AUTOBIOGRAPHY OF กะหรี่ชุบน้ำ
ตอน บันทึกกรรม
มีหนังบางเรื่องที่เราเกลียดมาก แต่เพื่อนเราชอบมาก
เพราะเนื้อหาในเรื่องมันตรงกับชีวิตของเพื่อนคนนั้น
และก็มีหนังบางเรื่องเช่นกันที่เพื่อนๆเราเกลียดมาก แต่เราชอบมาก
เพราะหนังเรื่องนั้นมันมีบางอย่างที่ตรงกับชีวิตเราหรือตรงกับความรู้สึกของเราพอดี
โดยหนังในกลุ่มหลังนี้ก็มีอย่างเช่นหนังศรีลังกาเรื่อง BETWEEN YESTERDAY AND TOMORROW
(2013, Nilendra Deshapriya, A+15) ที่มันมีบางอย่างในหนังที่นำมาเทียบเคียงกันได้กับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตเรา
และล่าสุดก็คือหนังเรื่อง ANAMNESIS (2014, Ben Goodger, UK, A+10) ซึ่งเพื่อนๆเราส่วนใหญ่จะเกลียดหนังเรื่องนี้มาก
แต่เราจะชอบหนังเรื่องนี้มากพอสมควร
เพราะเนื้อหาของหนังมันเกี่ยวกับผู้ชายคนนึงที่พยายามจะย้อนความทรงจำกลับไปยังช่วงที่แฟนเก่าตาย
เพราะเขารู้สึกผิดกับเหตุการณ์ในตอนนั้น
เราชอบการที่ตัวพระเอกถูกหลอกหลอนด้วยความรู้สึกผิดอย่างรุนแรงกับเหตุการณ์ในอดีตในหนังเรื่องนี้
เราว่าปัจจัยหลักที่ทำให้เราชอบหนังเรื่องนี้
เป็นเพราะว่าตัวเราเองก็หมกมุ่นกับเหตุการณ์บางอย่างในอดีต
และถูกหลอกหลอนด้วยความรู้สึกผิดอย่างรุนแรงมากๆเหมือนกัน และนั่นก็เลยเป็นเหตุผลที่ทำให้เราชอบหนังเกี่ยวกับ
time travel หลายๆเรื่องด้วย
เพราะถ้าหากการเดินทางข้ามเวลาสามารถทำได้จริง
เราก็อยากย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตที่เราเคยทำผิดเหมือนกัน
โดยเหตุการณ์ที่หลอกหลอนเราอย่างรุนแรงจนถึงปัจจุบันก็คือการที่เราเคยทำร้ายสัตว์และฆ่าสัตว์บางตัวด้วยความคึกคะนองตอนที่เรายังเป็นเด็กน่ะ
โดยเหตุการณ์ที่ฝังใจเราก็คือ
1.เราเคยเอาน้ำส้มสายชูหยดใส่ตาลูกแมวตัวเล็กๆตัวนึงในบ้านเรา
ตอนนั้นเราน่าจะอยู่ประถมต้นมั้ง อาจจะประมาณป.3 เราไม่รู้เหมือนกันว่าทำไปทำไม
บางทีอาจจะมีความชั่วร้ายบางอย่างอยู่ในตัวเราในตอนนั้น เราจำรายละเอียดเหตุการณ์ในตอนนั้นไม่ได้แล้ว
แต่ถ้าเราจำไม่ผิด ลูกแมวตัวนั้นมันคงจะแสบตาอย่างรุนแรงมาก
เพราะมันพยายามเอาเท้าหน้าของมันป้ายตาป้อยๆ เราเองก็รู้สึกผิดในตอนนั้น
และพยายามจะเอาน้ำเปล่ามาล้างตามัน แต่มันก็กลัวเราอย่างรุนแรงมาก
มันก็เลยขัดขืนอย่างเต็มที่ไม่ให้เราเอาน้ำเปล่าไปล้างตามัน
มันคงจะกลัวเราเอาน้ำส้มสายชูไปหยดใส่ตามันอีก และถ้าเราจำไม่ผิด
แม่มันก็พยายามจะช่วยเลียตาให้มันด้วย
เราจำไม่ได้แล้วว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นอีกบ้าง จำไม่ได้ว่าลูกแมวตัวนั้นตาบอดหรือเปล่า
หรือว่าแค่ขี้ตาเยอะอยู่พักนึง แต่ลูกแมวตัวนั้นไม่ได้มีชีวิตอยู่นานนัก
เพราะที่บ้านเราตอนเด็กๆจะมีแมวเกิดเยอะมาก ครอกละหลายตัว แต่ทุกตัวจะอยู่ได้ไม่นาน
แป๊บเดียวก็ตายไปเองตามธรรมชาติ มีแค่ไม่กี่ตัวที่อยู่จนโตขึ้นมาได้
อย่างไรก็ดี อันนี้เป็นเหตุการณ์ที่หลอกหลอนและทรมานใจเรามากที่สุด ภาพของลูกแมวตัวนั้นขณะเอาเท้าหน้าป้ายตาตัวเองป้อยๆมันยังคงหลอกหลอนเราอยู่จนถึงตอนนี้
สำหรับเราแล้ว เหตุการณ์นี้มันทำให้เราตกนรกทั้งเป็นไปจนวันตายจริงๆ
2.ตอนสักประมาณป. 5 เราไปเยี่ยมบ้านตากับยายที่อุบล
เราจำได้ว่าเช้าวันนึงอากาศชื้น เหมือนฝนเพิ่งตกไปเมื่อคืนหรืออะไรทำนองนี้
และก็มีหอยทากหลายตัวคลานอยู่บนพื้นหญ้าหน้าบ้านเรา
ในตอนนั้นไม่รู้ว่าผีห่าซาตานตัวไหนเข้ามาสิงสู่ดลใจเรา เราก็เลยจับหอยทากหลายตัว
(จำไม่ได้แล้วว่ากี่ตัว อาจจะประมาณ 5 ตัว) ไปโยนลงบ่อน้ำหน้าบ้านเรา
3.หน้าต่างบ้านเก่าเราเป็นมุ้งลวด และชอบมีจิ้งจกมาเกาะอยู่ด้านนอก
ตอนเด็กๆมีอยู่ช่วงนึงที่พอเราเห็นจิ้งจกมาเกาะมุ้งลวด
เราจะชอบเอามือไปตบมุ้งลวดตรงนั้น เพื่อให้จิ้งจกที่เกาะอยู่ด้านนอกมันตกลงไป
แต่เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจิ้งจกพวกนั้นตกลงไปตายหรือเปล่า หรือว่าได้รับบาดเจ็บมากน้อยแค่ไหน
แต่มันก็เป็นอีกเหตุการณ์นึงที่หลอกหลอนเราอย่างรุนแรง
เราอาจจะเคยทำร้าย+ฆ่าสัตว์เหล่านี้ตอนประมาณ 7-10 ขวบ
แต่ตอนนี้ผ่านมา 30 กว่าปีแล้ว เราก็ยังคงถูกหลอกหลอนด้วยความรู้สึกผิดจากเหตุการณ์ในตอนนั้นอยู่ดี
และมันเป็นความทุกข์ที่รุนแรงมาก เพราะคนเราย้อนเวลาไม่ได้
ไม่สามารถกลับไปแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตได้ เราก็เลยทรมานกับมันมากๆ
เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากฎแห่งกรรมมีจริงหรือเปล่า เพราะเราเองก็ไม่ได้นับถือศาสนาพุทธอย่างจริงๆจังๆ
แต่เราเลือกจะเชื่อว่ามันมีจริงในแบบของเราเอง
และบางทีเราก็นึกสงสัยเหมือนกันว่าที่เราเจ็บป่วยในบางครั้ง บางทีอาจจะเป็นเพราะกรรมชั่วที่เราเคยทำไว้ในตอนเด็กก็ได้
อย่างเช่น
1.สมัยก่อนเรามีอาการตามัวในบางครั้ง และเวลาไปหาหมอ
หมอก็จะชอบให้เราหยอดยาขยายม่านตาเพื่อตรวจดูอาการ ซึ่งมันจะทำให้เราตามัวไปประมาณ
4 ชั่วโมง และเวลาเราถูกหยอดยาขยายม่านตา เราก็จะนึกถึงสิ่งที่เราเคยทำไว้กับลูกแมว
โชคดีที่อาการตามัวของเราทุกครั้งเกิดจาก “ตาแห้ง”
และแก้ได้ด้วยการใช้ยาหยอดตา แต่หมอก็นัดเราตรวจต้อหินทุก 6 เดือน
เพราะเราสายตาสั้นมาก เพราะฉะนั้นก็เลยมีความเสี่ยงต่อการเป็นต้อหิน
2.หลังจากเราจับหอยทากโยนลงบ่อน้ำตอนประมาณป. 5 พอเราขึ้นม.2
อยู่ดีๆเราก็ป่วยด้วยโรคหอบหืดอย่างรุนแรง ป่วยจนต้องเข้าไอซียูเลย
และเราก็ป่วยด้วยโรคหอบหืดบ่อยมาก ในครั้งนึงมันทำให้เราอดเล่นละครเวที
และในครั้งนึงมันก็ทำให้เราขาดสอบด้วย แต่ตอนนี้เราแทบไม่เป็นหอบหืดแล้ว
แต่ป่วยเป็นโรคริดสีดวงจมูกแทน
ทั้งโรคหอบหืดและริดสีดวงจมูกทรมานเราในแบบที่คล้ายๆกัน
นั่นก็คือมันทำให้เราหายใจไม่ออก หายใจด้วยความทุกข์ทรมาน
และหลายๆครั้งมันทำให้เราต้องหายใจทางปาก
เพราะเราหายใจด้วยจมูกไม่ได้ตอนที่ริดสีดวงจมูกกำเริบ
เราก็พยายามออกกำลังกายบ่อยๆนะ เราวิ่งบ่อยมากในฟิตเนส
แต่ก็ดูเหมือนเราไม่สามารถรักษาโรคนี้ให้หายขาดได้อยู่ดี
เราไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นเรื่องของกฎแห่งกรรมที่เราเคยทำไว้กับหอยทากหรือเปล่า
เพราะหอยทากพวกนั้นมันคงจมน้ำตายหมด และอาการที่เราเป็นตั้งแต่ปี 1986
จนถึงปัจจุบัน มันไม่ต่างอะไรกับอาการของคนที่จะจมน้ำตาย มันหายใจไม่ได้
หรือไม่ก็หายใจด้วยความทรมานมาก
แต่เราคิดว่าถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรามันเป็นเรื่องของกฎแห่งกรรมจริงๆ
ก็คงดี เพราะมันเท่ากับว่าเราค่อยๆทยอยผ่อนชำระสิ่งที่เคยทำไว้กับหอยทากไปเรื่อยๆ
3.เราป่วยเป็นโรคหมอนรองกระดูกเคลื่อนตอนปี 2013
และบางทีเราก็สงสัยว่ามันเกี่ยวกับสิ่งที่เราเคยทำกับจิ้งจกหรือเปล่า
สรุปว่า เราไม่รู้หรอกว่ากฎแห่งกรรมมีจริงหรือไม่ หรือถึงมันมีจริง
โรคตา, โรคริดสีดวงจมูก
และโรคหมอนรองกระดูกเคลื่อนของเราก็อาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เราเคยทำในวัยเด็กก็ได้
ทุกอย่างอาจจะเป็นเพียงปัญหาสุขภาพที่ควรแก้ไขด้วยวิธีการทางการแพทย์เท่านั้น อย่างไรก็ดี
เราเพียงแค่คิดว่า ถ้าหากกฎแห่งกรรมมีจริง
และสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราเป็นการทยอยชดใช้กรรมที่เราเคยทำในวัยเด็ก มันก็คงจะดี
เพราะมันจะได้ช่วยลดความทรมานในใจเราลงได้บ้าง
แต่ไม่ว่ากฎแห่งกรรมจะมีจริงหรือไม่ สิ่งที่มีจริงแน่นอนก็คือความทุกข์ทรมานในใจเราต่อสิ่งที่เราเคยทำในวัยเด็ก
หลายๆครั้งเรามักจะจินตนาการว่า ถ้าหากเราเป็นลูกแมวตัวนั้น เราจะรู้สึกยังไง,
ถ้าหากเราเป็นแม่แมวตัวนั้น เราจะรู้สึกยังไง และถ้าหากเราเป็นหอยทากเหล่านั้น
เราจะรู้สึกยังไง
เราจะรู้สึกยังไงถ้าหากเราเดินสูดอากาศสดชื่นในตอนเช้าอย่างมีความสุข
แล้วอยู่ดีๆก็มีใครไม่รู้มาจับเราไปโยนลงบ่อน้ำ
สรุปว่าที่เขียนเรื่องนี้ขึ้นมาก็เพื่อจะระบายความทรมานในใจเรา
และเพื่อจะบอกว่า เพราะเหตุใดเราถึงชอบหนังอย่าง ANAMNESIS น่ะแหละ
เราชอบหนังเกี่ยวกับตัวละครที่ถูกหลอกหลอนจากความรู้สึกผิดอย่างรุนแรงแบบนี้
แต่มันก็ไม่ใช่ทุกเรื่องนะ เพราะหนังอย่าง THE LAZARUS EFFECT (A-/B+) ก็มีอะไรคล้ายๆแบบนี้เหมือนกัน แต่เราก็ไม่ได้ชอบหนังเรื่องนี้ เพราะเรารู้สึกว่า
“ความรู้สึกผิดจากสิ่งที่ตัวเองทำในอดีต” ใน THE LAZARUS EFFECT มันเป็นเหมือนความรู้สึกเฟคๆที่ใส่เข้ามาตามสูตรสำเร็จของหนังทำนองนี้น่ะ มันไม่ได้เป็นความเจ็บปวดจริงๆ
แต่ใน ANAMNESIS เรารู้สึกว่าตัวละครมันถูกหลอกหลอนด้วยอดีตจริงๆ
สรุปว่า กูกลัวกฎแห่งกรรมค่ะ จบ
No comments:
Post a Comment