Thursday, December 22, 2022

AVATAR: THE WAY OF WATER (2022, James Cameron, 192min, A+30)

 

บันทึกไว้ว่า ได้ดูที่นั่ง FIRST CLASS เป็นครั้งแรกในชีวิตการแสดง เพราะเราได้สิทธิตั๋วฟรีจากการซื้อตั๋วหนังหลายใบใน WORLD FILM FESTIVAL OF BANGKOK

 

สรุปว่าเราซื้อตั๋วหนังใน WORLD FILM FESTIVAL OF BANGKOK ไป 38 ใบ ได้ตั๋วฟรีมา 6 ใบ เป็นตั๋วที่นั่งธรรมดา (Deluxe หรือ Premium) 3 ใบ, ตั๋วโซฟา 2 ใบ และตั๋ว first class 1 ใบ และเราก็ได้ตั๋ว APOLOGIZE มาอีกหนี่งใบจากรอบ NO BEARS ที่งดฉายไปเพราะไฟไหม้ WORLD TRADE

 

ในส่วนของตั๋ว APOLOGIZE นั้น เราใช้ซื้อตั๋ว VIOLENT NIGHT ที่ central world

 

และในส่วนของตั๋วฟรี 6 ใบนั้น เราใช้ไปดังนี้

 

1.ซื้อตั๋ว JEEPERS CREEPERS: REBORN (2022, Timo Vuorensola, C- ) ที่นั่งธรรมดา

 

2. BLACK PANTHER: WAKANDA FOREVER (2022, Ryan Coogler, A+30) ที่นั่งธรรมดา

 

3.THE CHEESE SISTERS (2022, Chantana Tiprachart, Nattapong Arunnate, Chookiat Sakveerakul, Aussada Likitboonma, Sorawit Muangkaew, A+25) ที่นั่งธรรมดา

 

4. WHISPER OF THE HEART (2022, Yuichiro Hirakawa, Japan, A+30) ที่นั่งโซฟา

 

5. DECIBEL (2022, Hwang In-ho, South Korea, A+25) ที่นั่งโซฟา

 

6. AVATAR: THE WAY OF WATER (2022, James Cameron, 192min, A+30) ที่นั่ง FIRST CLASS

 

ก็เรียกได้ว่าประทับใจกับของแถมจาก SF มาก ๆ เลยนะ เพราะถึงแม้ว่ามันจะไม่แถมอะไรเลย เราก็มีความสุขสุด ๆ กับเทศกาลหนัง WORLD FILM FESTIVAL OF BANGKOK อยู่แล้ว และถ้าหากทาง SF ไม่ให้ของแถมอะไรแบบนี้มา ชาตินี้เราก็ไม่คิดจะจ่ายเงินซื้อตั๋วที่นั่ง SOFA หรือ FIRST CLASS อยู่แล้ว 5555

 

เพิ่งได้นั่งโรง FIRST CLASS เป็นครั้งแรก เรารู้สึกว่าสิ่งที่แตกต่างไปจากที่นั่งธรรมดามีอยู่ 2 อย่างมั้ง นั่นก็คือการมีอาหารให้กินมากมายก่อนดูหนัง และที่นั่งที่ปรับให้กลายเป็นที่นอนได้

 

ซึ่งในส่วนของอาหารที่มีกินให้มากมายนั้น มันก็ดี แต่กูก็กินแค่นิดเดียว เพราะเรารู้จักร่างกายตัวเองดีว่า ถ้าหากเรากินเยอะ เราจะวูบหลับตอนดูหนัง เพราะฉะนั้นเราต้องกินน้อย ๆ แล้วเราจะดูหนังได้โดยไม่หลับ 5555 เราก็เลยกินแค่นิดเดียวเพื่อความปลอดภัย แล้วมันก็ส่งผลดี เพราะเราดู AVATAR ได้โดยไม่หลับเลย ทั้ง ๆ ที่นอนดูเกือบตลอดทั้งเรื่อง 555

 

เราเลือกที่นั่งแถวหน้าสุดตอนดู AVATAR: THE WAY OF WATER นะ เพราะมันดูห่าง ๆ จากคนดูคนอื่น ๆ ดี แล้วเราก็ลองปรับที่นั่งให้มันเอนไปจนเกือบจะกลายเป็นที่นอน ก็พบว่ามันให้ประสบการณ์ที่ดีมากสำหรับเราในการดูหนังเรื่องนี้ เพราะมันทำให้เรารู้สึกเหมือนกับว่าเราอยู่ใน Aquarium แล้วมองดูปลาต่าง ๆ แหวกว่ายอยู่ข้างบน หรือเหมือนอยู่ในท้องฟ้าจำลองน่ะ ซึ่งประสบการณ์การดูหนังที่คล้ายกับการอยู่ใน aquarium นี้ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ดีสำหรับเรา

 

ในส่วนของตัวหนัง AVATAR: THE WAY OF WATER นั้น เราขำมากที่มันมาฉายไล่เลี่ยกับ WAKANDA FOREVER แล้วพูดถึง “ชาวน้ำ” เหมือน ๆ กัน ราวกับว่าผู้สร้างหนัง 2 เรื่องนี้มีพลังจิตสื่อสารกันโดยไม่ได้ตั้งใจ แบบที่เราเคยเขียนไว้ฮา ๆ เรื่องทฤษฎีคลื่นกะหล่ำ 555

https://web.facebook.com/photo/?fbid=10224847974130010&set=a.10221574828503415

 

ตอนดู WAKANDA FOREVER เรารู้สึกเหมือนมันเป็น “สงครามระหว่างแอฟริกาใต้กับเม็กซิโก” และในส่วนของ AVATAR: THE WAY OF WATER นั้น เรารู้สึกเหมือนมันเป็นเรื่องของ “คนขาวจากยุโรป มาแย่งยึดพื้นที่จากชาวอินเดียนแดงในอเมริกาเหนือ ชาวอินเดียนแดงเลยหนีไปขอความช่วยเหลือจากชาวเกาะ Polynesia”

 

สิ่งที่ชอบที่สุดใน AVATAR: THE WAY OF WATER ก็คือเนื้อหาช่วงกลาง ๆ เรื่องที่ไม่เน้น “ความขัดแย้ง” หรือ “การต่อสู้” แต่เป็นการพาผู้ชมไปสำรวจ “โลกจินตนาการ” ของผู้สร้าง สำรวจโลกของชาวน้ำ, ท้องทะเล, สัตว์พิสดารต่าง ๆ ช่วงที่ตัวละครเรียนรู้ชีวิตของชาวน้ำ เรื่อยไปจนถึงการสำรวจ tulkun เพราะเหมือนเราไม่ได้ชอบหนังต่อสู้อยู่แล้วน่ะ เราก็เลยไม่ได้รู้สึกอะไรมากนักกับการต่อสู้ในช่วงหลังของเรื่อง เราชอบช่วงที่มันทำตัวเหมือนเป็นสารคดี NATIONAL GEOGRAPHIC แต่เป็นการสำรวจธรรมชาติในโลกจินตนาการมากกว่า

No comments: