CRACKED (2022, Surapong Ploensang,
A+25)
ภาพหวาด
SPOILERS ALERT
--
--
--
--
--
--
--
--
--
--
จริง ๆ แล้วก็ชอบหนังในระดับ A+30 มาตลอดนะ แต่ระดับความชอบมาหล่นฮวบในช่วงท้ายของหนัง
55555
คือเราว่าถ้าหนังมันพลิกนิดหน่อย
มันจะกลายเป็นหนังการเมืองที่เข้าทางเราสุด ๆ เลย
เพราะตัวละครฝ่ายหนึ่งก็เป็นชาวเขา และหนังเน้นย้ำ “การเลือกที่จะมองไม่เห็นเหยื่อ”
ของนางเอกในวัยเด็ก เพราะฉะนั้นสิ่งที่นางเอกถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กมันก็เลยเข้ากับปัญหาการเมืองหลายร้อยหลายพันกรณีที่เกิดขึ้นตั้งแต่ในอดีตมาจนถึงปัจจุบัน
และเกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก ตั้งแต่ชาวบ้านในยุโรปหรือเยอรมนีที่อาจจะเมินเฉยต่อการที่เพื่อนบ้านชาวยิวถูกกวาดต้อนไปสังหารหมู่,
คนขาวที่อาจจะเมินเฉยต่อสิ่งที่คนดำถูกกระทำในสหรัฐในอดีต, กรณีปาเลสไตน์, กรณี 6
ต.ค. 2519, กรณีกรือเซะ, กรณีสังหารหมู่เสื้อแดงปี 2010, กรณีโรฮิงญา, etc. คือถ้าหนังมันปรับนิด ๆ หน่อย ๆ มันจะกลายเป็นหนังการเมืองที่เข้าทางเราสุด
ๆ ไปเลย เพื่อแสดงให้เห็นว่า การเพิกเฉยหรือการทำเป็นมองไม่เห็นความเลวร้ายที่คนอื่น
ๆ ในสังคมโดนกระทำ มันจะกลายเป็นผีที่ตามมาหลอกหลอนเราอย่างไรบ้าง
แต่พอนางเอกเลือกที่จะสมาทาน “คำสอนที่เลวร้าย”
แบบนั้นอีกครั้งในตอนจบ มันก็เลยเหมือนกับว่าหนังไม่ได้มองคำสอนนี้ในแบบเดียวกับที่เรามองน่ะ
มันก็เลยน่าเสียดาย
No comments:
Post a Comment