Wednesday, March 04, 2015

AUTOBIOGRAPHY KARMA


AUTOBIOGRAPHY OF กะหรี่ชุบน้ำ ตอน บันทึกกรรม

มีหนังบางเรื่องที่เราเกลียดมาก แต่เพื่อนเราชอบมาก เพราะเนื้อหาในเรื่องมันตรงกับชีวิตของเพื่อนคนนั้น และก็มีหนังบางเรื่องเช่นกันที่เพื่อนๆเราเกลียดมาก แต่เราชอบมาก เพราะหนังเรื่องนั้นมันมีบางอย่างที่ตรงกับชีวิตเราหรือตรงกับความรู้สึกของเราพอดี โดยหนังในกลุ่มหลังนี้ก็มีอย่างเช่นหนังศรีลังกาเรื่อง BETWEEN YESTERDAY AND TOMORROW (2013, Nilendra Deshapriya, A+15) ที่มันมีบางอย่างในหนังที่นำมาเทียบเคียงกันได้กับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตเรา และล่าสุดก็คือหนังเรื่อง ANAMNESIS (2014, Ben Goodger, UK, A+10) ซึ่งเพื่อนๆเราส่วนใหญ่จะเกลียดหนังเรื่องนี้มาก แต่เราจะชอบหนังเรื่องนี้มากพอสมควร เพราะเนื้อหาของหนังมันเกี่ยวกับผู้ชายคนนึงที่พยายามจะย้อนความทรงจำกลับไปยังช่วงที่แฟนเก่าตาย เพราะเขารู้สึกผิดกับเหตุการณ์ในตอนนั้น เราชอบการที่ตัวพระเอกถูกหลอกหลอนด้วยความรู้สึกผิดอย่างรุนแรงกับเหตุการณ์ในอดีตในหนังเรื่องนี้

เราว่าปัจจัยหลักที่ทำให้เราชอบหนังเรื่องนี้ เป็นเพราะว่าตัวเราเองก็หมกมุ่นกับเหตุการณ์บางอย่างในอดีต และถูกหลอกหลอนด้วยความรู้สึกผิดอย่างรุนแรงมากๆเหมือนกัน และนั่นก็เลยเป็นเหตุผลที่ทำให้เราชอบหนังเกี่ยวกับ time travel หลายๆเรื่องด้วย เพราะถ้าหากการเดินทางข้ามเวลาสามารถทำได้จริง เราก็อยากย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตที่เราเคยทำผิดเหมือนกัน โดยเหตุการณ์ที่หลอกหลอนเราอย่างรุนแรงจนถึงปัจจุบันก็คือการที่เราเคยทำร้ายสัตว์และฆ่าสัตว์บางตัวด้วยความคึกคะนองตอนที่เรายังเป็นเด็กน่ะ โดยเหตุการณ์ที่ฝังใจเราก็คือ

1.เราเคยเอาน้ำส้มสายชูหยดใส่ตาลูกแมวตัวเล็กๆตัวนึงในบ้านเรา ตอนนั้นเราน่าจะอยู่ประถมต้นมั้ง อาจจะประมาณป.3 เราไม่รู้เหมือนกันว่าทำไปทำไม บางทีอาจจะมีความชั่วร้ายบางอย่างอยู่ในตัวเราในตอนนั้น เราจำรายละเอียดเหตุการณ์ในตอนนั้นไม่ได้แล้ว แต่ถ้าเราจำไม่ผิด ลูกแมวตัวนั้นมันคงจะแสบตาอย่างรุนแรงมาก เพราะมันพยายามเอาเท้าหน้าของมันป้ายตาป้อยๆ เราเองก็รู้สึกผิดในตอนนั้น และพยายามจะเอาน้ำเปล่ามาล้างตามัน แต่มันก็กลัวเราอย่างรุนแรงมาก มันก็เลยขัดขืนอย่างเต็มที่ไม่ให้เราเอาน้ำเปล่าไปล้างตามัน มันคงจะกลัวเราเอาน้ำส้มสายชูไปหยดใส่ตามันอีก และถ้าเราจำไม่ผิด แม่มันก็พยายามจะช่วยเลียตาให้มันด้วย

เราจำไม่ได้แล้วว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นอีกบ้าง จำไม่ได้ว่าลูกแมวตัวนั้นตาบอดหรือเปล่า หรือว่าแค่ขี้ตาเยอะอยู่พักนึง แต่ลูกแมวตัวนั้นไม่ได้มีชีวิตอยู่นานนัก เพราะที่บ้านเราตอนเด็กๆจะมีแมวเกิดเยอะมาก ครอกละหลายตัว แต่ทุกตัวจะอยู่ได้ไม่นาน แป๊บเดียวก็ตายไปเองตามธรรมชาติ มีแค่ไม่กี่ตัวที่อยู่จนโตขึ้นมาได้

อย่างไรก็ดี อันนี้เป็นเหตุการณ์ที่หลอกหลอนและทรมานใจเรามากที่สุด ภาพของลูกแมวตัวนั้นขณะเอาเท้าหน้าป้ายตาตัวเองป้อยๆมันยังคงหลอกหลอนเราอยู่จนถึงตอนนี้ สำหรับเราแล้ว เหตุการณ์นี้มันทำให้เราตกนรกทั้งเป็นไปจนวันตายจริงๆ

2.ตอนสักประมาณป. 5 เราไปเยี่ยมบ้านตากับยายที่อุบล เราจำได้ว่าเช้าวันนึงอากาศชื้น เหมือนฝนเพิ่งตกไปเมื่อคืนหรืออะไรทำนองนี้ และก็มีหอยทากหลายตัวคลานอยู่บนพื้นหญ้าหน้าบ้านเรา ในตอนนั้นไม่รู้ว่าผีห่าซาตานตัวไหนเข้ามาสิงสู่ดลใจเรา เราก็เลยจับหอยทากหลายตัว (จำไม่ได้แล้วว่ากี่ตัว อาจจะประมาณ 5 ตัว) ไปโยนลงบ่อน้ำหน้าบ้านเรา

3.หน้าต่างบ้านเก่าเราเป็นมุ้งลวด และชอบมีจิ้งจกมาเกาะอยู่ด้านนอก  ตอนเด็กๆมีอยู่ช่วงนึงที่พอเราเห็นจิ้งจกมาเกาะมุ้งลวด เราจะชอบเอามือไปตบมุ้งลวดตรงนั้น เพื่อให้จิ้งจกที่เกาะอยู่ด้านนอกมันตกลงไป แต่เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจิ้งจกพวกนั้นตกลงไปตายหรือเปล่า หรือว่าได้รับบาดเจ็บมากน้อยแค่ไหน แต่มันก็เป็นอีกเหตุการณ์นึงที่หลอกหลอนเราอย่างรุนแรง

เราอาจจะเคยทำร้าย+ฆ่าสัตว์เหล่านี้ตอนประมาณ 7-10 ขวบ แต่ตอนนี้ผ่านมา 30 กว่าปีแล้ว เราก็ยังคงถูกหลอกหลอนด้วยความรู้สึกผิดจากเหตุการณ์ในตอนนั้นอยู่ดี และมันเป็นความทุกข์ที่รุนแรงมาก เพราะคนเราย้อนเวลาไม่ได้ ไม่สามารถกลับไปแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตได้ เราก็เลยทรมานกับมันมากๆ

เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากฎแห่งกรรมมีจริงหรือเปล่า เพราะเราเองก็ไม่ได้นับถือศาสนาพุทธอย่างจริงๆจังๆ แต่เราเลือกจะเชื่อว่ามันมีจริงในแบบของเราเอง และบางทีเราก็นึกสงสัยเหมือนกันว่าที่เราเจ็บป่วยในบางครั้ง บางทีอาจจะเป็นเพราะกรรมชั่วที่เราเคยทำไว้ในตอนเด็กก็ได้ อย่างเช่น

1.สมัยก่อนเรามีอาการตามัวในบางครั้ง และเวลาไปหาหมอ หมอก็จะชอบให้เราหยอดยาขยายม่านตาเพื่อตรวจดูอาการ ซึ่งมันจะทำให้เราตามัวไปประมาณ 4 ชั่วโมง และเวลาเราถูกหยอดยาขยายม่านตา เราก็จะนึกถึงสิ่งที่เราเคยทำไว้กับลูกแมว

โชคดีที่อาการตามัวของเราทุกครั้งเกิดจาก “ตาแห้ง” และแก้ได้ด้วยการใช้ยาหยอดตา แต่หมอก็นัดเราตรวจต้อหินทุก 6 เดือน เพราะเราสายตาสั้นมาก เพราะฉะนั้นก็เลยมีความเสี่ยงต่อการเป็นต้อหิน

2.หลังจากเราจับหอยทากโยนลงบ่อน้ำตอนประมาณป. 5 พอเราขึ้นม.2 อยู่ดีๆเราก็ป่วยด้วยโรคหอบหืดอย่างรุนแรง ป่วยจนต้องเข้าไอซียูเลย และเราก็ป่วยด้วยโรคหอบหืดบ่อยมาก ในครั้งนึงมันทำให้เราอดเล่นละครเวที และในครั้งนึงมันก็ทำให้เราขาดสอบด้วย แต่ตอนนี้เราแทบไม่เป็นหอบหืดแล้ว แต่ป่วยเป็นโรคริดสีดวงจมูกแทน

ทั้งโรคหอบหืดและริดสีดวงจมูกทรมานเราในแบบที่คล้ายๆกัน นั่นก็คือมันทำให้เราหายใจไม่ออก หายใจด้วยความทุกข์ทรมาน และหลายๆครั้งมันทำให้เราต้องหายใจทางปาก เพราะเราหายใจด้วยจมูกไม่ได้ตอนที่ริดสีดวงจมูกกำเริบ

เราก็พยายามออกกำลังกายบ่อยๆนะ เราวิ่งบ่อยมากในฟิตเนส แต่ก็ดูเหมือนเราไม่สามารถรักษาโรคนี้ให้หายขาดได้อยู่ดี

เราไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นเรื่องของกฎแห่งกรรมที่เราเคยทำไว้กับหอยทากหรือเปล่า เพราะหอยทากพวกนั้นมันคงจมน้ำตายหมด และอาการที่เราเป็นตั้งแต่ปี 1986 จนถึงปัจจุบัน มันไม่ต่างอะไรกับอาการของคนที่จะจมน้ำตาย มันหายใจไม่ได้ หรือไม่ก็หายใจด้วยความทรมานมาก

แต่เราคิดว่าถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรามันเป็นเรื่องของกฎแห่งกรรมจริงๆ ก็คงดี เพราะมันเท่ากับว่าเราค่อยๆทยอยผ่อนชำระสิ่งที่เคยทำไว้กับหอยทากไปเรื่อยๆ

3.เราป่วยเป็นโรคหมอนรองกระดูกเคลื่อนตอนปี 2013 และบางทีเราก็สงสัยว่ามันเกี่ยวกับสิ่งที่เราเคยทำกับจิ้งจกหรือเปล่า

สรุปว่า เราไม่รู้หรอกว่ากฎแห่งกรรมมีจริงหรือไม่ หรือถึงมันมีจริง โรคตา, โรคริดสีดวงจมูก และโรคหมอนรองกระดูกเคลื่อนของเราก็อาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เราเคยทำในวัยเด็กก็ได้ ทุกอย่างอาจจะเป็นเพียงปัญหาสุขภาพที่ควรแก้ไขด้วยวิธีการทางการแพทย์เท่านั้น อย่างไรก็ดี เราเพียงแค่คิดว่า ถ้าหากกฎแห่งกรรมมีจริง และสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราเป็นการทยอยชดใช้กรรมที่เราเคยทำในวัยเด็ก มันก็คงจะดี เพราะมันจะได้ช่วยลดความทรมานในใจเราลงได้บ้าง

แต่ไม่ว่ากฎแห่งกรรมจะมีจริงหรือไม่ สิ่งที่มีจริงแน่นอนก็คือความทุกข์ทรมานในใจเราต่อสิ่งที่เราเคยทำในวัยเด็ก หลายๆครั้งเรามักจะจินตนาการว่า ถ้าหากเราเป็นลูกแมวตัวนั้น เราจะรู้สึกยังไง, ถ้าหากเราเป็นแม่แมวตัวนั้น เราจะรู้สึกยังไง และถ้าหากเราเป็นหอยทากเหล่านั้น เราจะรู้สึกยังไง เราจะรู้สึกยังไงถ้าหากเราเดินสูดอากาศสดชื่นในตอนเช้าอย่างมีความสุข แล้วอยู่ดีๆก็มีใครไม่รู้มาจับเราไปโยนลงบ่อน้ำ

สรุปว่าที่เขียนเรื่องนี้ขึ้นมาก็เพื่อจะระบายความทรมานในใจเรา และเพื่อจะบอกว่า เพราะเหตุใดเราถึงชอบหนังอย่าง ANAMNESIS น่ะแหละ เราชอบหนังเกี่ยวกับตัวละครที่ถูกหลอกหลอนจากความรู้สึกผิดอย่างรุนแรงแบบนี้ แต่มันก็ไม่ใช่ทุกเรื่องนะ เพราะหนังอย่าง THE LAZARUS EFFECT (A-/B+) ก็มีอะไรคล้ายๆแบบนี้เหมือนกัน แต่เราก็ไม่ได้ชอบหนังเรื่องนี้ เพราะเรารู้สึกว่า “ความรู้สึกผิดจากสิ่งที่ตัวเองทำในอดีต” ใน THE LAZARUS EFFECT มันเป็นเหมือนความรู้สึกเฟคๆที่ใส่เข้ามาตามสูตรสำเร็จของหนังทำนองนี้น่ะ มันไม่ได้เป็นความเจ็บปวดจริงๆ แต่ใน ANAMNESIS เรารู้สึกว่าตัวละครมันถูกหลอกหลอนด้วยอดีตจริงๆ


สรุปว่า กูกลัวกฎแห่งกรรมค่ะ จบ

No comments: