Thursday, December 16, 2021

YUNI (2021, Kamila Andini, Indonesia, A+30)

 

YUNI (2021, Kamila Andini, Indonesia, A+30)

 

1. ดีงามมาก ๆ ชอบการที่หนังสามารถสะท้อนปัญหาของผู้หญิงวัยรุ่นในสังคมอินโดนีเซียออกมาได้เยอะมาก ทั้งการตรวจพรหมจารี, การไม่ได้เรียนต่อ การถูกกดดันให้แต่งงานตั้งแต่ในวัยเรียน, การไม่ได้รับเสรีภาพในการมี sex กับแฟน, etc.

 

2.ตัวละครนางเอกดีมาก  ชอบตัวละครคุณครูหญิงและสาวช่างทำผมด้วยเช่นกัน

 

3.เหมาะฉายควบกับ THE CIRCLE (2000, Jafar Panahi, Iran) และ SANDSTORM (2021, Seemab Gul, Pakistan) มาก ๆ เพราะหนังทั้งสามเรื่องนี้สะท้อนชีวิตผู้หญิงวัยรุ่นที่ถูกกดทับจากสังคมได้อย่างน่าประทับใจพอ ๆ กัน

 

4.THE SEEN AND UNSEEN (2017, Kamila Andini) เคยติดอันดับ 79 ในลิสท์หนังสุดโปรดของเราประจำปี 2018 ด้วยนะ แต่เราชอบ YUNI มากกว่า THE SEEN AND UNSEEN

 

ONE SECOND (2020, Zhang Yimou, China, A+30)

 

1.จริง ๆ แล้วรำคาญตัวละครนำทั้งพระเอกนางเอกของหนังมากพอสมควร แต่เราทำใจได้ว่าหนังจีนกับหนังอิตาลีหลาย ๆ เรื่อง มันมักจะมี “ความเมโลดราม่า สาดเสียเทเสียทางอารมณ์ที่ล้นเกิน” แบบนี้ แม้แต่หนังอย่าง ROCCO AND HIS BROTHERS (1960, Luchino Visconti, Italy) ก็มีความสาดเสียเทเสียทางอารมณ์แบบนี้เหมือนกัน 5555 เราก็เลยพอจะมองข้ามจุดที่เราไม่ชอบจุดนี้ไปได้

 

2.ยังดีที่หนังมีจุดที่เราชอบสุด ๆ ซึ่งก็คือความเป็น “หนังกระบวนการ” ของมัน ซึ่งก็คือกระบวนการเร่ฉายฟิล์มในยุคก่อน การขนส่งฟิล์ม, การทำความสะอาดฟิล์ม, การทำลูปฟิล์ม, etc. ชอบมากๆ ที่หนังนำเสนอเรื่องแบบนี้ออกมา

 

3.ชอบที่หนังเรื่องนี้ให้ความสำคัญกับ “หนังข่าว” ด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากในยุคก่อนที่โทรทัศน์จะแพร่หลาย เราเองก็เกิดไม่ทันยุคของ “หนังข่าว” แต่จำได้ว่าตอนที่เราเคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับ “หนังเยอรมันยุคนาซี” บาง chapter ในหนังสือเล่มนั้นก็เน้นพูดถึง “หนังข่าว” โดยเฉพาะ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า “หนังข่าว” มันเคยมีความสำคัญอย่างสุด ๆ ในบางประเทศในยุคก่อน แต่เหมือนเราแทบไม่เคยได้เห็นหนังเรื่องไหนหยิบประเด็นนี้มาพูดถึง

 

4.เหมาะฉายควบกับภาพยนตร์เรื่อง “ยาพิษ 5: FILM RUNNER” (2012, Eakarach Monwat) อย่างสุด ๆ เพราะหนังไทยเรื่องนี้เป็นหนังสารคดีที่สัมภาษณ์คนวิ่งหนังในไทย หรือคนที่คอยวิ่งรอกขนส่งฟิล์มระหว่างโรงหนังต่าง ๆ ซึ่งเป็นอาชีพที่สูญหายไปพร้อมกับการฉายหนังด้วยฟิล์มในไทย เราก็เลยคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีงามมาก ๆ ที่หนังเรื่อง “ยาพิษ 5: FILM RUNNER” ได้เคยบันทึกเรื่องราวของผู้ที่ประกอบอาชีพนี้เอาไว้

 

 

No comments: