MISS AND THE DOCTORS (2013, Axelle Ropert, France, A+30)
ในหนังเรื่อง THE HUNDRED-FOOT JOURNEY (2014, Lasse
Hallström) ถ้าเราจำไม่ผิด ตัวละคร Madame Mallory (Helen
Mirren) เจ้าของร้านอาหารชื่อดัง มีวิธีที่น่าสนใจมากในการทดสอบคนที่มาสมัครเป็นพ่อครัว
คือแทนที่เธอจะให้ผู้สมัครทำอาหารยากๆเพื่อพิสูจน์ฝีมือการทำอาหารว่าเก่งจริงแค่ไหน
เธอกลับทดสอบผู้สมัครด้วยการให้เขาทำไข่เจียว เพราะอาหารที่ดูเหมือนง่ายที่สุด
เบสิคที่สุดนี่แหละ สามารถตัดสินได้ว่าพ่อครัวคนนั้นเก่งจริงหรือไม่
(หรือทำอาหารได้อร่อยถูกปากเธอหรือไม่)
เวลาที่เราดู MISS AND THE DOCTORS เราก็รู้สึกเหมือนกัน
คือเรารู้สึกว่า “เนื้อเรื่อง” ของหนังเรื่องนี้ไม่มีอะไรแปลกใหม่เลย
มันเหมือนกับละครทีวีที่นำแสดงโดยหมิว ลลิตาเมื่อ 20 ปีที่แล้วหรืออะไรทำนองนี้
พล็อตของมันก็คือพี่ชายน้องชายคู่หนึ่งที่เป็นหมอเหมือนกัน
ตกหลุมรักบาร์เทนเดอร์สาวคนเดียวกัน พี่ชายมีบุคลิกสุภาพเคร่งขรึม
น้องชายมีบุคลิกร่าเริง ขี้เล่น ส่วนบาร์เทนเดอร์สาวมีลูกสาวอายุประมาณ 10
ขวบคนนึงที่เป็นโรคเบาหวาน นอกจากนี้
ผู้ช่วยสาวสวยในคลินิกก็ตกหลุมรักตัวพี่ชายด้วยเหมือนกัน
หลังจากพี่ชายน้องชายพบว่าทั้งสองตกหลุมรักหญิงสาวคนเดียวกัน และทะเลาะ+ปรับความเข้าใจกันได้แล้ว
ทั้งสองก็เจออุปสรรคใหม่อีก เพราะผัวเก่าของบาร์เทนเดอร์สาวที่เลิกร้างกันไปเมื่อ
10 ปีก่อนพยายามจะขอกลับมาคืนดีกับนางเอกอีก แล้วนางเอกจะเลือกใคร
คือพล็อตมันเหมือนไม่มีอะไรน่าสนใจในตัวมันเองเลยน่ะ และถ้าหากมันไปอยู่ในมือของผู้กำกับบางคน
หนังเรื่องนี้มันก็อาจจะออกมาต่ำช้ามากๆได้ แต่พอมันมาอยู่ในมือของ Axelle Ropert เรากลับรู้สึกว่าทุกฉากทุกตอนมันออกมา
wavelength ตรงกับเรามากๆ ซึ่งเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่ยากจะอธิบาย
เรารู้สึกว่ามันไม่ตลกเกินไป ไม่ซีเรียสเกินไป ไม่ขยี้อารมณ์เกินไป ไม่ด้านชาทางความรู้สึกมากเกินไป
เราแค่รู้สึกว่าทุกอย่างในหนังมันลงตัวสำหรับเรา ซึ่งเรื่องแบบนี้เราก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
มันเหมือนกับกินไข่เจียวจานนึงที่รสชาติมันอร่อยลงตัวถูกต้องตรงตามรสนิยมเรามากที่สุดเท่านั้นเองน่ะ
คือเรารู้สึกว่าองค์ประกอบหลายๆอย่างในหนังเรื่องนี้มันเคยปรากฏในหนังเป็นพันเรื่องที่เราเคยดูมาแล้ว
เหมือนเราเคยกินไข่เจียวแบบนี้มาแล้วเป็นพันๆครั้ง เพียงแต่ว่ามีครั้งนี้ที่รสชาติมันลงตัวสำหรับเรา
สิ่งอื่นๆที่ชอบในหนังเรื่องนี้
1.ตัวละครพระเอกตอนแรกดูแล้วรู้สึกว่ามันตรงสเปคเรามากๆ
เป็นผู้ชายที่ดูอบอุ่น เคร่งขรึม หน้าตาดีแต่อาจจะไม่ได้หล่อมาก
คือตอนแรกเรารู้สึกว่าตัวละครพระเอกดู desirable มากๆสำหรับเรา
แต่พอหนังดำเนินไปเรื่อยๆ
เราจะค่อยๆรู้สึกว่าตัวละครหลักทุกตัวในหนังมันกลายเป็นมนุษย์ธรรมดามากขึ้นเรื่อยๆ
มันมีเลือดมีเนื้อ มีข้อบกพร่อง มีจุดอ่อน มีความเปราะบาง มีความธรรมดาสามัญมากขึ้นเรื่อยๆ
สรุปว่าตอนต้นเรื่องเราอยากได้พระเอกเป็นผัวมากๆ
และตอนจบเรื่องเราก็ยังอยากได้พระเอกเป็นผัวอยู่ดี
แต่เหมือนมุมมองที่เรามีต่อเขาเปลี่ยนไป
คือเหมือนตอนต้นเรื่องเรามองเขาเป็นวัตถุแห่งความปรารถนาของเรา แต่พอจบเรื่องเรามองว่าเขาเป็นมนุษย์ธรรมดาคนนึงที่ถ้าเราได้เป็นผัวก็ดี
แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร 555
2.ฉากประตูเปิดแล้วเปิดอีกเป็นฉากที่ชอบมากๆ คือมันมีฉากนึงที่ตัวละครตัวนึงสารภาพรักกับนางเอก
แล้วนางเอกก็ตอบปฏิเสธ แล้วนางเอกกับลูกสาวก็เดินออกจากตึก
แล้วประตูอัตโนมัติก็เปิด แล้วนางเอกกับลูกสาวก็เดินออกจากตึกไป แต่หลังจากนั้นประตูอัตโนมัติก็เปิดปิดอีก
โดยที่ไม่มีใครอยู่ตรงประตูเลย แล้วประตูอัตโนมัติก็เปิดปิดอีก
โดยที่ไม่มีใครอยู่ตรงประตูเลย
คือเราว่าฉากแบบนี้มันดู magic ดีน่ะ คือเราไม่รู้ว่ามันสื่อความหมายอะไร
(ที่แน่ๆคือไม่ใช่ผี) แต่มันดูน่าประทับใจมากๆ และเราว่าฉากประตูเปิดปิดโดยไม่มีสาเหตุแบบนี้มันวัดความสามารถของผู้กำกับ/คนเขียนบทด้วยแหละ
คือการที่ประตูมันเปิดปิดโดยไม่มีสาเหตุ มันไม่มีผลกระทบต่อเส้นเรื่อง
และเราก็ไม่รู้ด้วยว่ามันสื่อความหมายอะไร แต่มันตราตรึงในความทรงจำของเรามากๆ และเราว่าคนที่คิดฉากที่น่าประทับใจโดยไม่มีสาเหตุแบบนี้ขึ้นมาได้มันไม่ใช่คนธรรมดา
3.ฉากที่พี่น้องทะเลาะกันผ่านคนกลาง เป็นฉากที่ตลกมากๆ
และก็น่ารักมากๆด้วย
4.เราว่าตัวพระเอกที่ทำหน้าเคร่งขรึมตลอดเวลาแบบนี้
มันเหมือนมีกลิ่นไอจางๆของ “ตลกหน้าตาย” อยู่น่ะ
และมันทำให้เรานึกถึงอะไรบางอย่างในหนังของ Wes Anderson และ Martin
Rejtman แต่ถ้าพูดกันตามจริงก็คือ เรารู้สึกว่า Wes Anderson
ทำหนังดีมาก แต่ wavelength ไม่ตรงกับเรา ส่วน
Axelle Ropert นี่ wavelength ตรงกับเรามากๆ
5.มีบางส่วนในหนังเรื่องนี้ที่เราเดาว่าคงได้รับแรงบันดาลใจจาก THREE COLORS: BLUE, WHITE, RED ของ Krzysztof Kieslowski อยู่ด้วย เพราะตัวละครใน
BLUE, WHITE, RED ต่างก็เจอกับหญิงชราที่ดูเหมือนจะต้องการความช่วยเหลือคนนึง
และตัวละครก็จะแสดงปฏิกิริยาแตกต่างกันไปต่อหญิงชราคนนั้น ส่วนใน MISS AND
THE DOCTORS นั้นมีชายขี้เมาที่ต้องการความช่วยเหลือ
และตัวละครแต่ละตัวก็จะต้องตัดสินใจว่าจะช่วยชายขี้เมาคนนี้หรือไม่
No comments:
Post a Comment