Wednesday, January 22, 2020

THE LIGHTHOUSE

DOSSIER OF THE DOSSIER (2019, Sorayos Prapapan, A+30)
เอกสารประกอบการตัดสินใจ

หนังสั้นเกี่ยวกับหนังสั้น ชอบฉากที่ "นายทุนสร้างหนัง" โผล่มามากๆ แอบสงสัยว่าต้องการพาดพิงใคร 555

ดูแล้วนึกถึง EASTERN WIND (Michael Shaowanasai) กับ THE PLAYER (1992, Robert Altman) ในแง่การสะท้อนตัวเอง เพราะ THE PLAYER เป็นหนังฮอลลีวู้ดที่สะท้อนวงการฮอลลีวู้ด ส่วน EASTERN WIND เป็นหนังทดลอง/ผลงานศิลปะ ที่สะท้อนวงการศิลปะ

 ASHFALL (2019, Kim Byung-seo, Lee Hae-jun, South Korea, A+30)

1.ช่วงแรกๆรู้สึกชอบหนังเรื่องนี้มากๆ เพราะมันทำให้นึกถึงหนังฮอลลีวู้ดยุค 20-30 ปีก่อน ประเภท THE CORE (2003, Jon Amiel), DAYLIGHT (1996, Rob Cohen) อะไรทำนองนี้ (แต่เราไม่ได้ดู VOLCANO (1997, Mick Jackson) กับ  DANTE’S PEAK (1997, Roger Donaldson) ส่วน KRAKATOA: EAST OF JAVA (1968, Bernard L. Kowalski) นั้น เคยมาฉายทางทีวีตอนที่เราเด็กเกินไป จนเราจำอะไรไม่ได้)

รู้สึกว่า ASHFALL มันก็ดูสนุกตามสูตรสำเร็จดี เมื่อเทียบกับหนังฮอลลีวู้ดแบบ DAYLIGHT

2.แต่ช่วงท้ายๆคะแนนความชอบของเราที่มีต่อ ASHFALL ก็ drop ลง เพราะเราหยุดหัวเราะไม่ได้อีกต่อไป เพราะเหมือน ASHFALL มันรวบรวมความ cliché ทุกอย่างของหนังทำนองนี้มาระดมใส่ในช่วง 30 นาทีสุดท้ายของหนัง จนมันกลายเป็นหนังตลกสำหรับเราโดยไม่ได้ตั้งใจ 555

ตัวอย่างความ cliché ก็คือว่า ในหนัง disaster ทำนองนี้ มันจะต้องมีตัวละครผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ท้องแก่ และปะเหมาะจะต้องมาน้ำคร่ำแตกตอนที่เกิดหายนะพอดีด้วย ซึ่งถ้าเป็นในโลกแห่งความเป็นจริง เราก็คงสงสารผู้หญิงตั้งครรภ์อย่างมากๆนะ แต่พอมันมาอยู่ในหนัง disaster ทำนองนี้ เราก็รู้สึกเหมือนหนังมันจงใจจะต้องมาน้ำคร่ำแตกเอาวันนั้นพอดีน่ะ เราก็เลยหัวเราะจนหยุดไม่ได้

จุดนี้ทำให้นึกถึงหนังที่เราชอบสุดๆเรื่องนึง ซึ่งก็คือหนังเรื่อง TOMORROW (1988, Kazuo Kuroki) ซึ่งจริงๆแล้วเป็นหนังที่ดีมาก เพราะหนังพูดถึงชีวิตคนหลายคนในเมืองนางาซากิ ในวันก่อนวันที่จะถูกระเบิดปรมาณูถล่มในเดือนส.ค.ปี 1945 แต่ก็แน่นอนว่า ในบรรดาตัวละครหลายตัวนี้ จะต้องมีผู้หญิงท้องแก่ใกล้คลอดก่อนระเบิดปรมาณูถล่มอยู่ด้วย

PHOTOGRAPH (2019, Ritesh Batra, India, A+30)

รู้สึกเหมือนมันดูละเมียดละไมขึ้นเมื่อเทียบกับ THE LUNCHBOX (2013,  Ritesh Batra)

THE LIGHTHOUSE (2019, Robert Eggers, Canada/USA, A+30)

ชอบสุดๆ ชอบงานด้านภาพแบบนี้ มันดูขลังมากๆ

สำหรับเราแล้ว เราดูแล้วรู้สึกอินกับหนีงเรื่องนี้มากกว่า  KUMANTHONG 555 เพราะเราเป็นคนที่เล่นกับตุ๊กตาหมี เราชอบจินตนาการว่า ตุ๊กตาหมีมันเป็นลูกของเรา อะไรทำนองนี้ หนังเรื่อง THE LIGHTHOUSE มันก็เลยเข้าทางเรามากกว่า เพราะเหมือน KUMANTHONG มันจะสอนเราว่า "อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน จะจนใจเอง" โดยเฉพาะอย่าไว้ใจหมอและหนุ่มหล่อๆ ส่วน THE LIGHTHOUSE มันสอนเราว่า "อย่าไว้ใจความคิดของตัวเอง จิตตัวเอง" หนังเรื่องนี้มันก็เลยเข้าทางเรา เพราะในชีวิตเรานั้น แทบไม่มีหนุ่มหล่อๆมาหลอกเรา มีแต่เรานี่แหละที่ "จินตนาการถึงผัว" มาหลอกตัวเองให้มีชีวิตอยู่ต่อไปเรื่อยๆ 555

เหมือนใน THE LIGHTHOUSE ตัวชายหนุ่มมันต้องรับมือกับทั้งเพื่อนร่วมงาน และ "จิตตัวเอง" น่ะ เราก็เลยอินกับมันตรงส่วนนี้

No comments: