ANGEL FACE (2018, Vanessa Filho, France, A+30)
ดูแล้วนึกถึง THE FLORIDA PROJECT (2017, Sean Baker) มากๆ เพราะหนังทั้งสองเรื่องนี้พูดถึง "คุณแม่เหลือขอ" กับ "ลูกสาวตัวน้อย" เหมือนๆกัน แต่ THE FLORIDA PROJECT จะเจ็บปวดกว่า เพราะคุณแม่ใน THE FLORIDA PROJECT นิสัยเหี้ยกว่าเยอะ ส่วนลูกสาวใน THE FLORIDA PROJECT ก็อิทธิฤทธิ์สูงกว่า ในขณะที่คุณแม่ใน ANGEL FACE แค่ทิ้งลูกไว้ตามลำพัง ส่วนตัวลูกก็ไม่ได้สร้างความชิบหายมากเท่าไหร่
ชอบมากที่ตัวลูกสาวใน ANGEL FACE พยายามจะตีสนิทกับชายหนุ่มข้างบ้านให้ได้
KATYN (2007, Andrzej Wajda, Poland, A+30)
1.กราบ Andrzej Wajda จริงๆ เหมือนได้ดูหนังของเขามาแล้ว 8 เรื่อง และพบว่าเราชอบหนังของเขาอย่างสุดๆ ชอบที่เขาทำหนังการเมืองแบบทรงพลังมากๆ โดยไม่เร้าอารมณ์มากเกินไป
2.หนังเล่าเรื่องเร็วมากๆ ต้องตั้งสติให้ดีตอนดู 555 เราชอบที่หนังเหมือนเล่าถึงผลกระทบจากการสังหารหมู่/สงครามโลกผ่านตัวละครหญิงชาวโปแลนด์ที่มีสถานะแตกต่างกันไปหลายตัว ซึ่งรวมถึง
2.1 เมียนายทหารคนนึง ซึ่งตัวเมียรอดชีวิตมาได้ในช่วงแรกเพราะมีทหารฝ่ายโซเวียตแอบชอบเธออยู่
2.2 เมียนายทหารอีกคน ที่ถูกโซเวียตจับตัวไป
2.3 +2.4 เมียนายพลระดับสูง กับลูกสาว
2.5 สาวผมเปีย ที่น่าจะเคยเป็นนักรบใต้ดินต่อสู้กับนาซีในช่วง WWII แต่ปรากฏว่าเธอกลับถูกฝ่ายโซเวียตจับไปในช่วงหลังสงคราม เพราะเธอพยายามจะตั้งหินปักหลุมฝังศพให้กับ brother (ไม่แน่ใจว่าพี่ชายหรือน้องชาย) โดยระบุว่าเขาตายในปี 1941 ซึ่งเท่ากับเป็นการประกาศว่า โซเวียตโกหกประชาชนเรื่องการสังหารหมู่ (โซเวียตบอกว่า ทหารโปแลนด์จำนวนมากถูกนาซีฆ่าตายในปี 1943 แต่จริงๆแล้วทหารโปแลนด์จำนวนมากถูกโซเวียตฆ่าตายในปี 1941) ชอบที่หนังพยายามเปรียบเทียบตัวละครตัวนี้กับ Antigone
2.6 สาวหัวโล้นนักแสดงละครเวทีที่รอดชีวิตจากค่ายกักกันของนาซี
2.7 สาวที่ยอมก้มหัวให้โซเวียต เพื่อจะได้มีชีวิตรอดต่อไปได้ เธอเป็นคนที่คาดการณ์ล่วงหน้าได้อย่างถูกต้องว่า Poland will never be free
2.8 สาวใช้ของนายพล ที่กลายเป็น "ผู้มีฐานะ" ขึ้นมาในช่วงหลังสงครามโลก
3.ดูแล้วสงสารโปแลนด์มากๆ เพราะในขณะที่ประเทศในยุโรปหลายประเทศแค่ต้องตบกับนาซีใน WWII แต่โปแลนด์กลับถูกกดขี่/สังหารหมู่จากทั้งฝ่ายโซเวียตและนาซี
4.จำได้ว่าประเด็นเรื่องการสังหารหมู่นี้เคยถูกนำเสนอใน ENIGMA (2001, Michael Apted) ด้วย แต่ไม่ได้ลงลึกแบบใน KATYN
SHORT FILMS FROM IRELAND SEEN IN "GAZE ON TOUR" PROGRAM AT BANGKOK SCREENING ROOM
1.THE RED TREE (2018, Paul Rowley, documentary, A+30)
หนัง essay เกี่ยวกับยุคที่มุสโสลินีกับรัฐบาลฟาสต์ซิสต์ปกครองอิตาลีในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง โดยในยุคนั้นรัฐบาลฟาสซิสต์จับเกย์ไปขังรวมกันไว้ในเกาะแห่งหนึ่ง หนังถ่ายทอดเรื่องราวของนักโทษเกย์เหล่านี้ออกมาได้อย่างทรงพลังมากๆ visual ของหนังมันดีมากๆ ส่วนประเด็นของหนังดูแล้วนึกถึง FACING WINDOWS (2003, Ferzan Ozpetek) กับ ISOLA (2019, Aurelio Buchwalder, Switzerland, documentary, 70min)
2.WREN BOYS (2017, Harry Lighton, A+30)
พอดูหนังเรื่องนี้แล้วก็เลยจินตนาการว่า อยากให้มีคนเอา "2499 อันธพาลครองเมือง" มาดัดแปลงใหม่ให้เป็นหนังเกี่ยวกับกลุ่มแก๊งเกย์
3.JOHNNY (2018, Hugh Rodgers, documentary, A+30)
หนังสารคดีเกี่ยวกับเกย์ที่มาจากกลุ่มคนร่อนเร่ (น่าจะคล้ายๆกับชาวโรม่า)
4.THIRST (2017, Eoin Maher, 9min, A+30)
จริงๆแล้วหนังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เป็นเรื่องของเกย์ที่พูด monologue ตลอดทั้งเรื่องเกี่ยวกับการหาผัว แต่รู้สึกว่าประเด็นของหนังมันตรงใจเรา 555
5. BREAST FRIENDS (2018, Eleanor Rogers, A+20)
หนังเลสเบียนที่น่ารักดีเกี่ยวกับกลุ่มเด็กสาวนักกีฬาวิ่งผลัด แต่รู้สึกว่ายังสู้หนังของ Jirassaya Wongsutin ไม่ได้ 555
6.CAT CALLS (2017, Kate Dolan, A+5)
หนังเลสเบียนสยองขวัญ
Tuesday, October 29, 2019
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment