A PERFECT PLACE 07042022 (RAIN) (2022, Nipan Oranniwesna, video
installation, 19min, A+30)
เหมือนวิดีโอนี้จะแบ่งออกได้เป็น 5 ช่วงมั้ง ช่วงแรกเห็นเหล็กดัด,
ฝนที่ตกอยู่ข้างนอก, หมู่ตึกด้านนอกที่เห็นลาง ๆ
โดยมีการเลื่อนบานกระจกจากขวาไปซ้าย, ช่วงที่สองเห็นต้นไม้ใบหญ้ากลางฝนตก,
ช่วงที่สามเหมือนภาพเริ่ม close up มากขึ้น
เห็นต้นไม้ใบหญ้าใกล้ขึ้น และมีการ superimposition ภาพต้นไม้ใบหญ้าเหล่านี้ด้วย,
ช่วงที่ 4 เหมือนเป็นภาพต้นไม้ใบหญ้าที่ close up มากกว่าช่วงสอง
และช่วงที่ 5 ก็จบลงด้วยภาพเหล็กดัดคล้ายช่วงแรก
โดยมีการเลื่อนบานกระจกจากซ้ายไปขวา
จริง ๆ ดูแล้วแอบนึกถึงโครงสร้างภาพยนตร์โดยทั่วไป ช่วงที่ 1 เหมือน prologue ช่วงที่สองเหมือนเข้าเนื้อเรื่อง
แล้วเนื้อเรื่องก็ทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อมีการ superimposition ภาพในช่วง 3 และต่อเนื่องไปจนถึงช่วง 4 ส่วนช่วงที่ 5 ก็เป็น epilogue
ชอบที่วิดีโอนี้ทำให้เราเพลิดเพลินกับจังหวะความหนักเบาของฝนที่เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้
โดยที่ตัววิดีโออาจจะไม่ได้ตั้งใจ คือเหมือนบางช่วงฝนมันก็ตกหนักรุนแรงมาก
แต่บางช่วงฝนมันก็ซาลง เราก็นึกว่าฝนจะซาลงเรื่อย ๆ แต่เดี๋ยวมันก็ตกหนักมากอีก
แอบนึกถึงประสบการณ์ของตัวเองที่เคยจะออกจากบ้านไปดูหนังตอนฝนซา
เพราะนึกว่ามันจะซาลงเรื่อย ๆ ปรากฏว่าเสือกตกหนักมากขึ้นมาอีกในระหว่างการเดินทาง
เราก็เลยซวยหนักไปเลย 555555
พอเราได้มาดูความหนักเบาอันเอาแน่เอานอนไม่ได้ของฝนในรูปแบบของวิดีโอ
ก็รู้สึกว่ามันสวยงามดี เหมือนเป็นความงดงามอย่างนึงของธรรมชาติจริง ๆ
A PERFECT PLACE 09022021 (HUMP) (2022, Nipan Oranniwesna, video
installation, 29min, A+30)
1.ชอบแบบสุดขีดคลั่ง งดงามที่สุด นึกว่าต้องฉายควบกับภาพยนตร์ของ James Benning เหมือนวิดีโอนี้จะแบ่งออกได้เป็น
3 ส่วนใหญ่ ๆ มั้ง โดยส่วนแรกเป็นการถ่ายดอยผา (เขาเรียกกันว่าอย่างนี้หรือเปล่า)
จากระยะไกลมาก ดูแล้วรู้สึกเหมือนเป็นภาพวาดจิตรกรรมที่งดงามมาก ๆ
อาจจะดูแล้วทำให้แอบนึกถึงภาพวาดของ J.M.W. Turner หรือ Caspar
David Friedrich อะไรทำนองนั้นมั้ง แต่อันนี้ไม่ใช่ paintings
แต่เป็นภาพเคลื่อนไหว
โดยในช่วงแรกนี้เราแอบโฟกัสไปที่ต้นไม้ที่สั่นไหวไปมาตามแรงลม และรถที่แล่นไปแล่นมาตามท้องถนนด้วย
เพื่อให้แน่ใจว่าภาพมันเคลื่อนไหวอยู่จริง ๆ ไม่ใช่ภาพนิ่ง 55555
ช่วงแรกนี้เราพยายามมองไปที่จุดเล็ก ๆ น้อยๆ ต่าง ๆ ในภาพด้วย
เพราะพอมันเป็นภาพจากระยะไกลสุดขีด
มันเลยเหมือนเห็นอาณาบริเวณได้หลายตารางกิโลเมตรมาก ๆ ในภาพนี้
เห็นทั้งบ้านเรือนผู้คน, ท้องถนน, นกบินไปมา และป่าเขาลำเนาไพรต่าง ๆ
ในเวลาเดียวกัน
2.ช่วงที่สองเป็นการถ่ายดอยผาในระยะใกล้มากขึ้น
ดูแล้วก็แอบนึกถึงว่าดอยผาอะไรพวกนี้ เหมือนเป็นงานประติมากรรมที่สร้างโดยธรรมชาติ
คือเหมือนธรรมชาติสร้างทั้งงานจิตรกรรม (ภาพวิวทิวทัศน์ที่สวยงามราว paintings) และประติมากรรมเหล่านี้ขึ้นมา
แต่ที่ดูแล้วหวีดสุดขีดคือการเคลื่อนไหวของแสงและเงาที่เกิดจากแสงตะวันและก้อนเมฆในช่วงที่สอง
เราแอบแบ่ง movements ของแสงและเงาในช่วงที่สองนี้ออกเป็น 4
movements ด้วยกัน
2.1 movement แรกคือเงาที่พาดทับด้านซ้ายของดอยผา แล้วค่อย
ๆ เคลื่อนขยายเข้าครอบคลุมดอยผาทั้งหมด
2.2 movement ที่สองคือแสงสว่างที่ปรากฏขึ้นกลางดอยผา
แล้วเหมือนแสงสว่างนั้นก็ค่อย ๆ ขยายออกครอบคลุมดอยผาทั้งหมด
2.3 movement ที่สามเหมือนแสงและเงาบนดอยผามันปึ้บไปปึ้บมาตลอดเวลา
เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้
2.4 movement ที่สี่
เหมือนเราเห็นเงาดำครอบคลุมด้านล่างซ้ายของดอยผา และค่อย ๆ แผ่ขยายขึ้นเรื่อย ๆ
คือดูวิดีโอนี้แล้วหวีดสุดขีดมาก ๆ
เพราะมันเหมือนเป็นสิ่งธรรมดาสามัญตามธรรมชาติ
แต่เราไม่เคยสังเกตเห็นความงดงามอันสุดจะบรรยายไม่ได้แบบนี้มาก่อน
ดูแล้วกราบตีนของจริง
3.ช่วงที่ 3 ของหนังเป็นการถ่ายดอยผาจากระยะไกลคล้ายช่วงแรกของหนัง
แต่จุดศูนย์กลางของภาพเปลี่ยนไป คือแทนที่ดอยผาจะเป็นจุดศูนย์กลางเหมือนในช่วงแรก
แต่เหมือนในส่วนที่สามนี้ โฟกัสของภาพเลื่อนไปทางซ้ายมากขึ้น
ตัวถนนเลยเหมือนกลายเป็นจุดศูนย์กลางของภาพแทน
ช่วงที่ 3 นี้ เหมือนลมจะนิ่งกว่าในช่วงแรก
เราเลยไม่ค่อยเห็นกิ่งไม้สั่นไหวเหมือนในช่วงแรก แต่สิ่งที่บ่งชี้ว่า
ภาพที่เราดูไม่ใช่ภาพนิ่ง ก็คือความเคลื่อนไหวของ “เงา” บนพื้นโลก
และความเคลื่อนไหวของก้อนเมฆบนท้องฟ้า ที่เหมือนกินพื้นที่เกือบครึ่งหนึ่งของภาพ
จริง ๆ แล้วเราชอบมองก้อนเมฆมาก ๆ เพราะรูปทรงของมันขยุกขยุย ดู freestyle ดี
ไม่ใช่รูปทรงเรขาคณิต พอเราได้เห็นก้อนเมฆเต็ม ๆ ตาแบบนี้ก็เลยรู้สึกว่ามันสวยดี
แต่สิ่งที่ชอบมากกว่าก้อนเมฆในวิดีโอนี้ (ซึ่งจริง ๆ
แล้วสังเกตยากหน่อยนึงว่ามันเคลื่อนไหวหรือเปล่า) ก็คือความเคลื่อนไหวของ
“รูปเงาบนพรมหญ้า” ในวิดีโอนี้แหละ เพราะมันดู freestyle ดีเหมือนกัน
ชอบความเคลื่อนไหวของรูปเงาต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ ตลอดเวลาในส่วนนี้ของวิดีโอมาก
ๆ งดงามสุดขีดมาก ๆ
เราเดาว่าความเคลื่อนไหวของรูปเงาพวกนี้มันเกิดจากความเคลื่อนไหวของก้อนเมฆนี่แหละมั้ง
และพอก้อนเมฆมันมีรูปทรงที่ไม่แน่ไม่นอน
และเคลื่อนไหวไปมาอย่างไม่แน่ไม่นอนตามแรงลม รูปเงาบนพรมหญ้าที่เกิดจากก้อนเมฆ
ก็เลยเคลื่อนไหวไปมาอย่างไม่แน่ไม่นอนตามไปด้วย
สรุปว่าชอบวิดีโอนี้อย่างสุดขีดที่สุด ดูแล้วเกิดความรู้สึกอัศจรรย์ใจมาก
ๆ
4.แอบสงสัยว่า วิดีโอนี้ถ่ายที่ภาคเหนือของไทยหรือเปล่า
เพราะตัวดอยผาในวิดีโอนี้คล้าย ๆ กับดอยผาที่ปรากฏในภาพยนตร์เรื่อง STORIES
FROM THE NORTH (2006, Uruphong Raksasad)
คือดูแล้วก็เลยเกิดจินตนาการ merge หนังสองเรื่องนี้เข้าด้วยกัน
555555 เพราะมันให้ความรู้สึกราว ๆ กับว่า ถ้าหากมันเป็นดอยผาเดียวกัน
ภาพที่เราเห็นในช่วงแรกหรือช่วงที่สามของวิดีโอนี้ ก็อาจจะคล้าย ๆ กับเป็นแผนที่ google
map แบบภาพกว้างที่ตัวภาพเองก็มีชีวิตของมันเอง
เคลื่อนไหวไปมาตลอดเวลา แล้วมันก็มีจุดเล็ก ๆ ให้เราจิ้ม 10 จุดในภาพนี้
ซึ่งถ้าหากเราเอานิ้วไปจิ้มที่จุดเล็ก ๆ แต่ละจุดในภาพกว้าง
เราก็จะได้เห็นภาพชีวิตของผู้คนในจุดเล็ก ๆ แต่ละจุดนั้น
ซึ่งก็คือภาพยนตร์สั้นแต่ละเรื่องจากทั้งหมดราว 10 เรื่องใน STORIES FROM
THE NORTH นั่นเอง 55555
No comments:
Post a Comment