สรุปภาพยนตร์ที่ได้ดูในวันที่ 28-29 ก.ค. 2022
1. MENTAL VERSE 2: WE DO CRY (2022, Wattanapume Laisuwanchai, documentary, A+30)
หนักหน่วงสุด ๆ หนังฉายที่ RIVER CITY ต้องจองตั๋วฟรีล่วงหน้านะ
2.LEIO โคตรแย้ยักษ์ (2022, Chalit Kraileadmongkol , Chitpol Ruanggun, A+25)
ถ้าไม่มีฉากพูดปลุกกำลังใจช่วงเข้าองก์สาม หรือตัวละครไม่ต้องมาพูดกันเรื่องสิ่งที่ควรทำ-ไม่ควรทำในเชิงจริยธรรม แล้วหนังให้ตัวละครเน้นเอาตัวรอดอย่างเดียว เราอาจจะชอบหนังมากขึ้นเยอะ 5555 คือเหมือนเรามีปัญหากับความพยายามจะสั่งสอนคนดูอะไรทำนองนี้
3.SOUND OF THE SOUL (2022, Supachai Ketkarunkul, Hear & Found, DuckUnit, video installation, A+25)
หนึ่งในสิ่งที่ประทับใจที่สุด คือเรื่องเล่าเกี่ยวกับ "ไม้แม่บ้าน" เพราะเป็นไม้มีหนามแหลมคมที่เมียตัดเอาไปใช้เป็นอาวุธไว้ฟาดหัวผัว รุนแรงมาก
4.DELICIEUX (2021, Eric Besnard, France, A+25)
5. LOVE DESTINY THE MOVIE บุพเพสันนิวาส 2 (2022, Adisorn Tresirikasem, A+15)
รักไอซ์ พาริสในหนังเรื่องนี้มาก ๆ ค่ะ
ภาคสามขอย้อนเวลาไปเจอกบฏผีบุญในภาคอีสานบ้างนะคะ
รูปของนักแสดงใน LEIO
---
SELF-PORTRAIT IN HELL (2021, Federica Foglia, Canada, 4min, A+30)
หนึ่งในหนังที่ชอบที่สุดในปีนี้ ไม่รู้ทำไมอะไรแบบนี้ถึงถูกโฉลกกับเราอย่างรุนแรง เหมือน ภาพ+เสียง+การเคลื่อนไหวแบบนี้คือสิ่งที่ทำให้เรารู้สึก ecstatic อย่างรุนแรง โดยไม่มีคำอธิบายอะไรทั้งสิ้น
ถ้าเข้าใจไม่ผิด มันเป็นฟิล์มหนังเก่าที่บันทึกภาพผู้หญิงคนนึงเต้นรำ แล้วผู้กำกับก็เอาฟิล์มไปฝังดินหรืออะไรทำนองนี้ เพื่อให้เกิดปฏิกิริยาเคมีต่อฟิล์มที่ไม่สามารถออกแบบล่วงหน้าหรือควบคุมกะเกณฑ์อะไรได้ แล้วก็เอาฟิล์มที่ถูกแปรสภาพแล้วนี้มาระบายสี
เหมือนวิธีการสร้างหนังทดลองแบบนี้เป็นวิธีเก่า ๆ ที่ทำกันมานานหลายสิบปีแล้ว แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาในคราวนี้มันสวยจนเราแทบไม่อยากกะพริบตาเลยแม้แต่ครั้งเดียว มันตะลึงลานสคราญใจมาก ๆ
นึกว่าต้องฉายปะทะกับ PAMELA, POUR TOUJOURS (2005, Alain Bourges) ซึ่งถือเป็น one of my most favorite films of all time
---
LIGHT LEAK (2021, Nate Dorr, USA, 8min, A+25)
---
EVERYTHING WE KNOW ABOUT YOU (2021, Roland Denning, UK, 7min, A+20)
หนังทดลองที่พูดถึงการที่บริษัทต่าง ๆ แอบเก็บข้อมูลส่วนตัวของเราจากระบบออนไลน์ไปเรื่อย ๆ เหมือนเป็นหนังทดลองที่มีประเด็นชัดเจนเข้าใจง่ายที่สุดเรื่องนึงในเทศกาล Signes de Nuit ปีนี้ แต่ประเด็นของมันเป็นสิ่งที่เราไม่สนใจเท่าไหร่ 555
ภาพของหนังเป็น found footage จากหนังเก่า ๆ ซึ่งก็รวบรวมและตัดต่อออกมาได้ดี ดูแล้วนึกถึง Johan Grimonprez มาก ๆ
---
REFLECTION OF A MAN (2021, Martine Stig, Netherlands, 17min, A+25)
เป็นหนังที่พิศวงมาก
--
CHILE 1973 (2022, Mike Hoolboom, Jorge Lozano, Costa Rica, 8min, A+30)
เทศกาลหนัง Signes de Nuit ปีนี้เต็มไปด้วยภาพยนตร์ที่ "สวยจนเราไม่อยากกะพริบตา" และนี่ก็คือหนังเรื่องนึงที่ทำให้เรารู้สึกแบบนั้น เป็นหนังที่งานด้านภาพสวยและทรงพลังสุด ๆ สำหรับเรา ถึงแม้เนื้อหาของมันจะโหดร้ายน่าเศร้ามากก็ตาม
---
ONCE I PASSED (2022, Martin Gerigk, USA, short film, A+30)
เพิ่งรู้จากหนังเรื่องนี้ว่า Walt Whitman อาจจะเป็นเกย์ 55555
เป็นหนังที่งานภาพออกมาเป็นแนว collage art ซึ่งประหลาดดี แทบไม่ค่อยเห็นสิ่งนี้ในสื่อภาพยนตร์มาก่อน
--
HOW I BEAT GLUE AND BRONZE (2020, Vladimir Vulevic, Serbia/Germany, 30min, A+30)
หนังเล่าเรื่องชายหนุ่มที่ดูเหมือนเป็นคนธรรมดา แต่จริง ๆ แล้วเขาก็มีความลึกลับแปลกประหลาดบางอย่างที่ไม่มีคำอธิบาย
สิ่งที่เราสนใจคือตัวละครหลานสาวของชายหนุ่มคนนี้ ถ้าเราจำไม่ผิด เหมือนเธอฝักใฝ่ในศาสนาคริสต์มั้ง ในขณะที่พ่อแม่ของเธอไม่เชื่อในพระเจ้า เราก็เลยรู้สึกว่ามันสลับกันกับในไทย ที่คนรุ่นใหม่ไม่นับถือศาสนา แต่คนรุ่นเก่านับถือ
พอดูแล้วก็เลยสงสัยว่านี่เป็นเหตุการณ์ที่พบได้ทั่วไปในยุโรปตะวันออกหรือเปล่า ที่คนรุ่นคอมมิวนิสต์ไม่นับถือศาสนา แล้วเลยมีปัญหากับเด็ก ๆ รุ่นใหม่ที่นับถือศาสนา
---
RADIO FREEDOM (2021, Ismar Vejzovic, Bafi Sarhang, Netherlands, 19min, A+25)
หนังน่าจะสร้างจากเหตุการณ์จริงในสงครามบอสเนีย เล่าเรื่องอย่างตรงไปตรงมา พอมาดูในปีนี้ก็รู้สึกเศร้ามาก ๆ เพราะหลังจากยุโรปผ่านความโหดร้ายทารุณของสงครามบอสเนียแล้ว ปีนี้ก็เกิดสงครามยูเครนขึ้นมาอีก เหมือนมนุษย์โลกไม่ได้พัฒนาขึ้นเลยในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา
---
RADIO FREEDOM (2021, Ismar Vejzovic, Bafi Sarhang, Netherlands, 19min, A+25)
หนังน่าจะสร้างจากเหตุการณ์จริงในสงครามบอสเนีย เล่าเรื่องอย่างตรงไปตรงมา พอมาดูในปีนี้ก็รู้สึกเศร้ามาก ๆ เพราะหลังจากยุโรปผ่านความโหดร้ายทารุณของสงครามบอสเนียแล้ว ปีนี้ก็เกิดสงครามยูเครนขึ้นมาอีก เหมือนมนุษย์โลกไม่ได้พัฒนาขึ้นเลยในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา
--
MAMMA (2021, Aslak Danbolt, Norway, A+25)
แม่ไปตามหาลูกสาวติดยาชื่อ Michelle แต่อยู่ดี ๆ แม่ก็โทรหา Isabell ซึ่งเราไม่รู้ว่าคือใคร เหมือนหนังมันมีความพิศวงงงงวยบางอย่างที่เราตามไม่ทันในช่วงท้าย แต่เราเดาว่ามันพยายามสะท้อนความรู้สึกภายในบางอย่างระหว่างแม่กับลูกมั้ง
---
THE LAST DAY (2021, Momi Yamashita, Japan, 19min, second viewing, A+30)
เหมือนเคยดูครั้งแรกทางออนไลน์ในเทศกาลอะไรสักอย่างในปีที่แล้ว สิ่งที่ชอบในหนังคือฉากที่ผัวเดินทิ้งเมียไปโดยไม่รอในตอนแรก แล้วพอเมียเดินตามมาเจอตรงจุดชมวิวสวย ๆ ผัวก็คุยด้วยเล็กน้อย แล้วเดินกลับไปเลย มันเหมือนสะท้อนความไม่แคร์ของผัวที่มีต่อเมียได้อย่างน่าสนใจดี และสะท้อนให้เห็นในทางอ้อมถึงปัญหาที่ทำให้ทั้งสองแยกทางกัน
ชอบที่เมียตัดใจจากผัวได้ในท้ายที่สุด
---
No comments:
Post a Comment