TV SERIES “ดวงแบบนี้ไม่มีจู๋” 3 ตอนแรก
บันทึกความรู้สึกเอาไว้ก่อน
1.ตกหลุมรักคุณโชคบดี ตอนที่เขาให้ของขวัญวันเกิดอีนังกี้เป็นหนังสือ
grammar ภาษาอังกฤษ 55555 แล้วเขาให้เหตุผลว่า
ถ้าให้ของขวัญแบบปกติ (อย่างเช่นตุ๊กตาหรือดอกไม้) แป๊บเดียวนังกี้ก็เบื่อแล้ว แต่ถ้าให้ของขวัญเป็นหนังสือแบบนี้
“ความรู้จะติดตัวเราไปจนวันตาย”
ว้าย ตายแล้ว ดิฉันชอบผู้ชายแบบนี้มากค่ะ แล้วมันคือเรื่องจริงนะ
เพราะเรารู้สึกว่า ที่เราทำมาหาเลี้ยงชีพมาได้นาน 25 ปีแล้วเนี่ย
มันมีพื้นฐานมาจากหนังสือ grammar ภาษาอังกฤษที่เราเคยอ่านตอนม.1-ม.2
ทั้งนั้นเลย มันเหมือนกับว่า หนังสือ grammar ที่เราได้อ่านตอนปี
1985 มันช่วยให้เราเริ่มอ่านภาษาอังกฤษรู้เรื่อง เข้าใจรูปประโยคอะไรต่างๆได้
แล้วไอ้ความรู้ที่ได้จากหนังสือ grammar ตอนปี 1985 นี่แหละ
ที่ติดตัวเรามาจนถึงทุกวันนี้ และช่วยให้เราทำมาหาเลี้ยงชีพมาได้จนถึงทุกวันนี้
เราก็เลยตกหลุมรักคุณโชคบดีจากฉากนั้น 55555
2. ฉากที่รู้สึกพีคที่สุดใน 3 ตอนแรก ก็คือฉากที่แม่กี้
(ขวัญฤดี กลมกล่อม) ด่ากี้อย่างรุนแรงต่อหน้าคุณโชคบดี แล้วแม่ก็ตบหน้ากี้ แล้วกี้ก็หนีไปร้องไห้ซบไหล่คุณโชคบดี
แล้วกี้ก็เล่าประวัติชีวิตของตัวเองกับแม่ให้โชคบดีฟัง
เหมือนฉากนั้นอารมณ์มันรุนแรงมากน่ะ และมันมองมนุษย์ได้ลึกมากน่ะ
เพราะมันช่วยเปลี่ยนทัศนคติของเราที่มีต่อแม่กี้กับกี้ไปได้เยอะเลย คือตอนที่ดูละครช่วงแรกๆ
เราจะรู้สึกว่าแม่กิ้นิสัยไม่ดีมากๆ ส่วนกี้ก็ดูโง่มากๆ 55555
แต่พอกี้เล่าประวัติชีวิตของตัวเองกับแม่ออกมา
มันก็ช่วยให้เราเข้าใจขึ้นมาได้มากขึ้นเยอะเลยว่า ทำไมตัวละครสองตัวนี้ถึงทำอะไรเหี้ยๆห่าๆตลอดช่วงที่ผ่านมา
คือมันเหมือนกับว่าตัวละครสองตัวนี้ไม่ได้ทำตัวเหี้ยห่าแบบลอยๆ
แต่การทำตัวเหี้ยห่าของตัวละครสองตัวนี้เป็น “ผล” ที่มี “เหตุปัจจัย”
ทำให้เกิดเป็นเช่นนั้นน่ะ และเหตุปัจจัยนั้นมันก็เหมือนอัดแน่นไปด้วย “ความเจ็บปวดของชีวิตในช่วงหลายปีที่ผ่านมา”
ด้วย ฉากนี้มันก็เลยพีคมาก ซึ้งมาก เจ็บปวดมากสำหรับเรา
ดูฉากนี้แล้วก็คิดถึงเรื่องบางเรื่องในชีวิตของเราเองนะ เรานึกถึงไปคนบางคนที่เรากับเพื่อนๆเคยเจอน่ะ
คือคนบางคนมีนิสัยหวาดระแวง กลัวว่าคนอื่นๆจะโกงเงินตัวเอง อย่างเช่นกลัวว่าเด็กปั๊มน้ำมันจะโกงเงินของเขา
แล้วพอเด็กปั๊มน้ำมันยิ้มให้ เขาก็ตีความรอยยิ้มนั้นว่า “แสดงว่าเขาตั้งใจจะโกงเราแน่ๆ”
คือตอนแรกเราจะไม่ชอบคนนิสัยแบบนี้นะ
แต่พอเราได้ฟังเพื่อนๆของเราคุยกัน เราก็เปลี่ยนความคิด เพราะเพื่อนๆเราคุยกันว่า
สมัยพวกเขาเด็กๆพวกเขาก็คงไม่ชอบคนแบบนี้เหมือนกัน แต่พอพวกเขาโตขึ้น
พวกเขาก็เข้าใจว่า ที่คนบางคนกลายเป็นแบบนี้ “เพราะคนคนนั้นคงเจออะไรบางอย่างมาแล้วในชีวิต”
ที่ทำให้คนคนนั้นกลายเป็นแบบนี้ คนคนนั้นคงเจอประสบการณ์อะไรบางอย่างในชีวิต
ที่ทำให้เขากลายเป็นคนมองโลกแบบนี้ หวาดระแวงแบบนี้ ไม่ไว้ใจรอยยิ้มของผู้คนแบบนี้
เราอาจจะรุ้สึกว่าคนแบบนี้มีลักษณะนิสัยบางอย่างที่เราไม่ค่อยชอบ แต่เราเองก็ไม่รู้หรอกว่า
คนคนนั้นเคยเจอประสบการณ์ชีวิตอะไร เลวร้ายขนาดไหน ถึงทำให้เขากลายมาเป็นคนแบบนี้ได้
พอเราได้ฟังเพื่อนๆคุยกันแบบนั้น มันก็ช่วยเปลี่ยนทัศนคติของเรามากๆเลย
เหมือนกับฉากที่กี้เล่าประวัติชีวิตของตัวเองนี่แหละ ที่มันช่วยให้เราเข้าใจ
”มนุษย์ที่เต็มไปด้วยข้อบกพร่อง” ได้มากยิ่งขึ้น
No comments:
Post a Comment