Sunday, March 29, 2015

WAGES OF RESISTANCE: NARITA STORIES

Films seen on Saturday, March 28, 2015

1.THE WAGES OF RESISTANCE: NARITA STORIES (2014, Koshiro Otsu + Daishima Haruhiko, Japan, documentary, A+30)

--ดูแล้วรู้สึกว่ามันคล้ายกับหนังเรื่อง PEÕES (2004, Eduardo Coutinho, Brazil documentary) ในแง่ที่ว่า หนังทั้งสองเรื่องนี้มันเป็นการตามถ่ายผู้คนในยุคปัจจุบันที่เคยมีส่วนร่วมในการประท้วงสำคัญเมื่อหลายสิบปีก่อนเหมือนกัน แต่เราว่าหนังญี่ปุ่นเรื่องนี้มันซึ้งกว่า PEÕES เยอะ เพราะเหมือนกับว่าผู้กำกับหนังญี่ปุ่นเรื่องนี้มันจูนติดกับคนให้สัมภาษณ์มากกว่า มันก็เลยสามารถนำเสนอผู้ให้สัมภาษณ์แต่ละคนได้อย่างน่าประทับใจกว่า นอกจากนี้ การที่ผู้ให้สัมภาษณ์แต่ละคนเคยปรากฏตัวในหนังสารคดีเรื่องก่อนๆมาแล้ว ก็เลยส่งผลให้หนังเรื่องนี้สามารถนำฟุตเตจมากมายของผู้ให้สัมภาษณ์เมื่อหลายสิบปีก่อนมาใช้ในหนังเรื่องนี้ด้วย และการได้เห็นความเปลี่ยนแปลงผู้ให้สัมภาษณ์แต่ละคนเมื่อเวลาผ่านไป 40 ปี มันก็สร้างความสะเทือนใจได้สูงมาก ในขณะที่ PEÕES มันไม่ค่อยมีฟุตเตจเก่าๆมากนัก มันก็เลยไม่สามารถสร้างความสะเทือนใจตรงนี้ได้

--ชอบอารมณ์สงบของหนังเรื่องนี้ ชอบอารมณ์ของคนที่ผ่านอะไรมามากแล้ว ซึ่งมันจะแตกต่างจากหนังเรื่อง NARITA: PEASANTS OF THE SECOND FORTRESS (1971, Ogawa Shinsuke) ที่เราได้ดูใน SALAYA DOC ปีแรก คือ PEASANTS OF THE SECOND FORTRESS มันเป็นหนังที่พาเราเข้าไปอยู่ท่ามกลางการประท้วงเลยไง (ถ้าจำไม่ผิด) และมันดูยุ่งเหยิงวุ่นวายปวดหัวมากๆ ซึ่งในแง่นึงมันก็ดีที่มันทำให้เราได้สัมผัสความหฤโหดของการประท้วงตรงนั้นได้ แต่เราจะชอบอารมณ์สงบแบบใน THE WAGES OF RESISTANCE มากกว่า

--การที่หนังเรื่องนี้แสดงให้เราเห็นว่า “หนุ่มแน่นวัยฉกรรจ์” หลายๆคนในทศวรรษ 1970 มีสภาพเป็นเช่นไรในปัจจุบัน ทำให้เรารู้สึกสะเทือนใจมาก 555 การร่วงโรยของสังขารมนุษย์นี่มันน่ากลัวจริงๆ

แต่สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจก็คือว่า ชายชราหลายคนในหนังเรื่องนี้ ไม่ค่อยอ้วนลงพุงเท่าไหร่เลยนะ ในขณะที่เรารู้สึกว่าเพื่อนผู้ชายไทยหลายๆคนรวมทั้งตัวเราเอง อ้วนลงพุงกันหมดแล้วทั้งๆที่อายุแค่ 40 ปี มันเป็นเพราะอะไรกันคะ

--ชอบที่ผู้ให้สัมภาษณ์สองคนฝังใจมากกับเสียงอุทานว่า ahhhhhhhhhhhhh ของคนที่พบศพเพื่อนคนแรก คือแสดงว่าเสียงอุทานนั้นมันต้องฝังใจจริงๆน่ะ ผู้ให้สัมภาษณ์สองคนถึงกล่าวถึงเรื่องที่ดูเหมือนไม่สลักสำคัญนี้ตรงกันโดยไม่ได้นัดหมาย ทั้งๆที่เวลาผ่านมา 40 ปีแล้ว


2.PROMISED PARADISE (2006, Leonard Retel Helmrich, Indonesia, documentary, A+30)

--ดูแล้วนึกถึงนักแสดงละครเวทีสองคนของไทย 555

--กลัวดวงตาของ terrorist ที่ให้สัมภาษณ์ในหนังเรื่องนี้มากๆ เราว่าดวงตาของคนบ้า+ฆาตกรโรคจิตบางคนมันมีลักษณะคล้ายกันน่ะ และเราก็บรรยายเป็นคำพูดไม่ได้ว่ามันคล้ายกันยังไง แต่ดูดวงตาของ terrorist ในหนังเรื่องนี้แล้วทำให้นึกถึงดวงตาของ Charles Manson ที่มันเหมือนสามารถฉายความน่ากลัวบางอย่างออกมาทางแววตาได้เหมือนกัน

--ชอบที่หนังเรื่องนี้กับหนังเรื่องอื่นๆของ Leonard Retel Helmrich มีฉากความฝันหรือฉากจินตนาการอยู่ด้วย เพราะมันทำให้หนังไม่ติดอยู่ในกรอบของความเป็นหนังสารคดี อย่างเช่นในหนังเรื่องนี้จะมีภาพตอนที่นักเชิดหุ่นถูก paranormal advisor สะกดจิต แล้วหนังก็เหมือนจะนำเสนอภาพที่นักเชิดหุ่นเห็นขณะถูกสะกดจิตในช่วงแรก ซึ่งเป็นภาพตอนที่เดินทางไปที่บาร์แห่งหนึ่งในบาหลี


3.X+Y (2014, Morgan Matthews, UK, A+10)


--ดูแล้วนึกถึง THE THEORY OF EVERYTHING (2014, James Marsh) ในแง่ที่ว่า สิ่งที่เราชอบที่สุดในเรื่อง คือ “ตัวประกอบ” ที่ไม่ใช่พระเอกหรือนางเอก คือในเรื่อง X+Y เราจะสะเทือนใจกับเรื่องของลุคมากที่สุด ส่วนใน THE THEORY OF EVERYTHING เราจะสะเทือนใจกับเรื่องของชู้รักของนางเอกมากที่สุด

No comments: