Tuesday, October 22, 2019

SELF-CENSORSHIP

SELF-CENSORSHIP (2018, Kevin H.J. Lee, Taiwan, documentary, A+30)

1.ชอบข้อมูลที่อัดแน่นในหนังเรื่องนี้มากๆ ดูแล้วเหมือนทำให้เข้าใจการประท้วงในฮ่องกงมากขึ้นด้วย ว่าทำไมชาวฮ่องกงหลายคนถึงโกรธแค้นรัฐบาลจีนขนาดนั้น

เหมือนเนื้อหาในหนังเรื่องนี้มันเยอะมากๆ จนเราตามเนื้อเรื่องไม่ทันในบางครั้ง และอาจจะจำได้ไม่ถึง 10% ของเนื้อหาทั้งหมดที่หนังนำเสนอ แต่แค่นี้ก็กราบหนังมากๆแล้ว

เรื่องราวที่ชอบมากในหนังเรื่องนี้ก็มีเช่น

1.1 ชาวไต้หวัน ที่อาศัยอยู่ในไต้หวัน และเคยเขียนด่ารัฐบาลจีน  (ขณะที่เขาอยู่ในไต้หวัน) แต่พอเขาเดินทางไปจีน เขาก็ถูกทางการจีนจับตัวไป

1.2 เรื่องที่ทางการจีนลักพาตัวกลุ่มเจ้าของร้านขายหนังสือในฮ่องกง

1.3 สิ่งที่เอ๋อตงเซินพูดในงานแจกรางวัลม้าทองคำ

1.4 ปัญหาของชาวไต้หวันเวลาไปถ่ายหนังในจีน

1.5 ดีเจหญิงชาวฮ่องกงที่ถูกทางการจีนกลั่นแกล้งจนถูกไล่ออกจากงาน

1.6 การที่ทางการจีนเข้าครอบงำหนังสือพิมพ์ในฮ่องกง

1.7 การเซ็นเซอร์หนังสือในฮ่องกง

1.8 การที่จีนเคยเปิดให้บริษัทไต้หวันหลายแห่งเข้าไปตั้งกิจการในจีนในทศวรรษ 1990 แต่พอบริษัทไหนรุ่งเรือง จีนก็จะหาทางเข้าฮุบบริษัทนั้นเป็นของตัวเอง

1.9 เรื่องของการประท้วง sunflower occupation ในไต้หวัน และ umbrella ในฮ่องกง ที่ช่วยสกัดกั้นอิทธิพลมืดจากจีน

1.10 เรื่องของหนัง TEN YEARS HONG KONG

2.แต่สิ่งที่กระทบเราเป็นการส่วนตัว โดยไม่เกี่ยวกับประเด็นหลักของหนัง คือการที่ subject คนหนึ่งในหนัง เป็นชายวัยราว 60 ปีที่ตาบอดสองข้าง เพราะอาการ "จอประสาทตาหลุดลอก"

คืออย่างที่เราเคยเขียนไปแล้วว่า เรามีอาการ "จอประสาทตาฉีกขาด" ในปีนี้น่ะ และมันฉีกขาดไป 4 จุดแล้ว หมอใช้ laser รักษาไปแล้ว

แต่สิ่งที่เรากังวลก็คือว่า สำหรับคนที่เป็นโรคนี้นั้น ถ้าหากจอประสาทตาฉีกขาดขึ้นมา แล้วไม่รู้ตัว ไปหาหมอไม่ทัน มันก็อาจจะเกิดอาการ "จอประสาทตาหลุดลอก" ตามมาได้

เพราะฉะนั้น หนึ่งในสิ่งที่เราหวาดกลัวที่สุดในชีวิต ก็คือ อาการจอประสาทตาหลุดลอกนี่แหละ เพราะฉะนั้น การได้ดูหนังเรื่องนี้ และเจอ subject ที่ตาบอดเพราะโรคนี้ มันก็เลยเป็นสิ่งที่กระทบใจเรามากๆเป็นการส่วนตัว

No comments: