Sunday, February 16, 2020

MASQUERADE HOTEL (2019, Masayuki Suzuki, Japan, A+30)


MASQUERADE HOTEL (2019, Masayuki Suzuki, Japan, A+30)

1.ชอบสุดๆพอๆกับ KNIVES OUT เลย เพราะเราชอบหนัง/นิยายแนวปริศนาฆาตกรรม Agatha Christie อยู่แล้ว แต่ปัญหาก็คือว่า เรื่องราวแนวปริศนาฆาตกรรมส่วนใหญ่ มันขาดมิติความซับซ้อน ความลึกของชีวิตมนุษย์ไปน่ะ เหมือนรายละเอียดต่างๆที่ใส่เข้ามาในหนังแนวนี้ บางทีมันใส่เข้ามาเพียงเพื่อให้ผู้ชมสงสัยว่า ตัวละครตัวนี้เป็นฆาตกรหรือเปล่า เท่านั้น มันก็เลยทำให้ตัวละครแต่ละตัวในหนังแนวนี้ มีความสำคัญเพียงแค่เป็น ผู้ต้องสงสัย มากกว่าจะเป็น "มนุษย์ที่มีอะไรน่าสนใจใจในหลายๆด้านของชีวิต" นอกเหนือจากการเป็นผู้ต้องสงสัย

เราก็เลยชอบหนังของ Claude Chabrol และหนังที่สร้างจากนิยายของ Patricia Highsmith + Ruth Rendell+ Geoeges Simenon มากๆ เพราะมันพูดถึงการฆาตกรรม แต่มันไม่ได้สนใจว่าใครเป็นฆาตกร มันสนใจจิตวิญญาณของตัวละครแต่ละตัวมากกว่า

และก็เลยทำให้เราชอบ GOSFORD PARK (2001, Robert Altman), KNIVES OUT, MASQUERADE HOTEL และแม้แต่ 12 SUICIDAL TEENS ด้วย เพราะหนังกลุ่มนี้มันเหมือนเอา หนัง genre Whodunit ไปผสมกับ genre อื่นๆ แล้วมันเลยช่วยทลายข้อจำกัดของหนัง genre  whodunit ไปได้

2.ชอบมากๆที่ MASQUERADE HOTEL มันผสม whodunit กับหนังแนว "ความมุ่งมั่นในการประกอบอาชีพ" ของญี่ปุ่นน่ะ และมันทำออกมาได้เข้าทางเราสุดๆ คือหนังเรื่องนี้มันเหมือนให้ความสำคัญกับประเด็นที่ว่า “ใครเป็นฆาตกร” มากพอๆกับประเด็นที่ว่า “การจะเป็นพนักงานโรงแรมที่ดี ต้องทำอย่างไรบ้าง” แล้วมันก็เลยเข้าทางเรามากๆ

คือเหมือนเราเติบโตมากับละครทีวีญี่ปุ่น/การ์ตูนญี่ปุ่นแนว “การประกอบอาชีพ” น่ะ ทั้งอาชีพพิธีกร, ตากล้อง, ช่างตัดผม, ดีไซเนอร์, ตำรวจ, แอร์โฮสเตส ฯลฯ อะไรทำนองนี้ เราก็เลยชอบเรื่องเล่าทำนองนี้ของญี่ปุ่นมากๆ ที่มันพยายามสอนคนดูว่า การจะประกอบอาชีพนี้ๆ ต้องเผชิญกับความยากลำบากอย่างไรบ้าง ผู้จะประกอบอาชีพนี้ ต้องเรียนรู้พัฒนาตนเองอย่างไรบ้าง ต้องระวังอะไรบ้าง

ซึ่ง MASQUERADE HOTEL ก็ทำหน้าที่ของเรื่องเล่าทำนองนี้ได้ดีมาก แต่สิ่งที่เหนือชั้นมากๆก็คือว่า เมื่อเรา identify กับตัวละครในหนังเรื่องนี้ เราจะรู้สึกร่วมไปกับตัวละครด้วยความรู้สึกสองแบบพร้อมๆกัน นั่นก็คือความรู้สึกที่ว่า “ฉันจะต้องตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด รับมือกับแขกของโรงแรมให้ดีที่สุด” และความรู้สึกที่ว่า “ฉันจะต้องจับตาดูแขกทุกคนในโรงแรมตลอดเวลา ว่าใครคือฆาตกร” ซึ่งการที่หนังทำให้เรารู้สึกสองอย่างพร้อมๆกันในเวลาเดียวกันแบบนี้ มันก็เลยทำให้หนังเรื่องนี้เหนือชั้นกว่าหนัง genre whodunit โดยทั่วไป และเหนือชั้นกว่าหนังแนว “ความมุ่งมั่นในการประกอบอาชีพ” โดยทั่วไปด้วย

เราก็เลยรักหนังเรื่องนี้อย่างสุดๆ เพราะมันสามารถผสม genre หนังที่เราชอบมากๆสอง genre เข้าด้วยกัน และให้ความรู้สึกที่สุดยอดมากๆสำหรับเรา

No comments: