุโรปใต้

7.ชอบที่ดีเจหญิงบอกว่า เธอต้องหาทาง "ตะล่อมคนฟัง" ในเมืองที่แตกต่างกันไป เพราะคนฟังในเธคแต่ละแห่ง แต่ละเมือง มีรสนิยมแตกต่างกันไป เธอจะเปิดแต่เพลงที่เธอชอบตั้งแต่ต้นจนจบไม่ได้ เพราะฉะนั้นเวลาที่เธอออกทัวร์ เธอก็เลยต้องเตรียมเพลงหลากหลายแนวไปด้วย

ในช่วงชั่วโมงแรกๆของการเล่นเพลงในเธคแต่ละแห่ง เธอจะต้องหาทางจับให้ได้ว่า เพลงแนวไหนที่จับใจลูกค้าในเธคแห่งนั้น เพลงแบบไหนที่กระตุ้นพลังลูกค้าในเธคได้ แล้วเธอถึงค่อยๆหาทางตะล่อมคนฟังไปเรื่อยๆจนเข้าสู่ชุดเพลงที่เธอชอบ และนำไปสู่การบิ๊วอารมณ์ถึงขีดสุดในชั่วโมงที่ 3 หรืออะไรทำนองนี้

เธอบอกว่า การได้เล่นชุดเพลงที่เธอชอบ มันเหมือนการได้พูดให้คนอื่นๆฟัง แต่ขั้นแรกนั้น เราต้องหาทางทำให้เขาหันมาฟังเราก่อน

 8.ชอบการพูดถึงประวัติดนตรี house ด้วย เพราะตอนแรกเราจะนึกว่ามันมาจากย่าน chicago , detroit อะไรทำนองนี้ แต่ดีเจในหนังบอกว่า ดนตรีพวกนี้ มันก็มีรากมาจากดนตรีเทคโนของวง Kraftwerk ของเยอรมนีนั่นแหละ

9.ชอบที่ดีเจคนนึงพูดถึงการวนลูปของดนตรี house มากๆ เขาพูดในทำนองที่ว่า เขาสามารถเอาเพลง house ยุคบุกเบิกในทศวรรษ 1980 มาเปิดใหม่ในเธคได้เสมอ แล้วทุกๆ 5 ปี ก็จะมีเด็กหน้าใหม่มาถามเขาด้วยความเข้าใจผิด นึกว่าไอ้เพลง house จากทศวรรษ 1980 มันเป็นเพลงใหม่ที่เพิ่ง release ออกมาในปีนี้

10.  ต้องกราบผู้กำกับหนังเรื่องนี้จริงๆ ที่สามารถดึงแนวคิดทางปรัชญาของดีเจแต่ละคนออกมาได้ ซึ่งมันแตกต่างจากหนังสารคดีเกี่ยวกับ techno dance artists เรื่อง  HANG THE DJ (1998, Marco La Villa, Mauro La Villa, Canada) ที่ผู้กำกับถนัดในการดึง "ความ bitch" ของศิลปินแต่ละคนออกมา เพราะใน HANG THE DJ นั้น เราจำไม่ได้ว่าดีเจแต่ละคนมีปรัชญาทางการทำงานว่าอย่างไร เราจำได้แต่ว่า junior vasquez กับ Danny Tenaglia ด่าทอกันอย่างรุนแรงว่าอย่างไรบ้าง 555

TANGO (1998, Carlos Saura, Spain/Argentina, A+30)

ชอบความหนังซ้อนหนังซ้อนละครเวทีในหนังเรื่องนี้ เหมือน layers มันซ้อนกันไปซ้อนกันมา จนเราแยกไม่ออกว่าเรื่องราวในแต่ละฉากที่ได้ดูนั้น มันเกิดขึ้นในระนาบใดของหนังกันแน่

TIGER THEORY (2016, Radek Bajgar, Czech, A+25)

 หนังแนวผัวเมียละเหี่ยใจ แต่เหมือนหนังเข้าข้างเพศชายมากไปหน่อย

No comments: