บันทึกไว้ว่า ได้ดูที่นั่ง FIRST CLASS เป็นครั้งแรกในชีวิตการแสดง เพราะเราได้สิทธิตั๋วฟรีจากการซื้อตั๋วหนังหลายใบใน
WORLD FILM FESTIVAL OF BANGKOK
สรุปว่าเราซื้อตั๋วหนังใน WORLD FILM FESTIVAL OF BANGKOK ไป 38 ใบ ได้ตั๋วฟรีมา
6 ใบ เป็นตั๋วที่นั่งธรรมดา (Deluxe หรือ Premium) 3 ใบ, ตั๋วโซฟา 2 ใบ และตั๋ว first class 1 ใบ และเราก็ได้ตั๋ว
APOLOGIZE มาอีกหนี่งใบจากรอบ NO BEARS ที่งดฉายไปเพราะไฟไหม้
WORLD TRADE
ในส่วนของตั๋ว APOLOGIZE นั้น เราใช้ซื้อตั๋ว VIOLENT NIGHT ที่ central world
และในส่วนของตั๋วฟรี 6 ใบนั้น เราใช้ไปดังนี้
1.ซื้อตั๋ว JEEPERS CREEPERS: REBORN (2022, Timo Vuorensola, C- )
ที่นั่งธรรมดา
2. BLACK PANTHER: WAKANDA FOREVER
(2022, Ryan Coogler, A+30) ที่นั่งธรรมดา
3.THE CHEESE SISTERS (2022, Chantana Tiprachart,
Nattapong Arunnate, Chookiat Sakveerakul, Aussada Likitboonma, Sorawit
Muangkaew, A+25) ที่นั่งธรรมดา
4. WHISPER OF THE HEART (2022,
Yuichiro Hirakawa, Japan, A+30) ที่นั่งโซฟา
5. DECIBEL (2022, Hwang In-ho, South Korea, A+25) ที่นั่งโซฟา
6. AVATAR: THE WAY OF WATER (2022, James Cameron, 192min, A+30) ที่นั่ง FIRST CLASS
ก็เรียกได้ว่าประทับใจกับของแถมจาก SF มาก ๆ เลยนะ เพราะถึงแม้ว่ามันจะไม่แถมอะไรเลย
เราก็มีความสุขสุด ๆ กับเทศกาลหนัง WORLD FILM FESTIVAL OF BANGKOK อยู่แล้ว และถ้าหากทาง SF ไม่ให้ของแถมอะไรแบบนี้มา
ชาตินี้เราก็ไม่คิดจะจ่ายเงินซื้อตั๋วที่นั่ง SOFA หรือ FIRST
CLASS อยู่แล้ว 5555
เพิ่งได้นั่งโรง FIRST CLASS เป็นครั้งแรก เรารู้สึกว่าสิ่งที่แตกต่างไปจากที่นั่งธรรมดามีอยู่
2 อย่างมั้ง นั่นก็คือการมีอาหารให้กินมากมายก่อนดูหนัง
และที่นั่งที่ปรับให้กลายเป็นที่นอนได้
ซึ่งในส่วนของอาหารที่มีกินให้มากมายนั้น
มันก็ดี แต่กูก็กินแค่นิดเดียว เพราะเรารู้จักร่างกายตัวเองดีว่า ถ้าหากเรากินเยอะ
เราจะวูบหลับตอนดูหนัง เพราะฉะนั้นเราต้องกินน้อย ๆ แล้วเราจะดูหนังได้โดยไม่หลับ
5555 เราก็เลยกินแค่นิดเดียวเพื่อความปลอดภัย แล้วมันก็ส่งผลดี เพราะเราดู AVATAR ได้โดยไม่หลับเลย ทั้ง ๆ ที่นอนดูเกือบตลอดทั้งเรื่อง
555
เราเลือกที่นั่งแถวหน้าสุดตอนดู AVATAR: THE WAY OF WATER นะ เพราะมันดูห่าง ๆ
จากคนดูคนอื่น ๆ ดี แล้วเราก็ลองปรับที่นั่งให้มันเอนไปจนเกือบจะกลายเป็นที่นอน
ก็พบว่ามันให้ประสบการณ์ที่ดีมากสำหรับเราในการดูหนังเรื่องนี้
เพราะมันทำให้เรารู้สึกเหมือนกับว่าเราอยู่ใน Aquarium แล้วมองดูปลาต่าง
ๆ แหวกว่ายอยู่ข้างบน หรือเหมือนอยู่ในท้องฟ้าจำลองน่ะ ซึ่งประสบการณ์การดูหนังที่คล้ายกับการอยู่ใน
aquarium นี้ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ดีสำหรับเรา
ในส่วนของตัวหนัง AVATAR: THE WAY OF WATER นั้น
เราขำมากที่มันมาฉายไล่เลี่ยกับ WAKANDA FOREVER แล้วพูดถึง “ชาวน้ำ”
เหมือน ๆ กัน ราวกับว่าผู้สร้างหนัง 2
เรื่องนี้มีพลังจิตสื่อสารกันโดยไม่ได้ตั้งใจ แบบที่เราเคยเขียนไว้ฮา ๆ เรื่องทฤษฎีคลื่นกะหล่ำ
555
https://web.facebook.com/photo/?fbid=10224847974130010&set=a.10221574828503415
ตอนดู WAKANDA FOREVER เรารู้สึกเหมือนมันเป็น “สงครามระหว่างแอฟริกาใต้กับเม็กซิโก”
และในส่วนของ AVATAR: THE WAY OF WATER นั้น เรารู้สึกเหมือนมันเป็นเรื่องของ
“คนขาวจากยุโรป มาแย่งยึดพื้นที่จากชาวอินเดียนแดงในอเมริกาเหนือ
ชาวอินเดียนแดงเลยหนีไปขอความช่วยเหลือจากชาวเกาะ Polynesia”
สิ่งที่ชอบที่สุดใน AVATAR: THE WAY OF WATER ก็คือเนื้อหาช่วงกลาง
ๆ เรื่องที่ไม่เน้น “ความขัดแย้ง” หรือ “การต่อสู้” แต่เป็นการพาผู้ชมไปสำรวจ “โลกจินตนาการ”
ของผู้สร้าง สำรวจโลกของชาวน้ำ, ท้องทะเล, สัตว์พิสดารต่าง ๆ ช่วงที่ตัวละครเรียนรู้ชีวิตของชาวน้ำ
เรื่อยไปจนถึงการสำรวจ tulkun เพราะเหมือนเราไม่ได้ชอบหนังต่อสู้อยู่แล้วน่ะ
เราก็เลยไม่ได้รู้สึกอะไรมากนักกับการต่อสู้ในช่วงหลังของเรื่อง เราชอบช่วงที่มันทำตัวเหมือนเป็นสารคดี
NATIONAL GEOGRAPHIC แต่เป็นการสำรวจธรรมชาติในโลกจินตนาการมากกว่า
No comments:
Post a Comment