Sunday, August 11, 2019

SUPERPSYCHOCEBU

ALLY (2019, Chanyanut Niamrat, A+10)

--ดูแล้วนึกถึง THE MISEDUCATION OF CAMERON POST (2018, Desiree Akhavan) มากๆ

--ดูแล้วรู้สึกกลางๆ ไม่ได้เกลียดหนัง แต่ก็รู้สึกเหมือนหนังมันขาดพลัง

SUPERPSYCHOCEBU (2016, Christian Linaban, Philippines, A+30)

1.มีสิทธิติด top twenty ประจำปีนี้ หนังลงตัวมากๆสำหรับเรา เหมือนมัน balance ได้ดีระหว่างมุมมองแบบ subjective กับ objective น่ะ

คือหนังเกี่ยวกับการพี้ยาบางเรื่อง มันจะใช้มุมมองแบบ subjective ตอนพี้ยา คนดูจะเห็นภาพหลอนหลุดโลกเหมือนตัวละคร แต่เราไม่เคยมีประสบการณ์อะไรแบบนี้ เราก็เลยไม่ค่อยอิน และเรารู้สึกว่าฉากพี้ยาจนหลอนในหนังบางเรื่อง มันขาดคุณสมบัติของความ poetic และความ thought provoking   ซึ่งเป็นสองคุณสมบัติที่เราต้องการจาก "ฉากพิศวงในหนังแปลกๆ" น่ะ

แต่ใน SUPERPSYCHOCEBU นั้น ถึงพระเอกจะมีอาการ high เกือบตลอดเรื่อง คนดูก็เหมือนจะเห็นภาพ "ในแบบที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริง" ในหลายๆฉาก แต่จะได้ยินเสียง sound effects หลอนๆเหมือนพระเอก ซึ่งมันเป็นส่วนผสมที่ลงตัวมาก

2 ฉากที่ชอบที่สุด คือฉากที่หญิงสาวทำหน้าตาท่าทางยั่วยวนใส่ "กล้อง" ตลอดเวลา แทนที่จะยั่วยวนพระเอก

3.ชอบเนื้อเรื่องด้วย ชอบที่พระเอกพยายามตามหาสุดยอดกัญชา แต่การตามหานี้นำไปสู่การสนทนาเรื่องกำเนิดโลก, จุดจบไดโนเสาร์, ความสัมพันธ์ระหว่างการเพาะกายกับพระเจ้า, อะไรคือ reality  และการต่อสู้ระหว่างพระเจ้ากับซาตาน

4.ช่วงองก์สุดท้ายของหนังนี่ยกให้เป็น one of my most favorite editing of all time  เลย

SIGNAL สัญญาณรัก สื่อหัวใจ (2019, Navapon Natakul, A+25)

1.เสียดายนิดเดียวที้มันเป็นหนัง romantic ไม่ใช่หนัง action thriller เพราะโดยตัว setting ของมันนั้นเอื้อให้เป็นหนังสนุกตื่นเต้นแบบ X-MEN และ SAKURADA RESET (2017, Yoshihiro Fukagawa) ได้ ซึ่งมันจะเข้าทางเรามากกว่า แต่การที่มันเลิอกจะเป็นหนัง romantic  ก็ไม่ผิดอะไรทั้งสิ้น เพียงแต่มันไม่ค่อยเข้าทางเราเท่านั้นเอง

2.สิ่งที่ชอบสุดๆคือการ casting นักแสดง เพราะเราชอบหนังที่มีตัวละครหญิงแรงๆหลายตัวมาปะทะกันน่ะ และหนังเรื่องนี้เลือกนักแสดงหญิง 5 คนได้มี aura ดีมาก และชอบมากที่สร้างให้ตัวละครหญิงเหล่านี้มีบุคลิกแตกต่างกันไป

คือถึงแม้หนังเรื่องนี้อาจจะเน้นใช้ประโยชน์จากความสวยน่ารักของนักแสดงหญิงกลุ่มนี้เป็นหลัก เพราะมันเป็นหนัง romantic แต่ดูจาก aura รัศมีของนักแสดงแต่ละคนแล้ว รู้สึกว่ามันเปลี่ยนเป็นหนัง thriller ที่ทุกตัวตบตีกัน หักเหลี่ยมเฉือนคมกันอย่างรุนแรงได้ไม่ยากเลย

BAMBI: THE ANTIMOVIE (2018, Gilles Legare, Canada, A+20)

--เหมือนเป็นหนังทดลองที่เล่นสนุกกับการทำลายกฎเกณฑ์ต่างๆมากมายในทางภาพยนตร์ แต่อารมณ์โดยรวมของหนังมันไม่ค่อยเข้าทางเราเท่าไหร่น่ะ เหมือนมันแค่ทำลายกฎเกณฑ์ แล้วก็พึงพอใจแค่นั้น แต่ไม่ได้พยายามจะสร้างความงามหรือสุนทรียะรูปแบบใหม่ขึ้นมา และการทำลายกฎเกณฑ์ของหนังเรื่องนี้ ก็เป็นสิ่งที่หนังทดลองหรือหนังอาร์ทเรื่องอื่นๆเคยทำไปแล้ว

--ชอบช่วงที่พระเอกนางเอกคุยกันในสนามเด็กเล่น แล้ว backdrop ด้านหลังมันดูหลอกตามากๆ

--Eric Bruneau พระเอกหนังเรื่องนี้หน้าคุ้นมากๆ พอค้นดูแล้วพบว่าเราเคยเห็นเขาจาก LAURENCE ANYWAYS (2012, Xavier Dolan) มาก่อน

GOTHIC SPRINGS (2019, Michael Feig, USA, A+15)

เข้าใจว่า หนังเรื่องนี้เอามนุษย์ต่างดาวไปเปรียบเทียบกับคนที่ทำตัวแตกต่างจากกระแสหลักในสังคม และอาจจะพูดถึงผู้อพยพด้วย

ชอบที่หนังพาดพิงถึง THE STEPFORD WIVES

MOON, THREAD (2018, Sum Chung, Doh Lee, South Korea, A+15)

TAKAKURA'S HYPER JOURNEY (2019, Yoshimasa Higashi, Japan, A+30)

 หนังเน้น style มากกว่า substance น่ะ คือเนื้อเรื่องของหนังโง่มาก เหมือนหนังยอดมนุษย์ทั่วๆไป แต่ style ของหนังหนักหนาสาหัสจริงๆ

แต่เราว่าการพึ่งแต่ style อย่างเดียวมันไม่พอนะ คือถ้าหากเนื่อเรื่องของหนังมันสนุกกว่านี้ มันก็คงดี

No comments: