NEW ABNORMAL (2021, Sorayos Prapapan, 15min, A+30)
1.ดีใจที่มีคนรวบรวมเรื่องราวเหี้ย ๆ ห่า ๆ
ช่วงนี้เอาไว้ในรูปแบบภาพยนตร์ ชอบตั้งแต่ฉากที่ 2 ของหนัง ซึ่งจริง ๆ
แล้วทำให้นึกถึงเหตุการณ์ในปีที่แล้วที่สินค้าหลายอย่างขาดตลาดอยู่ระยะนึง
อย่างเช่น หน้ากากอนามัย และแอลกอฮอล์
เราจำได้เลยว่าตอนช่วงประมาณเดือนก.พ.-มี.ค.ปี 2020 มั้ง ที่มีคนพูดว่า “ตอนนี้หน้ากากอนามัยหายากกว่าทองอีก”
ฉากที่ 2 ของหนังทำให้นึกถึงหนังเรื่อง THE DISCREET CHARM OF THE
BOURGEOISIE (1972, Luis Buñuel) โดยไม่ได้ตั้งใจด้วย เพราะในหนังเรื่องนั้นมีฉากที่ตัวละครไปร้านอาหาร
แต่ไม่ว่าเธอจะเลือกสั่งอะไรในเมนู บริกรก็จะตอบว่า ไม่มี หรือ หมดแล้ว
จนในที่สุดเธอก็ตัดสินใจสั่งน้ำเปล่า แต่บริกรก็ตอบว่า หมดแล้ว
คือจริง ๆ แล้วสถานการณ์ของไทยในตอนนี้ก็อาจจะคล้าย ๆ
กับฉากนั้นในหนังของบุนเยลในแง่นึงนะ เพราะเหมือนฉากนั้นแสดงให้เห็นถึงสถานการณ์ที่
“สิ่งที่ควรจะมี ดันไม่มี” และสำหรับเมืองไทยในตอนนี้ สิ่งนั้นก็คือ
วัคซีนที่มีคุณภาพและเข้าถึงได้ง่าย
3.ฉากที่ 3 ของหนังก็ตลกดี ซึ่งก็คือฉากล้างมือ และเรารู้สึกชอบมากที่ใส่ฉากนี้เข้ามา
เพราะเราว่าฉากอื่น ๆ มันแสดงให้เห็นถึงผลกระทบทางการเมือง ผลกระทบที่เกิดจากการที่รัฐบาลไทยชุดนี้รับมือกับโควิดได้อย่างเลวร้ายที่สุด
แต่ฉากที่ 3 เราว่ามันเป็นเรื่องของ “ความโง่ของมนุษย์”
ที่เสือกยื่นมือให้คนอื่นจับ แล้วอีกฝ่ายก็โง่ไปจับ 55555
ซึ่งความโง่ของมนุษย์แบบนี้น่าจะเป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่ใช่เรื่องการเมือง
เพราะคนโง่แบบนี้เราน่าจะพบได้ในทุกสังคม ทั้งในไทยและต่างประเทศ
เราก็เลยชอบมากที่ใส่ฉากที่แสดงให้เห็นถึงคนโง่ๆ หรือการกระทำโง่ ๆ
แบบนี้เข้ามาด้วย เหมือนเป็นการแสดงให้เห็นว่าภายใต้วิกฤติโควิดแบบนี้
เราต้องรับมือกับทั้งรัฐบาลไทยชุดนี้ และต้องระวังคนโง่ ๆ ที่เราอาจจะเจอได้ในชีวิตประจำวันด้วย
55555
4.ดีใจที่เห็นนิยายเรื่อง FLICKER ของ Theodore
Roszak ปรากฏอยู่ในหนังเรื่องนี้ด้วย
5.ชอบการนั่งหลับตลอดเวลาของคนในห้องประชุมมาก ๆ
คิดว่าผู้ชมต่างชาติหลายคนคงไม่เข้าใจตรงจุดนี้ แต่คนไทยคงเข้าใจดี
6.ชอบการรวบรวมปัญหาต่าง ๆ เข้ามาไว้ในหนังเรื่องเดียวกัน ทั้ง CURFEW ที่ไม่มีประโยชน์
แต่ทำชีวิตประชาชนเดือดร้อนตาม ๆ กันไปหมด, การไม่ยอมเข้า COVAX, การบริหารจัดการวัคซีนที่เลวร้ายที่สุด, นโยบายของรัฐบาลที่ไม่เห็นใจคนจน,
การเอาเงินไปซื้อเรือดำน้ำ, ผู้นำเหี้ย ๆ, และการที่รัฐบาลไทย “ไม่คิดที่จะช่วยเหลือ
แต่เอาแต่ซ้ำเติมประชาชน”
7.ชอบ “การข้ามของเสียง” จากฉากนึงไปอีกฉากนึง เหมือนในฉากตัวละครที่เป็นนักศึกษาออนไลน์
เราจะได้ยินเสียงรถชนกันในฉากถัดมาข้ามเข้ามาด้วย และในฉากการประชุมของผู้นำ เราจะได้ยินเสียงการไล่จับคนจากฉากก่อนหน้านี้ข้ามเข้ามาด้วย
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฉากเหล่านี้มันมีความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกันทางเหตุและผลอยู่ด้วยหรือเปล่า
เลยมีการจงใจให้เสียงของฉากนึงข้ามเข้ามาในอีกฉากนึง
8.สิ่งที่สะเทือนใจเรามากที่สุดเป็นการส่วนตัว
คงเป็นฉากของนักดนตรีที่ตกงาน เพราะมันทำให้เรานึกถึงคุณ “ประกายฟ้า” ที่ฆ่าตัวตายไปในเดือนมิ.ย.
ถึงแม้หนังเรื่องนี้อาจจะไม่ได้ตั้งใจให้นึกถึงก็ตาม
No comments:
Post a Comment