Anucha Boonyawattana’s filmography
เนื่องจาก THE
BLUE HOUR กำลังจะลงโรงฉายในเร็วๆนี้
เราก็เลยนำข้อมูลนี้มาแปะอีกครั้งนะคะ เราชอบหนังของอนุชามากๆ แต่เรายังไม่ได้ดู THE
WHITE DIARY กับเบญกาย
หวังว่าคงจะมีใครจัดฉายหนังสองเรื่องนี้ให้เราได้ดูกันนะคะ
The information below is from Graiwoot Chulphongsathorn:
Anucha Boonyawattana อนุชา
บุญยวรรธนะ
1.Scarlet Desire (2001, 17 นาที)
เป็นหนังเรื่องแรกของอนุชา
โดยเป็นหนังแนวทริลเลอร์-สยดสยอง ว่าด้วย ตัวละคร 3 ตัวที่อยู่ห้องตรงกันข้ามกัน ชายหนึ่ง หญิงหนึ่ง
เกย์หนึ่ง อนุชารับบทเกย์เอง เธอเป็นฆาตกรโรคจิตที่มีเซ็กซ์กับผู้ชายไปทั่ว
(อนุชาเลือกผู้ชายหล่อๆ ทั้งคณะนิเทศให้มาร่วมเลิฟซีนกับเธอ)
ก่อนจะจบด้วยฉากการฆ่าในห้องน้ำ เป็นงานที่มืดหม่นรุนแรงมากของอนุชา
และได้รับคำชมจาก ธนิต จิตนุกูล ไปเมื่อเขาได้รับชมเรื่องนี้ในเทศกาลหนังสั้นมูฟวี่เมเนีย
ซึ่งธนิตถึงขั้นให้รางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมกับอนุชาไปครอง หนังน่าจะมีสองเวอร์ชั่น
โดยความแตกต่างก็คือ
จะมีเวอร์ชั่นหนึ่งที่อนุชามีฉากเปลือยกายด้านหลังในขณะร่วมรัก
2.THE WHITE DIARY (2002, 30 min)
เป็นหนังที่สุดขั้วที่สุด
ถ้าจำไม่ผิด พูดถึงครอบครัวบัดซบ ที่พ่อ แม่ ลูก มีเรื่องราวอัปมงคลกันมากมาย
(ไม่แน่ใจว่า คนที่เล่นเป็นแม่หรือพี่สาว คือ โอปอล มาณิสรา รึเปล่า)
แต่เวลาที่พระเอกฝัน หรือหลงอยู่ในไดอารี่
เขาจะไปอยู่ในอีกโลกหนึ่งที่ขาวสว่างสดใส และใช้มุมกล้องเลียนแบบปีเตอร์
กรีนอะเวย์ แต่เวลากลับมาอยู่ที่บ้าน ก็จะมีแต่ตัวละครบ้าๆ บอๆ ถ้าจำไม่ผิด
ตัวละครแม่จะผัดยุง หรือแมลงสาป เป็นอาหาร (ข้อมูลรอการคอนเฟิร์ม)
3.Down the River / ตามสายน้ำ
(2004, 50 นาที)
ถ่ายด้วยฟิล์ม 16 มม เป็นหนังเกย์ พุทธศาสนา ที่ชนะรางวัลขุนวิจิตรมาตรา
และรางวัล Young Thai Artist รวมทั้งรางวัลการถ่ายภาพยอดเยี่ยมของเทศกาลหนังสั้นครั้งที่
8 โดยเป็นเรื่องของเกย์คนหนึ่งที่พยายามหลุดพ้นจากผู้ชายที่เขาหลงรักตั้งแต่วัยมัธยม
โดยระหว่างการเดินทางขึ้นน้ำตกชั้นที่ 7 เขาก็ค่อยๆ สลัดกิเลสและการเหนี่ยวรั้งในความรักไปได้
4.Boy’s Love (2006, 13 นาที)
เข้าใจว่าหนังสองเรื่องนี้
มีอยู่ในแมกกาซีนที่อนุชาเคยลงทุนทำ แต่ออกมาได้แค่เล่มเดียว หน้าปกเป็นอนันดา
เอฟเวอริงแฮม
เป็นสารคดีตามสัมภาษณ์หนุ่มหล่อต่างๆ
ตามสยามสแควร์และสนามบาส เกี่ยวกับความรักที่เขาอาจจะมีให้ผู้ชายด้วยกัน
5.The Sun Lover (2006, 7 นาที)
เข้าใจว่าหนังสองเรื่องนี้
มีอยู่ในแมกกาซีนที่อนุชาเคยลงทุนทำ แต่ออกมาได้แค่เล่มเดียว หน้าปกเป็นอนันดา
เอฟเวอริงแฮม
หนังเรื่องนี้ถ่ายด้วยฟิล์ม
16 มม.
เป็นหนังทดลองเน้นแฟชั่น เริ่มต้นด้วยแสงเทียนที่ถูกถ่ายอย่างงดงาม
จบลงด้วยการถ่ายภาพชายรูปงามที่อวดทรวดทรงของเขาในบริเวณชายหาดริมทะเล
6.เบญกาย (2008,
)
เป็นวิดีโอที่ทำขึ้นเพื่อเข้าร่วมในงาน
'ไม่มีอะไรจะพูด '
53 ศิลปินแสดงวิดีโอเงียบสังคม/การเมือง
และมีการบรรเลงดนตรีสดโดยศิลปินอินดี้
เป็นส่วนหนึ่งของ
เทศกาลศิลปะนานาพันธุ์:ศิลปกับสังคม ครบรอบ 35 ปี 14 ตุลาคม 2516(ซึ่งเทศกาลศิปะนานาพันธุ์นี้ เริ่มต้นตั้งแต่ 18 ตุลาคม – 2 พฤศจิกายน 2551)
เบญกาย
เป็นการตีความจาก รามเกียรติ์ตอนนางเบญกาย โดยเล่าเรื่องความสัมพันธ์ของคนสองคน
คนหนึ่งเป็นชายรูปงาม อีกคนเป็นชายที่แต่งชุดรำไทย เธอค่อยๆ
ถอดมันออกมาแล้วจากนั้นชายทั้งสองก็มีเซ็กซ์กันในห้องน้ำ
ภาพเหล่านี้ถูกตัดสลับด้วยภาพฝาผนังกำแพงวัดและมีบทกวีแทรกเป็นระยะ
อันเป็นนัยให้ตีความต่อ อนุชาร่วมเล่นในหนังเรื่องนี้ในแบบที่คนคาดเดาไม่ได้
นั่นก็๋คือในฉากเซ็กซ์ในห้องน้ำที่มีไอฝ้าเกาะกระจก
ปรากฎว่าในห้องน้ำนั้นไม่ได้มีสองคน แต่มีสามคน อนุชาเป็นหนึ่งในบุคคลที่ร่วมแจมด้วย
อันส่อประเด็นการเมืองเรื่องการผสมพันธ์และเปลี่ยนขั้วเปลี่ยนข้าง
7.EROTIC FRAGMENT NO. 1,2,3 (2011, 5.30min)
ภาพยนตร์สั้น 3 เรื่อง เป็นห้วงความคิดและมุมมองทางเพศ ต่อคนชั้น 3 ที่มีความคลุมเครือ เหลื่อมล้ำ ทับซ้อนในความรู้สึกและชีวิตของคนเมือง (ข้อมูลจากสูจิบัตรเทศกาลหนังสั้น)
ภาพยนตร์สั้น 3 เรื่อง เป็นห้วงความคิดและมุมมองทางเพศ ต่อคนชั้น 3 ที่มีความคลุมเครือ เหลื่อมล้ำ ทับซ้อนในความรู้สึกและชีวิตของคนเมือง (ข้อมูลจากสูจิบัตรเทศกาลหนังสั้น)
8.THE BLUE HOUR อนธการ
(2015)
---ไม่แน่ใจว่าอนุชาเคยกำกับละครทีวีด้วยหรือเปล่า
ภาพจาก EROTIC FRAGMENT NO. 1,2,3
No comments:
Post a Comment