Saturday, September 11, 2021

I AM GRETA (2020, Nathan Grossman, Sweden, documentary, A+30)

 

I AM GRETA (2020, Nathan Grossman, Sweden, documentary, A+30)

 

1.ดูแล้วก็ทำให้เห็นแง่มุมความเป็นมนุษย์ของเกรต้ามากขึ้น 55555 เพราะจริง ๆ แล้วเราไม่ค่อยได้ตามเรื่องของเธอมาก่อนเลย คือก่อนที่เราจะดูหนังเรื่องนี้ เรานึกว่าเธอคงเป็นเด็ก popular อะไรประมาณนี้น่ะ พอเราได้ดูหนังเรื่องนี้ เราถึงเพิ่งรู้ว่าเธอเป็นเด็กที่เหมือนไม่มีเพื่อนในโรงเรียน อยู่แต่กับครอบครัวตัวเองเป็นหลัก เหมือนเป็นเด็กที่ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวสุด ๆ ประมาณนึง (หมายถึงเวลาอยู่โรงเรียนมัธยมนะ)

 

2.ชื่นชมผู้กำกับหนังเรื่องนี้ที่เหมือนเห็นแววในตัวเธอตั้งแต่เธอเริ่มการประท้วงเพียงคนเดียว แล้วเขาก็ได้รับอนุญาตให้ถ่ายทำ moments ต่าง ๆ ระหว่างเกรต้ากับพ่อได้ เราว่า moments พวกนี้มันช่วยเพิ่มความเป็นมนุษย์ให้กับตัว subject ได้ดีมาก เพราะเวลาที่เกรต้าอยู่กับพ่อ มันแตกต่างจากเวลาที่เกรต้าพูดในที่ประชุมน่ะ เพราะเวลาที่เกรต้าพูดในที่ประชุม เธอดูรุนแรง เพราะเธอรู้ว่าเธอกำลังพูดกับนักการเมืองที่ไม่ยอมทำในสิ่งที่เธอต้องการ เธอก็เลยสำแดงพลังของความโกรธเกรี้ยว ความเป็นเจ้าแม่กาลีออกมาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่ได้มีแต่ภาคของความเป็นเจ้าแม่กาลีเท่านั้น เธอยังมีส่วนอื่น ๆ  ในตัวเธอด้วย และหนังเรื่องนี้ก็ช่วยนำเสนอสิ่งนั้นออกมา

 

3.ฉากเกรต้ากับสมุนสาวถอดหูฟังตอนปะทะกับ Jean-Claude Juncker นี่ชอบสุด ๆ

 

4.เหมือนฉาก climax ของหนังคือการล่องเรือข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก และก็ดีมาก ๆ ที่หนังเรื่องนี้นำเสนอส่วนนี้ออกมาได้ เราเข้าใจว่าผู้กำกับคงยอมเสี่ยงชีวิตล่องเรือไปกับเธอด้วย เหมือนเขาน่าจะเป็นตากล้องเพียงคนเดียวที่ได้ล่องเรือครั้งประวัติศาสตร์ไปกับเธอนะ เพราะเรือน่าจะมีขนาดเล็กมาก ไม่มี media เจ้าอื่น ๆ ได้ร่วมล่องเรือไปกับเธอด้วย เพราะฉะนั้นผู้กำกับหนังเรื่องนี้ก็เลยเหมือนมีสถานะพิเศษมาก ๆ ที่ได้เป็นประจักษ์พยานในการเดินทางครั้งประวัติศาสตร์นี้

 

5.กัปตันเรือหล่อ ชอบเขามาก ๆ ชื่อ Boris Hermann

 

6.เนื้อหาของหนังจบลงในปี 2019 แต่เราก็แอบคิดว่า เหตุไฟป่าในออสเตรเลียในช่วงหลังจากนั้น มันเหมือนเป็น “คำสาป” ของเกรต้าหรือเปล่า คำสาปในแง่ที่ว่า ถ้าหากไม่มีการเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ภัยธรรมชาติก็จะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ

 

7.จริง ๆ แล้วเราอาจจะไม่ได้อินกับประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมมากเท่าเกรต้าแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นการดูหนังเรื่องนี้ก็เลยไม่ได้ inspire ให้เราทำอะไรในด้านนี้มากขึ้น 55555 แต่สิ่งที่ inspire เราอย่างสุด ๆ ในหนังเรื่องนี้คือ “การไม่แคร์คำด่า” ของเกรต้า เพราะมันมีฉากที่เกรต้าอ่านคำด่าอย่างรุนแรงที่คนบางคนเขียนถึงเธอ แล้วเกรต้าดูไม่ได้สะทกสะท้านระคายเคืองต่อคำด่าอย่างรุนแรงเหล่านี้แต่อย่างใด คืออันนี้ inspire เราอย่างสุด ๆ เราจะพยายามฝีกตัวเองให้เข้มแข็งในด้านนี้ให้ได้แบบเกรต้า เราจะต้องเป็นแบบเกรต้าในด้านนี้ให้ได้ เราจะต้องเป็นคนที่เมื่อพบเจอคำด่า แล้วเราก็จะพูดว่า “มึงด่ากูเหรอ เรื่องของมึง กูไม่แคร์ จบ”

No comments: