http://www.ymdb.com/limonado/l30125_ukuk.html
I haven’t seen many old classic films, I hope to see them more in the future.
In your list I have seen only Pather Panchali (A), Children of Paradise (A+), The 400 Blows (A-), Tropical Malady (A+++++), Russian Ark (A+), A Man Escaped (A+++++), The River (A-), Unknown Pleasures (A+), Beau Travail (A+++++), The Gleaners and I (A+)
My favorite Satyajit Ray’s film is Days and Nights in the Forest (1970). My favorite Francois Truffaut’s film is Two English Girls. My favorite Krzysztof Kiewslowski’s film is A Short Film About Love. My favorite Apichatpong Weerasethakul’s film is Windows (1999). My favorite Sokurov’s film is The Sun. My favorite Bresson’s film is L’Argent. My favorite Fellini’s film is Juliet of the Spirits. My favorite Varda’s film is The Creatures (1966).
http://riverdale-dreams.blogspot.com/2006/07/blog-post_19.html
ดีจัง ได้ความรู้เรื่อง ESSENTIALIST กับ CONSTRUCTIONIST ด้วย
หนูเชื่อว่าตัวหนูเป็นเกย์มาตั้งแต่เกิดค่ะ เพราะหนูรู้สึกเงี่ยนผู้ชายตั้งแต่อยู่โรงเรียนอนุบาลแล้ว แต่หนูก็เชื่อว่าเพื่อนๆหนูมีทั้งที่เป็นเกย์ตั้งแต่กำเนิด และที่อาจจะเป็นเพราะปัจจัยอื่นๆเหมือนกัน
http://riverdale-dreams.blogspot.com/2006/07/blog-post_18.html
--ใช่แล้วจ้ะ MEN’S WORKOUT
--ขอแนะนำคุณ BLACK FOREST ให้ใช้ “สบู่กรด” ล้างหน้าค่ะ (ล้อเล่นค่ะ)
http://blackforests.blogspot.com/2006/07/ive-never-had-boyfriend-and-im-28.html
I'VE NEVER HAD A BOYFRIEND...AND I'M 33.
เพื่อนๆหนูไม่เคยถามหนูเลยค่ะว่าหนูมีผัวแล้วยัง เพราะเขาเห็นใบหน้าของหนู เขาก็ทึกทักโดยอัตโนมัติไปแล้วค่ะว่าชาตินี้อีนี่ไม่มีทางหาผัวได้แน่นอน ฮ่าๆๆ
ตอบน้อง merveillesxx
--ได้ดู SLOW DANCE ไปบ้างแล้ว ชอบ ERI FUKATSU (1973) มากๆเลยค่ะ
หนังของ ERI FUKATSU ที่เคยดู
1.(HARU) (1996, YOSHIMITSU MORITA, A+++++)
2.SUMMER VACATION 1999 (1988, SHUSUKE KANEKO, A+)
3.LIKE ASURA (2003, YOSHIMITSU MORITA, A)
--เห็นน้อง merveillesxx สนใจประเด็นหนัง post 9/11 ก็เลยขอแนะนำมิวสิควิดีโอ POST 9/11 ค่ะ นั่นก็คือมิวสิควิดีโอของ JOSHUA BELILE ทหารสหรัฐที่ไปรบในอิรักและร้องเพลงที่มีเนื้อหาที่ CONTROVERSIAL อย่างมากๆ เพราะเนื้อเพลงนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับการฆ่าพลเรือนชาวอิรัก แต่ JOSHUA BELILE บอกว่าเขาแต่งเพลงนี้เพราะเห็นว่ามันตลกดีและเนื้อเพลงนี้ก็ดัดแปลงมาจากประโยคในหนังเรื่อง TEAM AMERICA: WORLD POLICE (2004, TREY PARKER)
http://www.imdb.com/title/tt0372588/quotes
http://en.wikipedia.org/wiki/Joshua_Belile
In the song, the Marine protagonist meets an Iraqi girl who convinces him to follow her to her house. After arriving, the Marine is confronted by the Iraqi girl's father and brother who are armed with AK-47 rifles. The Marine then uses the girl's younger sister as a human shield. The father and brother attack, killing the sister as the marine laughs. The soldier then hides behind a TV, returns fire, and kills the father and brother.
JOSHUA BELILE ได้ออกมาขอโทษต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ทางด้าน Council on American-Islamic Relations (http://www.cair-net.org) ก็ออกมาบอกว่า “We welcome Corporal Belile apology และจะปล่อยให้ทางกองทัพตัดสินเองว่าเขาควรได้รับการลงโทษทางวินัยหรือไม่”
ดูวิดีโอที่ CONTROVERSIAL อันนี้ได้ที่
http://video.google.com/videoplay?docid=2058313056450546087
อ่านเนื้อเพลงนี้ได้ที่
http://neveryetmelted.com/?p=1140
--ไม่รู้เหมือนกันว่า JOSHUA BELILE มีทัศนคติที่แท้จริงอย่างไรต่อพลเรือนชาวอิรัก แต่ตอนนี้รู้สึกอยากดูดีวีดีหนังหลายเรื่องที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับทหารสหรัฐ อย่างเช่นเรื่อง
1.WINTER SOLDIER (1972)
ดีวีดีหนังเรื่องนี้มีวางขายแล้วตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค.ปีนี้
http://www.amazon.com/gp/product/B000F3AILI/sr=1-1/qid=1154230505/ref=pd_bbs_1/104-7772166-4126305?ie=UTF8&s=dvd
http://ec3.images-amazon.com/images/P/B000F3AILI.01._SS500_SCLZZZZZZZ_V56248672_.jpg
หนังสารคดีเรื่องนี้สัมภาษณ์ทหารผ่านศึกชาวอเมริกันในสงครามเวียดนามในปี 1971 โดยทหารเหล่านี้เล่าเรื่องจริงที่พวกเขาโยนประชาชนชาวเวียดนามลงจากเฮลิคอปเตอร์, เผาหมู่บ้าน, ยิงเด็กๆ, ข่มขืนผู้หญิง, ทรมานผู้บริสุทธิ์, ตัดอวัยวะผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะตัดหู และถลกหนังผู้บริสุทธิ์
2.IN THE YEAR OF THE PIG (1969, EMILE DE ANTONIO)
http://www.amazon.com/gp/product/B000A88ES2/ref=pd_bxgy_img_b/104-7772166-4126305?ie=UTF8
http://ec1.images-amazon.com/images/P/B000A88ES2.01._SS500_SCLZZZZZZZ_V1121580022_.jpg
หนังสารคดีเรื่องนี้มีเนื้อหาต่อต้านสงครามเวียดนาม แต่หนังเรื่องนี้ใช้วิธีการที่ตรงข้ามกับไมเคิล มัวร์
Yet while De Antonio's doesn't hide his anti-war point of view, this will never be mistaken for a Michael Moore documentary; there's little in the way of sensationalism or humor, and rather than confront his targets in person and onscreen, a la Moore, de Antonio simply gives them enough rope with which to hang themselves
EMILE DE ANTONIO ไม่ค่อยถูกโฉลกกับเจ้าพ่อหนังสารคดีอีกคนนึง ซึ่งก็คือ FREDERICK WISEMAN อ่านความเกลียดชังของ DE ANTONIO ที่มีต่อ FREDERICK WISEMAN ได้ที่
http://www.sensesofcinema.com/contents/04/31/emile_de_antonio.html
--THAI FIGHTERS BY ANTHONY GAYTON
เห็นคุณ BLACK FORESTS แนะนำ ANTHONY GAYTON เอาไว้ใน BLOG
http://blackforests.blogspot.com/
พอเข้าไปดูเว็บของ ANTHONY GAYTON แล้วก็ชอบมาก เพราะมีภาพฝรั่งนักมวยที่มาฝึกมวยไทยด้วย
http://www.anthonygayton.com/img/subs/pictures/thaifighters/christoph_b.jpg
http://www.anthonygayton.com/img/subs/pictures/thaifighters/elvis_b.jpg
--ข่าวน่าสนใจ
BLEU COPAS เกย์หนุ่มวัย 30 ปีถูกปลดจากกองทัพสหรัฐเพราะเป็นเกย์
http://news.yahoo.com/s/ap/20060728/ap_on_re_us/gays_military_4
มีการปลดทหารสหรัฐออกจากกองทัพไปแล้วกว่า 11,000 คนในข้อหาเป็นเกย์ ซึ่งรวมถึง 726 คนในปีที่แล้ว โดยจำนวน 726 คนนี้เพิ่มขึ้น 11 % จากปี 2004 นอกจากนี้ ทหารเกย์เกือบ 800 คนที่โดนปลดเป็นทหารที่มีความสามารถพิเศษที่มีความสำคัญต่อกองทัพ โดยเฉพาะความสามารถด้านภาษา และการปลดทหารเกย์เหล่านี้ส่งผลให้กระทรวงกลาโหมสหรัฐต้องเสียเงิน 369 ล้านดอลลาร์ในการหาทหารใหม่
--อ่านข่าวข้างบนแล้วทำให้นึกถึงหนังเรื่อง SOLDIER’S GIRL (2003, FRANK PIERSON) ที่นำแสดงโดย TROY GARITY + LEE PACE และ SERVING IN SILENCE: THE MARGARETHE CAMMERMEYER STORY (1995, JEFF BLECKNER) ที่นำแสดงโดย GLENN CLOSE, JUDY DAVIS, RYAN REYNOLDS, MOLLY PARKER และ ERIC DANE (MULTIPLE MAN ใน X-MEN: THE LAST STAND)
http://www.imdb.com/title/tt0324013/
--ช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นช่วงที่มีความสุขกับการดูหนังมากเป็นพิเศษ เพราะ METROSEXAUL, COLIC, SOPHIE SCHOLL – THE FINAL DAYS และ HELEN THE BABY FOX เป็นหนังที่ชอบสุดๆในระดับ A+++++
แต่ในขณะที่โรงภาพยนตร์กลายเป็นสวรรค์สำหรับดิฉัน โลกนอกโรงภาพยนตร์ก็กลายเป็นนรก เพราะข่าวเกี่ยวกับเลบานอนเป็นข่าวที่ทำให้รู้สึกสลดใจมากๆ
รู้สึกว่าตัวเองเคยดูหนังเกี่ยวกับเลบานอนน้อยสุดๆ หนังที่เคยดูก็มีแค่เพียง
1.OUT OF LIFE (1991, MAROUN BAGDADI)
http://images.amazon.com/images/P/B00004CN8B.01._SS500_SCLZZZZZZZ_V1131854541_.jpg
สุดหล่อ HIPPOLYTE GIRARDOT รับบทที่โทรมสุดๆในเรื่องนี้ โดยเขารับบทเป็นนักข่าวที่ถูกลักพาตัวในกรุงเบรุต
เป็นที่น่าเสียดายที่ MAROUN BAGDADI เสียชีวิตไปแล้วในปี 1993 ขณะอายุเพียง 43 ปีเนื่องจากตกปล่องลิฟท์
2.11’09”01 – SEPTEMBER 11 (2002, YOUSSEF CHAHINE, A+/A)ในส่วน EGYPT ที่กำกับโดย YOUSSEF CHAHINE มีเนื้อหาเกี่ยวกับวิญญาณของทหารอเมริกัน (หล่อมากๆๆ) ที่ถูกฆ่าตายในเลบานอนในปี 1983
ถ้าเข้าใจไม่ผิด เนื้อหาในส่วนที่กำกับโดย YOUSSEF CHAHINE นี้ อาจจะเกี่ยวพันกับเหตุการณ์ระเบิดพลีชีพในเลบานอนที่ส่งผลให้ทหารสหรัฐเสียชีวิต 241 คนในปี 1983 โดยผู้เห็นเหตุการณ์กล่าวว่ามือระเบิดพลีชีพ “ยิ้ม” ขณะปฏิบัติงานด้วย
http://en.wikipedia.org/wiki/1983_Beirut_barracks_bombing
According to one Marine, the driver was smiling as he sped past him.
The suicide bomber detonated his explosives, which were equivalent to 12,000 pounds (about 5,400kg) of TNT. The force of the explosion collapsed the four-story cinder-block building into rubble, crushing many inside.
3.THE KITE (2003, RANDA CHAHAL SABAG, A-)
http://www.imdb.com/title/tt0377610/
4.WEST BEIRUT (1998, ZIAD DOUEIRI, A-)
http://images.amazon.com/images/P/B00004UEZZ.03._SS500_SCLZZZZZZZ_V1057218146_.jpg
หนังแนว COMING OF AGE เกี่ยวกับเด็กหนุ่มที่ตกอยู่ในกรุงเบรุตท่ามกลางภาวะสงคราม ขณะที่เขาเองก็ประสบปัญหาภายในครอบครัวด้วยเช่นกัน
ถ้าจำไม่ผิด ในช่วงต้นของหนังเรื่องนี้มีตัวละครที่เป็นเกย์โผล่มาด้วยแวบนึง เป็นพ่อค้าในตลาดที่ชอบมีเซ็กส์กับเด็กหนุ่มๆ
5.NAVY SEALS (1990, LEWIS TEAGUE, B-)
http://images.amazon.com/images/P/630507531X.01._SS500_SCLZZZZZZZ_V1122573723_.jpg
The final scenes, in Beirut, Lebanon, revolve around an ultimately successful mission to destroy the weapons before they can be used against any possible targets.
หนังเชิดชูทหารอเมริกันที่น่าเบื่อเรื่องนึง ดิฉันไม่ค่อยชอบหนังเรื่องนี้เพราะหนังเรื่องนี้ไม่ค่อยจะขายเรือนร่างดาราชายสักเท่าไหร่ ข้อดีเพียงอย่างเดียวของหนังคือ MICHALE BIEHN น่ารักมาก ส่วนนักวิจารณ์ใน WASHINGTON POST เขียนว่า มีทหารนาวีซีลตัวจริงไปร่วมชมหนังเรื่องนี้ในรอบพิเศษด้วย และทหารตัวจริงเหล่านี้บ่นว่าหนังเรื่องนี้มีข้อเสียตรงที่ “มีฉากฆ่ากันโดยใช้มีดน้อยเกินไป”
--ส่วนหนังเกี่ยวกับเลบานอนที่อยากดูอย่างสุดๆก็คือเรื่อง
1.BLIND FLIGHT (2003, JOHN FURSE)
สร้างจากเรื่องจริง และนำแสดงโดยสุดหล่อ LINUS ROACHE กับ IAN HART ในบทของชายหนุ่มสองคนที่ถูกจับเป็นตัวประกันในเลบานอนในสงครามกลางเมืองปี 1979-1991
http://images.amazon.com/images/P/B0002HSDU0.02._SS500_SCLZZZZZZZ_V1118316354_.jpg
2.MASSAKER (2005, MONIKA BORGMANN + NINA MENKES, LOGMAN SLIM + HERMANN THEISSEN)
http://www.imdb.com/title/tt0382175/
หนังสารคดีเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับการสังหารหมู่พลเรือนชาวปาเลสไตน์ที่อยู่ในเขตซาบราและชาติลาในเลบานอนจำนวนราว 3,000 คนระหว่างวันที่ 16-18 ก.ย.ปี 1982 โดยผู้ถูกสังหารส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง, เด็ก และคนชรา และหนังเรื่องนี้ก็สัมภาษณ์ฆาตกรโหด 6 คนในเหตุการณ์ครั้งนั้น
Very depressing, very violent (although there is no violence per se) - just 6 men talking about a massacre they were involved (they were perpetrators) in during the Lebanese war in 1982. The last man to comment in the film really made my stomach turn - although what he says, in a rather sick way has a ring of truth to it.
อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับการสังหารหมู่ในเลบานอนครั้งนั้นได้ที่
http://en.wikipedia.org/wiki/Sabra_and_Shatila_massacre
หรือในหนังสือ PITY THE NATION: LEBANON AT WAR ของ ROBERT FISK
http://www.amazon.com/gp/product/0192801309/sr=8-2/qid=1154222059/ref=pd_bbs_2/104-7772166-4126305?ie=UTF8
http://ec1.images-amazon.com/images/P/0192801309.01._SS500_SCLZZZZZZZ_V1056423078_.jpg
เว็บไซท์ของหนังเรื่องนี้
http://www.zootropefilms.fr/massaker/
http://www.ecranlarge.com/images/cinema/fiches/galeries/full/4c8dc572a504ec1a34c66e28f15d5985.jpg
http://www.ecranlarge.com/images/cinema/fiches/galeries/full/ba9ba22c76f9950561da0cc2f78ed23e.jpg
http://www.ecranlarge.com/images/cinema/fiches/galeries/full/d4b13997e10207e13437a9ad111a0771.jpg
http://www.ecranlarge.com/images/cinema/fiches/galeries/full/becfeecf24a2fe6f27fdc3db9d0e7dcd.jpg
http://www.ecranlarge.com/images/cinema/fiches/galeries/full/163360118f902e8b7e4d3f2d9d984751.jpg
--หนังที่ได้ดูในวันศุกร์+เสาร์ที่ผ่านมา
1.DRIPPING (จักรวาล นิลธำรงค์, A+++++)
2.HAPPINESS IS... (ธเนศ มรรคาสกุล, A+)
รู้สึกว่า BLOG ของผู้กำกับหนังเรื่องนี้อาจจะอยู่ที่นี่
http://yoandyo.spaces.msn.com/blog/PersonalSpace.aspx
น้อง merveillesxx เคยเขียนถึงหนังเรื่องนี้ไว้ที่
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=merveillesxx&month=06-2006&date=09&group=1&blog=1
3.เปลี่ยน (ทศพล ทิพย์ทินกร, A+)
เป็นหนังแนวเล่าเรื่องย้อนหลังที่ทำออกมาได้ซึ้งมากๆ ไม่แพ้ 5X2 (FRANCOIS OZON, A+) และ THE STRAIGHT AND NARROW (2004, MATHIAS GOKALP, A+++++) แต่ในขณะที่ “เปลี่ยน” และ 5X2 มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรัก THE STRAIGHT AND NARROW กลับมีเนื้อหาเกี่ยวกับความจริงอันน่าเศร้าของชีวิต จุดนึงที่ทำให้รู้สึกอยากร้องไห้ใน THE STRAIGHT AND NARROW คือการที่พระเอกของเรื่องเคยมีความใฝ่ฝันและความรักที่จะทำงานด้านสิ่งทออย่างมากๆ เขาถึงกับขวนขวายเรียนขั้นสูงๆเพื่อศึกษาเรื่องสิ่งทออย่างลึกซึ้ง แต่พอเขาจบการศึกษาออกมา เขากลับหางานทำได้เพียงแค่เป็นคนงานกระจอกงอกง่อยในโรงงานสิ่งทอเท่านั้น และเขาก็ต้องตกงานในเวลาต่อมาเพียงเพราะว่าเพื่อนๆของเขาประท้วงหยุดงานกันทั้งโรงงาน ทั้งๆที่เขาไม่ได้อยากจะร่วมหยุดงานด้วยเลย
THE STRAIGHT AND NARROW เล่าเรื่องย้อนหลังตั้งแต่พระเอกติดคุกไปจนถึงแม่พระเอกตั้งครรภ์ ขณะที่นั่งดูหนังเรื่องนี้ ดิฉันยังไม่รู้สึกซึ้งเท่าไหร่ เพราะยังเรียงลำดับเนื้อเรื่องไม่ถูก พอดูจบไประยะนึง และค่อยๆเรียงลำดับเนื้อเรื่องใหม่หมดตั้งแต่ต้นจนจบแล้ว ถึงค่อยรู้สึกว่าชีวิตพระเอกในหนังเรื่องนี้มันน่าเศร้ามากๆ
วิธีการเล่าเรื่องแบบใน THE STRAIGHT AND NARROW ประหลาดดี คือแทนที่หนังจะเล่าตรงๆว่าพระเอกเรียนสูงแต่ได้งานเป็นคนงานชั้นล่าง หนังกลับเล่าสวนทาง โดยเล่าว่า “ผมชอบงานที่ทำในโรงงานมาก จนถึงกับไปลงเรียนวิชาสิ่งทอขั้นสูงในมหาลัย” (แต่ผู้ชมจะเห็นภาพว่าหน้าตาพระเอกดูเด็กลงเรื่อยๆ และอายุพระเอกก็น้อยลงเรื่อยๆ)
4.ลิงโกสุม (พิชิตโรมรัน อรรคธรรม, A+)
หนังสารคดีชีวิตลิง แต่สามารถถ่ายทอด “บรรยากาศ” ได้ดีมาก
5.HOME (วรรณนิศา เอี่ยมละออง, A+)
6.HOMEWORK (สวัสดิ์ รัตนบรรณกิจ, A+)
ช่วงต้นของหนังเรื่องนี้ หนังตั้งกล้องถ่ายไว้นิ่งๆโดยไม่ตัดภาพเลยเป็นเวลาประมาณ 10 นาที และก็เลยทำให้นึกถึงหนังเม็กซิโกเรื่อง HOMEWORK (1991, JAIME HUMBERTO HERMOSILLO) ที่ดิฉันยังไม่ได้ดู แต่เข้าใจว่ามีฉากที่กล้องตั้งนิ่งๆโดยไม่มีการตัดภาพเช่นกัน โดย HOMEWORK (1991) มีเนื้อหาเกี่ยวกับหญิงสาวที่ล่อลวงชายหนุ่มให้มามีเซ็กส์ด้วยกัน โดยหญิงสาวแอบซ่อนกล้องบันทึกภาพการมีเซ็กส์เอาไว้ แต่ HOMEWORK (2006) มีเนื้อหาเกี่ยวกับเด็กที่ทำการบ้าน
7.ALFIE (2004, CHARLES SHYER, A+)
ได้ดูทาง HBO รู้สึกว่า JUDE LAW ในหนังเรื่องนี้น่ารักมากๆ และบทของ SUSAN SARANDON ก็ดีมากๆ
8.MIAMI VICE (2006, MICHAEL MANN, A+)
ชอบการแสดงของ LUIS TOSAR (1971) ในหนังเรื่องนี้มาก เขาแสดงเป็นเจ้าพ่อได้ดูน่ากลัวดี ก่อนหน้านี้เคยเห็นเขาเล่นหนังโรแมนติกคอมเมดี้เรื่อง UNCONSCIOUS (2004, JOAQUIN ORISTRELL, A-) ก็คิดว่าเขาเล่นได้ดีเช่นกัน
ได้ยินว่า LUIS TOSAR เคยเล่นได้อย่างสุดยอดมากๆใน TAKE MY EYES (2003, ICIAR BOLLAIN) และก็เคยเห็นดีวีดีหนังเรื่องนี้วางขายในสีลมด้วย
LUIS TOSAR
http://www.controlarms.org/es/images/tosar_arma.jpg
รู้สึกชอบจังหวะการจบของ MIAMI VICE มากๆ และทำให้นึกถึงตอนจบของ ALFIE (2004, CHARLES SHYER, A+) กับ LADY IN THE WATER เพราะ”เนื้อหา” ในตอนจบของหนัง 3 เรื่องนี้ไม่ค่อยเข้าทางดิฉันสักเท่าไหร่ แต่หนัง 3 เรื่องนี้เลือกจบใน “จังหวะ” ที่เข้าทางดิฉันมากๆ นั่นก็คือรีบจบก่อนที่อารมณ์จะดิ่งลงเหว ดิฉันคิดว่าถ้าหากหนัง 3 เรื่องนี้ยืดฉากจบให้ยาวขึ้นอีก 5 นาที หนัง 3 เรื่องนี้ก็อาจจะร่วงจาก A+ ลงมาอยู่ที่ C+ ได้อย่างง่ายๆเหมือนกัน
บางฉากในหนังเรื่องนี้ทำให้นึกถึง NIGHT MOVES (1975, ARTHUR PENN, A) ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความลึกลับบางอย่างนอกชายฝั่งรัฐฟลอริดา
http://images.amazon.com/images/P/B0009GX1CE.01._SS500_SCLZZZZZZZ_V1116409247_.jpg
ประโยคที่ชอบมากใน NIGHT MOVES คือประโยคที่ว่า THE TRUTH IS A LIE THAT HASN’T BEEN FOUND OUT หรือสิ่งที่เราเชื่อว่าเป็นความจริงในขณะนี้นั้น จริงๆแล้วมันเป็นเพียงความเท็จที่ยังไม่ถูกเปิดโปงออกมา
ตัวละคร CROCKETT (COLIN FARRELL) ใน MIAMI VICE ดูเหมือนจะมีความขัดแย้งที่น่าสนใจดี ระหว่างความรักที่มีต่อ GONG LI กับหน้าที่ตำรวจ แต่ถ้าหากเทียบกับตัวละครอื่นๆในหนังที่ได้ดูมาในระยะนี้แล้ว รู้สึกว่าความขัดแย้งในใจ CROCKETT เป็นสิ่งที่เบามากๆ
ตัวละครที่มีความขัดแย้งในใจที่ดิฉันชอบมากในระยะนี้
A. CONSTANCE RADETSKY (DIANE KRUGER) ใน TIGER BRIGADES (2006, JEROME CORNUAU, A+)
รู้สึกชอบปฏิกิริยาของตัวละครตัวนี้ที่มีต่อทั้งสามี (ALEKSANDR MEDVEDEV), ชู้รักที่เป็นผู้ก่อการร้าย (JACQUES GAMBLIN จาก VAN GOGH), ชู้รักที่เป็นตำรวจ (CLOVIS CORNILLAC), ผู้ก่อการร้ายที่ชั่วร้าย และตำรวจที่ชั่วร้าย การที่ตัวละครใน TIGER BRIGADES มีหลายฝ่าย ส่งผลให้ปฏิกิริยาของตัวละครไม่ได้มีแค่เพียงปฏิกิริยาของนางเอกกับตัวละครฝ่ายดี และปฏิกิริยาของนางเอกกับตัวละครฝ่ายเลวเท่านั้น เพราะตัวละครนางเอกเองก็มีความโหดร้ายอยู่ภายใน และตัวละครบางตัวก็ยากจะวัดได้ว่าใครดีเลวหรือถูกผิดมากกว่ากัน
B.ANZOR “DUKE” YUGORSKY (KAREL RODEN) ใน RUNNING SCARED
จัดเป็นหนึ่งในตัวละครผู้ร้ายที่น่าสนใจที่สุดในปีนี้ เพราะตัวละครตัวนี้ทำร้ายภรรยากับลูกเลี้ยงอย่างชั่วร้ายมาก แต่ในขณะเดียวกันเขาก็เคยช่วยชีวิตภรรยา และความหมกมุ่นของเขาที่มีต่อจอห์น เวย์นและหนังเรื่อง THE COWBOYS (1972, MARK RYDELL) ก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่น่าประทับใจที่สุดในหนังเรื่องนี้
http://images.amazon.com/images/P/6305133107.01._SS500_SCLZZZZZZZ_V1122574575_.jpg
9.CRASH (วรวิทย์ อิกำเหนิด, A+)
ดูแล้วงงมาก
10.LOVEAHOLIC (2006, พิง ลำพระเพลิง, A+/A)
ชอบวิสา สารสาส กับอัครา อมาตยกุลมากๆ ชอบการตัดต่อของหนังเรื่องนี้มาก และการที่ดิฉันไม่ค่อยถูกโฉลกกับหนังโรแมนติกสักเท่าไหร่ ก็เลยทำให้ชอบการที่หนังเรื่องนี้เปลี่ยนไปเป็นหนังผีและหนังตลกในช่วงครึ่งหลังของเรื่อง อย่างไรก็ดี การที่หนังเรื่องนี้ให้ความสำคัญกับอัครา อมาตยกุลน้อยเกินไป ก็เลยทำให้ชอบหนังเรื่องนี้ไม่ถึง A+ ฮ่าๆๆๆๆ
11.คำถาม (ณัฎฐ์ธร กังวาลไกล, A+/A)
12.M 6/3 THE MOVIE (ศุภชัย พรหมสิทธิเวท, A)
13.รอดช่อง (มณีกาญจน์ ไชยนนท์, A)
หนังเรื่องนี้มีเนื้อหาบางส่วนเกี่ยวกับเกย์
14.ทรมาน (วีรชาติ งามศิลป์, A)
หนังเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับผู้ชายที่ชอบโชว์อวัยวะเพศ
15.BALANCE (นรชาย กัจฉปานนท์, A)
16.LONELY NO MORE (วิสูตร รวีรุ่งจรัส, A)
หนังผีเรื่องนี้แหวกแนวไปจากหนังผีทั่วไป ชอบฉากชายหนุ่มอาบน้ำในหนังเรื่องนี้
นึกไม่ค่อยออกว่ามีหนังผีเรื่องไหนอีกบ้างที่มีฉากชายหนุ่มอาบน้ำ อ้อ มี 303 กลัวกล้าอาฆาต (1998, A-/B+) ที่คัดเลือกนักแสดงชายเข้าฉากอาบน้ำได้ดีมาก
17.โรงเรียนสยองขวัญ (สมภพ เมธาสถิตย์สุข, A/A-)
18.เดอะ เลอะเทอะ สตอรี่ (ปรวิศ พวงศรี, A-)
19.เพื่อน (ปราโมทย์ ปั้นน่วม, A-)
20.มัจจุราช (อุเทน ศรีริวิ, A-)
ชอบฉากเปิดหนังเรื่องนี้ในระดับ A+++++ ที่เป็นชายหนุ่มไม่ใส่เสื้อดูดบุหรี่เป็นเวลาติดต่อกันนานมาก
21.แล้วแต่คุณ (ศุกลภัทร ประสงค์ทรัพย์, A-)
ชอบส่วนที่เกี่ยวกับสาวบ้าล็อตเตอรี่ในหนังเรื่องนี้มาก ความรู้สึกของดิฉันที่มีต่อหนังเรื่องนี้คล้ายกับความรู้สึกที่มีต่อหนังเรื่อง “ฝัน” (ศุกลภัทร ประสงค์ทรัพย์, A) ในจุดนึง นั่นก็คือว่าชอบ “ไอเดีย” บางอย่างในหนังสองเรื่องนี้มากๆ แม้เนื้อหาบางส่วนจะไม่เข้าทางดิฉันสักเท่าไหร่
22.ความเชื่อ (อาทิเทพ ปถวีธาตุ, A-)
23.ซูเปอร์เด็กวัด (สหรัฐ มานิตยกุล + ปัทมา หวังคอนกลาง, A-)
รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มีหลายส่วนที่ฝืดมาก แต่ชอบฉาก “นักศึกษาสาวที่พยายามบังคับให้กล้องถ่ายหนังบันทึกภาพตัวเธอขณะเศร้าใจตามจุดต่างๆในมหาลัย”อย่างมากๆในระดับ A+++++ และถ้าหากเทียบหนังเรื่องนี้กับหนังสั้นแนวสั่งสอนศีลธรรมอีกหลายสิบเรื่องแล้ว ก็รู้สึกยอมรับ “ท่าที” ของหนังเรื่องนี้ได้มากที่สุดเมื่อเทียบกับหนังสั่งสอนศีลธรรมเรื่องอื่นๆ
24.SILENT ROOM (กิตติพัฒน์ กนกนาค, A-)
25.คำตอบ (ชาคริต วิชัยยุทธิ์, A-)
26.SAD MOVIE (2005, KWON JONG-KWAN, B+)
ถึงแม้โดยรวมๆจะชอบหนังเรื่องนี้แค่ B+ แต่ถ้าหากนับเฉพาะช่วงของสาวใบ้หน้าเสียโฉม (ชินมินอา) ก็ชอบช่วงนั้นมากในระดับ A+
27.แข่ง: ชนะ: แพ้: เสมอ: ได้: เสีย: แต้ม (จุดเริ่มต้น) (พิชย จรัสบุญประชา, B+)
28.SENSE (ธีรัช คล่งเวสสะ)
น่าเสียดายที่หนังเรื่องนี้บันทึกเสียงไม่ดี จนทำให้ไม่ได้ยินเลยว่าตัวละครคุยกันว่าอะไรบ้าง เพราะฉะนั้นก็เลยของดออกความเห็น แต่ถ้าเข้าใจไม่ผิด ตัวละครชายหนุ่มหญิงสาวในหนังเรื่องนี้เรียนโรงเรียนเดียวกับน้อง merveillesxx
Sunday, July 30, 2006
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
1 comment:
ขอบคุณครับที่อุตสาห์ดูหนังผม และให้เกรดหนัง
ขนาดตัวผมเองยังลืมไปดูหนังตัวเองเลย
ว่างๆแวะมาทักทายกันครับ
ถ้าชอบ happiness is
Post a Comment