เห็นมีคนสนใจหนังแนว
found footage เราก็เลยจะบอกว่า ตอนนี้มีหนัง found footage สองเรื่องเปิดฉายออนไลน์อยู่นะ ซึ่งก็คือ TERROR NULLIUS
(2018, Soda Jerk, Australia, 53min) ที่เราชื่นชอบอย่างสุด
ๆ และ PIÈCE TOUCHÉE (1989, Martin Arnold, Austria) ทั้งสองเรื่องดูได้ฟรีจนถึงวันที่ 20 ก.ย. โดย PIÈCE TOUCHÉE เป็นการนำคลิปหนังฮอลลีวู้ดยุคเก่าที่มีความยาวเพียง
18 วินาทีมาดัดแปลงให้กลายเป็นหนังความยาว 15 นาที
ดู TERROR NULLIUS ได้ที่ลิงค์นี้ หนังเรื่องนี้เคยติดอันดับ 11 ในลิสท์หนังสุดโปรดของเราประจำปี 2018
https://www.e-flux.com/video/416793/terror-nullius/
ดูหนังเรื่อง PIÈCE TOUCHÉE ได้ที่ลิงค์นี้
https://www.e-flux.com/video/416937/pice-touche/
Martin Arnold นี่ถือเป็นปรมาจารย์ด้านหนัง found footage คนนึงเลย เทียบชั้นได้กับปรมาจารย์ด้านหนัง found footage คนอื่น ๆ อย่าง Andrei Ujica, Bruce Conner, Daïchi Saïto, Gustav
Deutsch, Harun Farocki, Jay Rosenblatt, Johan Grimonprez, Mark Rappaport,
Matthias Müller, Peter Tscherkassky, Taiki Sakpisit, Viriyaporn Boonprasert
e-flux ตอนนี้ฉายหนังออนไลน์เรื่องอื่น ๆ
ที่น่าสนใจอีกหลายเรื่องนะ ทั้งหนังของ Laura Mulvey, Harun Farocki,
Pierre Huyghe, Christoph Girardet & Matthias Müller และมีหนังเรื่อง REVISITING SOLARIS (2007, Deimantas Nakevicius) ด้วย ดูหนังเหล่านี้ได้ถึงวันที่ 20 ก.ย. แต่ทางที่ดีควรจะรีบดูหนังทุกเรื่องให้เสร็จภายในวันที่ 14 ก.ย. เพราะเทศกาลภาพยนตร์ Signes de Nuit กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้วในวันที่ 15-19 ก.ย.จ้ะ
https://www.e-flux.com/.../an-other-cinema-apparatus-and.../
THE BANGKOK BOURGEOIS PARTY (2007, Prap Boonpan)
ดีใจที่ได้ดูอีกรอบ
ครั้งนี้น่าจะเป็นรอบที่ 4 แล้วมั้ง สองรอบแรกดูในปี 2007 ตอนนั้นทึ่งกับบทสนทนาในหนังมาก ๆ เพราะยุคปี 2007 ยังไม่มีหนังการเมืองไทยเรื่องไหนที่มันจริงจังเท่าหนังเรื่องนี้
และหนังมันช่วย “ระบายความโกรธ” ของเราออกมาในตอนนั้นได้ดีที่สุด อย่างที่หนังเรื่องอื่น ๆ ในปี 2007 ทำไม่ได้
ส่วนรอบที่สามเราได้ดูในปี
2011 ตอนดูรอบสามเราสะเทือนใจกับตอนจบมาก ๆ ที่มีการใช้ liquid paper ลบคำว่าความลักลั่นในงานรื่นเริงออกไป เพราะมันทำให้นึกถึง big cleaning
day ที่พยายามลบคราบเลือดของคนเสื้อแดงจำนวนมากที่ถูกสังหารโหดกลางกรุงเทพในปี
2010 เหมือนคนเสื้อแดงเหล่านั้นคือ "ความลักลั่น"
ในสายตาของอีกฝ่ายจริง ๆ
ส่วนรอบที่ 4 เรารู้สึกสะใจกับเสียงหัวเราะของผีในช่วงท้ายของหนังมาก ๆ
ตอนที่ผีพูดว่า "ให้มันจริงเถอะ" แล้วก็หัวเราะออกมา
เหมือนตอนที่เราดูหนังเรื่องนี้สามรอบแรก (2007-2011) เรายังไม่รู้สึกว่า ผีมันจะหัวเราะเยาะกลุ่มฆาตกรได้ยังไง
แต่พอเหตุการณ์มันล่วงเลยมาถึงปี 2021 เราก็รู้สึกว่า
เสียงหัวเราะของผีมันทรงอานุภาพขึ้นกว่าตอนที่เราดูในปี 2011 เป็นอย่างมาก เหมือนมันเป็น “คำสาป” ที่เริ่มออกฤทธิ์มากขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อเวลาผ่านไป และคนบางส่วนที่เคยเห็นดีเห็นงามกับกลุ่มฆาตกรในหนังเรื่องนี้
ก็เริ่มได้รับผลกระทบจากการสนับสนุนกลุ่มฆาตกรบ้างแล้ว
HEARSAY (2019, Jakkrapan Sriwichai, 7min, A+25)
ชอบความทุนต่ำแต่ effective มาก ๆ ของมัน
คือเหมือนถ้าเป็นหนังผีโดยทั่วไป
เราต้องได้เห็นตัวผีและอิทธิฤทธิ์ผีลอยบนผืนน้ำอะไรพวกนี้
แต่หนังเรื่องนี้ไม่ต้องลงทุนด้าน special effects หรือ CG
อะไรเลย
เพราะหนังสร้างความน่ากลัวผ่านทางให้ตัวละครใช้คำพูดเล่าเรื่อง
และคนดูจินตนาการตามคำพูดของตัวละคร
ดูแล้วนึกถึงแนวคิดของพี่สนธยาตอนจัดเทศกาลหนังทุนประหยัดเมื่อราว 20
ปีก่อน ที่พี่สนธยาไม่ค่อยสนับสนุนให้คนไทยแห่ทำหนังที่ใช้ทุนสร้างสูง
แต่สนับสนุนหนังที่ใช้ “ทุนสมอง” มากกว่า คือพอดูหนังแบบ HEARSAY แล้วรู้สึกว่ามันเป็นหนังที่เน้นการใช้
“ทุนสมอง” และฝีมือของคนทำจริง ๆ
No comments:
Post a Comment