THE CURRENT WAR (2017, Alfonso Gomez-Rejon, A+30)
1.ชอบที่หนังมันให้ข้อมูลอัดแน่นมาก เหมือนเหตุการณ์ในหนังมันขยายเป็นละคร 30 ตอนจบได้ ทึ่งมากๆกับเรื่องฆาตกรคนแรกที่ถูกประหารด้วยเก้าอี้ไฟฟ้า, การฆ่าม้า และการพาดพิงถึงชื่อบริษัทยักษ์ใหญ่หลายชื่อในยุคปัจจุบัน ทั้ง General Electric, Westinghouse, JP Morgan
2.ไม่เคยรู้มาก่อนว่าชีวิตของเอดิสันกับเทสล่าจะลำบากขนาดนี้ คือก่อนหน้านี้เรานึกว่า พอเอดิสันคิดหลอดไฟได้ เขาก็คงจะโด่งดังไปทั่วโลก ร่ำรวย คนทั่วโลกเชิดชูเขา
พอมาดูหนังเรื่องนี้แล้วถึงรู้ว่า การเป็นคนคิดสิ่งประดิษฐ์เก่งๆอย่างเดียวมันไม่พอ เพราะชีวิตคนมันมีปัญหามากมายให้ต้องเผชิญ โดยเฉพาะเรื่อง การเงิน, การดีลกับนายทุน, การดีลกับลูกน้อง, การดีลกับสื่อ, การขายสาธารณปูภโภคให้เมืองต่างๆ, การสร้างหลักการให้กับตัวเอง และการตั้งคำถามกับหลักการของตัวเอง
3.เราสนใจ moment ของ "ยุคที่ไฟฟ้าเพิ่งเข้าถึง" ด้วย มันเหมือนเป็น moment ที่ "ทำให้มนุษย์มีความหวังต่อโลกและชีวิตของตัวเอง" ดีน่ะ เพราะหนังหลายๆเรื่องชอบพูดถึง ยุคที่คนไปเหยียบดวงจันทร์เป็นครั้งแรก และยุคที่โทรทัศน์เพิ่งเข้ามาในหมู่บ้านเป็นครั้งแรก ซึ่งให้อารมณ์ของความเปลี่ยนแปลงในทางบวกเหมือนๆกัน แต่เราแทบไม่เคยดูหนังเกี่ยวกับ "ยุคที่ไฟฟ้าเพิ่งเข้าถึง" มาก่อน
SUPER LUCKY SENIOR MONK (2019, Jaroen Rungruangsap, A+15)
หลวงตามหาเฮง (2019, เจริญ รุ่งเรืองทรัพย์)
1.เพลิดเพลินกับหนังมากพอสมควร แต่จะมีปัญหากับทัศนคติบางอย่างในหนังของพจน์เกือบทุกเรื่อง อย่างในหนังเรื่องนี้ จุดที่เรารู้สึกว่า รับไม่ได้มากๆมีอยู่สองจุดด้วยกัน คือวิธีการ treat ตัวละคร "สาวมฤตยู" กับชะตากรรมของเด็กวัดคนนึงในช่วงท้ายเรื่อง
คือเรารู้สึกว่า หนังจงใจทำให้คนดูรู้สึกสมเพชเวทนา สาวมฤตยูน่ะ ซึ่งเรารู้สึกเสียดายมากๆ เพราะใจจริงแล้ว เราอยากให้หนังมันทำแบบ SHALLOW HAL (2001, Bobby Farrelly + Peter Farrelly) ไปเลย คือหนังอาจทำให้คนดูหัวเราะขบขันไปกับความแก่ของสาวมฤตยูในช่วงแรกก็ได้ ถ้าหากหนังสามารถทำให้คนดูพลิกกลับมาเห็นความดีงามข้างในของเธอในภายหลัง แต่พอหนังไม่สามารถทำให้คนดูเข้าใจได้ว่า เพราะเหตุใดพานทองถึงหลงรักส่าวมฤตยู เราก็เลยรู้สึกว่าหนังมัน offensive สำหรับเรามากน่ะ เหมือนหนังมันเหยียดหยามตัวละครตัวนี้ในระดับนึง และมันแทงใจดำเรา เพราะเราก็เป็นสาวแก่ที่หลงรักหนุ่มๆเหมือนกัน
แต่เราก็ไม่อยากว่าอะไรมาก เพราะเอาเข้าจริง เราก็เดาว่าเนื้อหาส่วนนี้ของหนังมันคงจะล้อละครทีวีอะไรสักเรื่อง และคนที่เล่นเป็นสาวมฤตยู อาจจะเป็นคนที่มีชื่อเสียงในแวดวงอะไรสักอย่างที่เราไม่รู้มาก่อน คือพอเราไม่รู้ว่าเนื้อหาส่วนนี้มันล้ออะไร หรือมันตั้งใจจะเล่นกับอะไร เราก็เลยพยายามจะไม่ติดใจอะไรกับมันมากนัก
ช่วงท้ายของหนัง ก็ทำให้เราไม่แน่ใจด้วยว่า หนังมองคนพิการด้วยมุมมองแบบไหน
2.ชอบช่วงแรกๆของหนังมาก เพราะมันเต็มไปด้วยตัวละครหญิงแรงๆ เหมือนมันแนะนำตัวละครหญิงแรงๆมา 8 ตัว ซึ่งมันก็มากพอแล้ว แต่มันยังมีตัวละครที่ 9, 10, 11 ทยอยโผล่มาอีก เราก็เลยชอบส่วนนี้มากๆ
2.1 ผู้หญิงกลุ่มแรกก็คือ แก๊งหวยเถื่อนสามคน ที่ถอดจิดไปกองสลาก
2.2 แล้วก็มีแก๊งผู้หญิงกับกะเทยในตลาดอีก 5 คน อันประกอบด้วยเมียครูประชา, สาวช่างนินทา, อีฝอยทอง, กะเทยสวย, กะเทยเด็ก
2.3 คือแค่ 8 ตัวข้างต้นก็สนุกแล้ว แล้วยังมี หนูรัตน์ โผล่มาอีก
2.4 แล้วก็มี สาวมฤตยู โผล่มา
2.5 แล้วก็มี อีจิ๋มใหญ่ สาวสก๊อยทิ้งลูก โผล่มา
คือชอบอารมณ์ช่วงนี้มาก มันเหมือนไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ แบบเกินคาด ชอบที่มีตัวละครหญิงแรงๆ ค่อยๆทยอยโผล่มาในเรื่อง
แต่น่าเสียดาย ที่หนังมันไปได้แค่นั้น เหมือนหลังจากนั้นอารมณ์ในหนังก็ ทรงตัว เล่าเรื่องตลกไปตามสไตล์ และไม่ได้ใช้ประโยชน์จากการปะทะกันของตัวละครหญิงเหล่านี้
Tuesday, August 06, 2019
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment