Friday, May 01, 2020

BLUESTONE (2017, Tanatchai Bandasak, 7min)

FIVE FAVORITE FILMS
ล็อตนี้จะพยายามเลือกหนังที่แทบไม่มีมนุษย์ปรากฏตัวอยู่ในหนัง โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนังเรื่อง HOUSEFILM (1975, Klaus Wyborny, West Germany) ที่เราเพิ่งได้ดูทาง VIMEO

DAY 3
THE XFREE (2000, Wasant Samrong วสันต์ สำโรง, 5min)
หนังทดลองที่โฟกัสไปที่ประติมากรรมนูนสูงตรงฐานของอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เราจำได้ว่าผู้ชมทั้งโรงหนังหัวเราะหนักมากตอนที่กล้องโฟกัสไปที่ “ความนูนสูง” ของเป้ากางเกงของรูปปั้นชายหนุ่มคนหนึ่ง

เราได้ดูหนังเรื่องนี้ตอนมันมาฉายที่สมาคมฝรั่งเศส ถนนสาทรใต้ บางทีหนังเรื่องนี้อาจจะเหมาะฉายควบกับ THE SO-CALLED CARYATIDS (1984, Agnès Varda, France, documentary) และ BRUTALITY IN STONE (1961, Alexander Kluge, Peter Schamoni, West Germany, documentary) ที่เน้นสำรวจประติมากรรมและสถาปัตยกรรมเหมือนกัน
น่าเสียดายที่เราหารูปจากหนังเรื่อง THE XFREE ไม่ได้แล้ว ก็เลยเอารูปจากสูจิบัตรเทศกาลหนังนักเรียนครั้งที่ 4 มาลงไว้แทน

FIVE FAVORITE FILMS
ล็อตนี้จะพยายามเลือกหนังที่แทบไม่มีมนุษย์ปรากฏตัวอยู่ในหนัง โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนังเรื่อง HOUSEFILM (1975, Klaus Wyborny, West Germany) ที่เราเพิ่งได้ดูทาง VIMEO

DAY 4

BLUESTONE (2017, Tanatchai Bandasak, 7min)

หนังจับภาพก้อนหินก้อนหนึ่งกลางป่าในยามโพล้เพล้ ขณะที่แสงอาทิตย์กำลังจะลาลับไป ก้อนหินก้อนนี้ดูเหมือนก้อนหินธรรมดา แต่พอความมืดเข้ามาปกคลุมพื้นที่นั้น ก้อนหินก้อนนี้ก็ดูเหมือนจะเปล่งประกายแสงสีฟ้าเรื่อเรืองขึ้นมา

ดูแล้วไม่รู้หรอกว่าวิดีโอนี้ต้องการจะสื่ออะไร แต่มันดูมีมนต์สะกดมากๆ และมันทำให้เรานึกถึงเรื่องที่ว่า คนบางคนอาจจะดูเป็นคนธรรมดาทั่วๆไป แต่เมื่อเกิดภาวะวิกฤติ สังคมเข้าสู่ภาวะหีแตก คนบางคนก็อาจจะลุกขึ้นมาช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ หรือลุกขึ้นสู้กับความอยุติธรรมในสังคมก็เป็นได้ ซึ่งก็อาจจะเหมือนกับในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง คนอย่าง Sophie Scholl อาจจะเป็นนักศึกษาสาวธรรมดาถ้าหากโลกอยู่ในภาวะปกติ แต่พอเผด็จการนาซีเข้าปกครองประเทศ Sophie Scholl กับกลุ่มกุหลาบขาวของเธอก็เลยต้องลุกขึ้นสู้ มันเหมือนกับว่าในบางครั้ง “ความมืด” หรือ “ภาวะวิกฤติ” มันกลายเป็นบททดสอบแสงสว่างที่ซ่อนอยู่ภายในตัวมนุษย์แต่ละคน

No comments: