Saturday, April 25, 2020

MY LIFE 30 YEARS AGO


บันทึกความทรงจำเมื่อ 30 ปีก่อน

รายงาน “อันดับเพลงเมื่อ 30 ปีก่อน” ของเรา จะกลับมาอีกทีในเดือนมิ.ย. 2020 นะ สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เป็นเพราะว่า ในช่วงปี 1990 นั้น เราไม่ได้ทำอันดับเพลงในช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค. และเรากลับมาทำอันดับเพลงอีกทีในเดือนมิ.ย.และก.ค. 1990

หลังจากเดือนก.ค. 1990 เราก็เหมือนไม่ได้ทำอันดับเพลงประจำสัปดาห์อีกระยะนึง เหมือนเรากลับมาทำอันดับเพลงอีกทีในเดือนก.ย. 1990 แต่ปรากฏว่าเราทำอันดับหาย เราหาอันดับที่เคยทำไว้ในเดือนก.ย.-ต้นธ.ค. 1990 ไม่เจอเลย มาเจออีกทีก็เป็นอันดับประจำสัปดาห์ 16 ธ.ค. 1990 แล้ว และหลังจากนั้นเราก็ทำอันดับเพลงอย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์จนถึงกลางปี 1994

สาเหตุที่เราไม่ได้ทำอันดับเพลงในช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค. 1990 เป็นเพราะว่า ช่วงนั้นเป็นช่วงสอบเอ็นทรานซ์ของเรา เราเรียนจบม.5 แล้ว และสอบเทียบมอหกได้ เราก็เลยต้องท่องหนังสือสอบในช่วงต้นเดือนเม.ย. หีแตกมากๆ จำได้ว่าสิ่งที่หนักที่สุดในชีวิตคือการสอบคณิตศาสตร์ตอนเอ็นทรานซ์ เหมือนข้อสอบมี 100 ข้อ แต่กูทำไปได้แค่ 30 ข้อก็หมดเวลาแล้ว อีก 70 ข้อกูกามั่วหมด หนักมากๆ แล้วพอสอบเสร็จก็ได้ยินเพื่อนคนนึงบอกว่าสอบเลขสนุกสุดๆ (คนนี้เอ็นท์ติดสถาปัตย์) ส่วนอีกคนบอกว่าสอบเลขง่ายมากๆ (คนนี้เอ็นท์ติดแพทย์)  เราก็เลยอิจฉาพวกเขามาก ๆ หลังจากนั้นเราก็เอ็นท์ติดคณะบัญชี ต้องวุ่นวายกับการเตรียมตัวเข้ามหาลัย เราก็เลยไม่ได้ทำอันดับเพลงเลยในช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค. 1990

แล้วพอเราเริ่มเข้าไปเรียนในคณะบัญชี  (เราเลือก บัญชี-บัญชี) เราก็มีปัญหากับการซ้อมเชียร์ เราไม่ชอบอะไรแบบนี้ เราก็เลยไปซ้อมเชียร์แค่ 3 วันแรก แล้วก็ไม่ไปซ้อมเชียร์อีกเลย เราก็เลยไม่ได้เข้ากลุ่มที่เขาจัดไว้ให้ ไม่มีเพื่อนในคณะ (ยกเว้นเพื่อนผู้ชายคนนึง ชื่อ ปืน) เราปรับตัวให้เข้ากับชีวิตในมหาลัยไม่ได้ เหมือนเจอมรสุมชีวิต เราเรียนวิชาเศรษฐศาสตร์จุลภาค ทำข้อสอบที่มีคะแนนเต็ม 25 คะแนน ปรากฏว่าเราได้แค่ 2.5 คะแนน!!!! อะไรต่างๆเหล่านี้ก็เลยส่งผลให้เราไม่ได้ทำอันดับเพลงอย่างต่อเนื่องในปี 1990 แล้วพอเราเรียนจบปี 1 ด้วยเกรด 3.3 เราก็เลยเอ็นท์ใหม่ เข้าคณะอักษร จุฬา และทำอันดับเพลงอย่างต่อเนื่องในช่วงที่เรียนอยู่อักษร ยกเว้นในช่วงเทอมสุดท้ายในปี 1994 (เราเรียนจบใน 3 ปีครึ่ง เทอมสุดท้ายของเราคือเทอมต้นในเดือนมิ.ย.-ก.ย. 1994) ที่เราเรียนหนักมาก เราก็เลยทำอันดับเพลงครั้งสุดท้ายในชีวิตในช่วงปลายเดือนมิ.ย. 1994 แล้วก็ไม่มีเวลาทำอันดับเพลงอีกต่อไป เราต้องตั้งใจเรียนหนังสือในเทอมสุดท้าย แล้วเราก็ไม่ได้หวนกลับมาทำอันดับเพลงอีกเลย

พอในช่วงนี้เราได้มาย้อนฟังเพลงต่างๆที่เคยติดอันดับของเราในปี 1990 มันก็เลยทำให้เราได้รำลึกถึงความทรงจำอันแสนสุขในช่วงนั้น เราก็เลยขอบันทึกมันไว้ด้วยแล้วกัน ถือเป็น diary ที่เขียนขึ้นหลังจากเวลาผ่านมา 30 ปีแล้ว

1.ช่วงเวลาที่ “สนุก” ที่สุดในชีวิตของเรา คงเป็นปี 1989 ปีสุดท้ายในชีวิตมัธยมของเรา

2.หนึ่งในช่วงที่มีความสุขที่สุดในชีวิต คือเดือนมี.ค. 1990 หรือหนึ่งเดือนก่อนสอบเอ็นท์ เพราะตอนนั้นเราเพิ่งเรียนจบม. 5 เราก็เลยไม่ซีเรียสกับการเอ็นท์ เรามองว่า เราเอ็นท์ติดก็ได้ ไม่ติดก็ได้ ถ้าเอ็นท์ไม่ติด เราก็แค่เรียนม.6 ต่อ

ตอนนั้นเรามาเรียนพิเศษที่ทางโรงเรียนจัดไว้ให้ แล้วพอมันเป็นการ “เรียนพิเศษ” มันก็เลยไม่มีกฎเกณฑ์ เราจะเข้าเรียนก็ได้ ไม่เข้าเรียนก็ได้ เพราะฉะนั้นการมาเรียนพิเศษในเดือนมี.ค. 1990 มันก็เลยกลายเป็นการมาเมาท์กับเพื่อนๆที่โรงเรียน, คุยกันเรื่องวิดีโอคอนเสิร์ต AKINA EAST LIVE ที่ซื้อมาจากร้านลูกแมว, มานั่งเล่นไพ่ UNO กัน และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการมา dance กันที่โรงยิม โดยตอนนั้นพวกเราเน้นเต้นเพลงของ Janet Jackson เป็นหลัก พวกเพลง RHYTHM NATION, ESCAPADE และเหมือนมีการเต้นเพลงของ Karyn White ด้วย ถ้าจำไม่ผิด

เพราะฉะนั้น ช่วงเวลา 1 เดือนก่อนสอบเอ็นท์ เลยกลายเป็นหนึ่งในช่วงที่เรามีความสุขที่สุดในชีวิต เพราะเราได้มาเจอเพื่อนๆที่โรงเรียนทุกวันจันทร์-ศุกร์ แต่เราไม่ต้องเข้าห้องเรียน เราไป dance กันกระจายที่โรงยิมแทน

แต่พอเข้าเดือนเม.ย. ทุกคนก็ต้องแยกย้ายกันไปสอบเอ็นท์ เราก็เลยไปเครียดช่วงต้นเดือนเม.ย.แทน

3.หลังสอบเอ็นท์เสร็จในช่วงกลางเดือนเม.ย. เราก็นัดกลุ่มเพื่อนสนิทมา dance กันที่โรงยิมเป็นครั้งคราว จำได้ว่า หนึ่งในเพลงที่ dance กันแล้วมีความสุขสุดๆในช่วงนั้น คือเพลง GIRL TO GIRL ของวง 49ERS เพลงนี้ก็เลยเหมือนกลายเป็นหมุดหมายความทรงจำของเราสำหรับเดือนเม.ย.-พ.ค. 1990

4.อีกเหตุการณ์ที่เราจำได้ดีในช่วงนั้น ก็คือการ “ดังระเบิดอย่างไม่คาดคิด” ของหนังเรื่อง A ROOM WITH A VIEW (1985, James Ivory, UK) ที่มาลงโรงฉายที่โรงหนังในสยามเซ็นเตอร์ในช่วงนั้น ไม่แน่ใจว่าเดือนไหน แต่น่าจะอยู่ในช่วงเดือนมี.ค.-พ.ค. 1990 นี่แหละ

หนังเรื่องนี้ฮือฮาในหมู่พวกเราเป็นอย่างมาก เพราะมันมีฉากโชว์จู๋ในหนัง รู้สึกว่าจะเป็นของ Julian Sands กับ Rupert Graves รู้สึกว่าเพื่อนเราคนนึงจะไปดูหนังเรื่องนี้ไม่ต่ำกว่า 3 รอบ

5.การที่เราเอ็นท์ติดคณะบัญชี แล้วลาออกในเวลาต่อมา มันกลายเป็นปมอย่างนึงในใจเราจนถึงบัดนี้ เพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เรารู้สึกว่าเราไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต เราก็เลยชอบจินตนาการหลายครั้งหลายหนว่า ถ้าหากเราย้อนกลับไปเมื่อ 30 ปีก่อน แล้วเราซ้อมเชียร์ต่อ ทำตัวให้เข้ากับคนในคณะ แล้วเรียนบัญชีต่อจนจบ 4 ปี ตอนนี้เราจะกลายเป็นคนรวยไปแล้วหรือเปล่านะ 55555 หรือเราอาจจะฆ่าตัวตายไปนานแล้วก็ได้

แต่ถึงเราย้อนเวลากลับไปได้จริง เราก็คงเลือกเอ็นท์ใหม่เข้าอักษรในช่วงต้นปี 1991 อยู่ดี เราคิดว่าถ้าหากเราย้อนเวลากลับไปได้ เราก็อาจจะลองซ้อมเชียร์ต่อ ผูกมิตรกับคนในคณะบัญชี ตั้งใจเรียนวิชาต่างๆในคณะบัญชีให้มากๆ เพราะเราพบว่า ความรู้ที่เราเคยเรียนมาในช่วง 1 ปีในคณะบัญชี มันกลับกลายเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อเรามากๆในเวลาต่อมา เพราะพอเราเรียนจบอักษร เราก็ออกมาทำงานแปลข่าวการเงิน ซึ่งต้องใช้ความรู้ทั้งด้านภาษา (อักษร) และการเงินการคลัง (บัญชี) เราก็เลยรู้สึกว่า การที่เราเคยเรียนบัญชีมา 1 ปี มันไม่ใช่การเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์แต่อย่างใด มันเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากๆ  แต่เราก็คงกลับมาเอ็นท์อักษรใหม่ในปี 1991 อยู่ดีน่ะแหละ เพราะเรารู้สึกว่าช่วงเวลาที่เราเรียนอักษรเรามีความสุขสุดๆ มันเป็น 3 ปีครึ่งที่เรา happy อย่างรุนแรงมากๆ และเราไม่อยากจะสูญเสียช่วงเวลา 3 ปีครึ่งนี้ไป

6.เสียดายเหมือนกันที่พอเราเอ็นท์ติดอักษร เราก็เลยไม่ได้ keep contact กับเพื่อนที่ชื่อ ปืน อีกเลย

7.อย่างไรก็ดี ไม่มีใครสามารถย้อนเวลากลับไปได้ สิ่งที่เราทำได้ ก็มีแต่เพียงฟังเพลงเก่าๆเมื่อ 30 ปีก่อนนี่แหละ เพื่อรำลึกถึงความทรงจำสำหรับหนึ่งในช่วงเวลาที่ดีที่สุดของชีวิต โดยเฉพาะช่วง 1 เดือนก่อนสอบเอ็นท์ในปี 1990 ซึ่งถือเป็นหนึ่งในช่วงที่ชีวิตเราสบายที่สุด เราไม่จำเป็นต้องเรียนหนังสือ แต่ได้ออกมา dance กับเพื่อนๆเกือบทุกวัน

จริงๆแล้วเรา work from home มาตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค.แล้วนะ แต่เราแทบไม่มีเวลาดูหนัง online เหมือนเพื่อนๆ cinephiles คนอื่นๆเลย เพราะเรามัวแต่เสียเวลาไปกับการนั่งฟังเพลงเก่าๆ นั่งรำลึกถึงคืนวันเก่าๆนี่แหละ 55555


No comments: