RECENTLY CELINEJULIE HAS COMMENTED IN
--NEW SCREENOUT WEBBOARD
สวัสดีค่ะ ทุกๆคน ทั้งน้อง CHANDLER BING, FRANKENSTEIN, พี่ KIT, VESPERTINE, OLIVER, ZM
วันนี้ขอตอบสั้นๆก่อนแล้วกันนะคะ
--หลังจากประโยคของเนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ ที่ถามระเบียบรัตน์ว่า "เป็นคนหรือเปล่า" ในครั้งนั้นแล้ว การได้อ่าน SCREENOUT ในวันนี้ ก็ทำให้ได้ประโยคเข้าชิงรางวัล "วาทศิลป์บิณฑบาต" ประจำปีอีกสองประโยค ซึ่งก็คือ
1.พี่ KIT
>>ขอให้ น้อง matt ..come out อย่างราบลื่น..หนุ่มๆ จะได้ come in.อย่างลื่นๆ<<
2.MICHAEL SHAOWANASAI
"คุณไมเคิลเคยพูดว่า การทำหน้าสวยๆ ในหนังโรแมนติกแบบเม็ก ไรอัน เป็นสิ่งที่เธออยากทำ"
ประโยคที่สองนี้เป็นประโยคธรรมดาถ้าหากคนอื่นๆพูด แต่พอเป็นไมเคิล เชาวนาศัยพูด ประโยคนี้จึงขึ้นทำเนียบประโยคคลาสสิคไปในทันที พูดแล้วก็นึกถึงหน้าของคุณไมเคิลในตอนจบของภาพยนตร์เรื่อง KKK (A+) ซึ่งเป็นใบหน้าที่คลาสสิคมากๆ
--ตอบคุณแฟรงเกนสไตน์
รู้สึกว่าพระเอก NIGHT TIME PICNIC หน้าตาพอดูได้ แต่ที่ชอบหนังเรื่องนี้ถึงขั้น A+ เป็นเพราะว่าหนังเรื่องนี้ทำให้นึกถึงชีวิตสมัยมัธยมปลาย จริงๆแล้วชีวิตตัวเองก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับชีวิตของตัวละครในหนัง แต่ดิฉันเดาว่าการที่หนังมันโล่งๆ ไม่ค่อยมีเนื้อเรื่อง และนางเอกก็ไม่ค่อยแสดงอารมณ์อย่างรุนแรงมากนัก มันจึงส่งผลให้หนังเรื่องนี้มันเหมือน "ผืนผ้าใบที่เกือบโล่งๆ และมีเพียงโครงร่างคร่าวๆของชีวิตมัธยม" และการที่หนังมันโล่งๆเช่นนี้ มันจึงเปิดโอกาสให้ดิฉันสามารถนึกถึงชีวิตมัธยมของตัวเองควบคู่ไปด้วยขณะที่ดูหนังได้
บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าถ้าหากหนังตัดพล็อตส่วน brother-sister ออกไปจากหนัง แล้วหนังจะดีขึ้นหรือเปล่า บางทีหนังมันอาจจะยิ่งโล่งยิ่งขึ้น และดิฉันอาจจะชอบหนังมากขึ้นก็ได้
ดูหนังเรื่องนี้แล้วทำให้นึกถึงหนังญี่ปุ่นที่ชอบที่สุดเรื่องนึง ซึ่งก็คือเรื่อง MUSASHINO HIGH VOLTAGE TOWERS (1997, Naoki Nagao, A+) ที่ตัวละครเดินกันชิบหายวายป่วงเหมือนกัน แต่ในเรื่อง MUSASHINO นี้เป็นเรื่องของเด็กสองคนที่เดินนับเสาไฟฟ้าไปเรื่อยๆตลอดทั้งเรื่อง
สิ่งน่าอ่าน
1.คุณ FILMSICK เขียนวิจารณ์หนังเกย์เรื่อง THE RASPBERRY REICH เอาไว้ น่าอ่านมากๆเลยค่ะ
2.สำหรับคนที่ทั้งชอบ NINA SIMONE และคนที่ยังไม่รู้จัก NINA SIMONE ขอแนะนำให้อ่านบล็อก Memories of the Future ค่ะ
--FILMSICK'S BLOG ON "THE RASPBERRY REICH" (2003, BRUCE LA BRUCE)
http://filmsick.exteen.com/20070514/the-raspberry-reich-heterosexuality-is-the-opiate-of-the-mas
ขอบคุณคุณ FILMSICK มากค่ะที่เขียนถึงหนังเรื่องนี้ เขียนได้ดีมากๆ
ฉากที่ทำให้หัวเราะจนเป็นบ้าในหนังเรื่องนี้ คือฉากที่ GUDRUN ซ้อมยิงปืนแล้วก็ต้องหันหน้ามาพูดกับกล้องเป็นระยะๆว่า THE REVOLUTION IS MY BOYFRIEND. เป็นฉากที่เสียสติมากๆ
--BIOSCOPE WEBBOARD
http://www.bioscopemagazine.com/smf/index.php?topic=71.120
ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าชีวิตของพูนศุขคล้ายกับหนังเรื่องอะไรบ้าง ขอสารภาพว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินชื่อของพูนศุขมาก่อนเลยค่ะ แบบว่าดิฉันโง่เรืองการเมืองไทยมาก รู้จักแต่พูนผลิน (รัชนก) คงต้องขอเวลาศึกษาหาความรู้เรื่องพวกนี้เพิ่มเติมไปเรื่อยๆ
เนื่องจากคุณ FILMSICK เพิ่งเขียนถึงหนังเรื่อง THE RASPBERRY REICH ที่พูดถึงประเด็นความเกี่ยวข้องกันระหว่าง SEXUAL REVOLUTION กับ CLASS REVOLUTION ไว้ในบล็อก ก็เลยทำให้นึกถึงหนังอีกเรื่องที่อยากดูมากๆ ซึ่งก็คือหนังเลสเบียนผิวดำแนวไซไฟเรื่อง BORN IN FLAMES (1983, LIZZIE BORDEN)
Jesse Ataide เขียนถึงหนังเรื่อง BORN IN FLAMES เอาไว้ด้วยค่ะ
>>The most impressive element of Born in Flames, however, is that it's one of the few films to accurately reflect how a myriad of political issues—gender equality, racial equality, sexual equality, class issues, etc.—are all integrally linked.<<
รู้สึกว่า BORN IN FLAMES จะเล่าถึงชีวิตผู้หญิงหลายคนในโลกอนาคตที่ยังไม่เสมอภาคเท่าผู้ชาย ผู้หญิงเหล่านี้ยังไม่ได้รวมตัวกันในตอนแรก แต่เมือผู้นำหญิงคนหนึ่งถูกลอบสังหาร กลุ่มผู้หญิงหลายกลุ่มที่เคยแบ่งฝักแบ่งฝ่ายแบ่งค่ายกันก็เลยมารวมตัวกันได้ในที่สุดเพื่อเรียกร้องให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางสังคม (อ่านตรงจุดนี้แล้วทำให้นีกถึงหลายคนหลายฝ่ายที่มารวมตัวกันเรียกร้องเพื่อ "แสงศตวรรษ")
BORN IN FLAMES มีขายแล้วในรูปแบบดีวีดีทาง AMAZON.COM
เคยเขียนถึง BORN IN FLAMES ไว้เล็กน้อยในกระทู้เก่าใน T BOARD
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment