Wednesday, January 22, 2020

IN EVIL HOUR

IN EVIL HOUR (2005, Ruy Guerra, Brazil, A+30)

1.กราบตีน Ruy Guerra หนักที่สุด ชอบโครงสร้างการเล่าเรื่องมากๆ หนักหนาสาหัสมาก ไม่รู้ว่าโครงสร้างการเล่าเรื่องแบบนี้มันมาจากตัวบทประพันธ์ต้นฉบับของ Gabriel Garcia Marquez มากน้อยแค่ไหน ดูแล้วนึกถึงพวกหนังของ Alain Robbe-Grillet, Alain Resnais, Raoul Ruiz, Nobuhiko Obayashi ที่มีโครงสร้างการเล่าเรื่องซับซ้อน หรือชอบเล่นกับ "เวลา" เหมือนๆกัน

2.ตอนแรกนึกว่า หนังเรื่องนี้จะเป็นเหมือนกับ LE CORBEAU (1943, Henri-Georges Clouzot, A+30) ที่พูดถึงหมู่บ้านที่มีคนเขียน "จดหมายสนเท่ห์"  หรืออะไรทำนองนี้ เพื่อกล่าวร้ายคนต่างๆในหมู่บ้านไปเรื่อยๆ โดยเหมือน LE CORBEAU จะเน้นไปที่การหาตัวว่า "ใครคือคนเขียนจดหมาย" ที่กล่าวร้ายบุคคลต่างๆ

แต่ IN EVIL HOUR ไปไกลกว่า LE CORBEAU มากๆ เพราะหนังเหมือนไม่ได้ focus ว่า ใครคือบุคคลปริศนาที่เขียนจดหมาย แต่นำเสนอ การใส่ร้ายกันไปมา ว่าใครคือคนเขียนจดหมาย จนมันลุกลามไปถึงการก่อม็อบ และสงครามกลางเมือง

คือดูหนังเรื่องนี้ แล้วนึกถึงเหตุการณ์ 6 ต.ค. 2519 และนึกถึงเหตุการณ์  fake news ในยุคปัจจุบันด้วย เพราะในยุคนี้ เราต้อง

2.1 แยกแยะว่า อันไหน ข่าวจริง อันไหน ข่าวปลอม

2.2 ถ้าหาก A บอกว่า "B โกหก B ปล่อย fake news " จริงๆแล้ว A คือคนที่โกหกหรือเปล่า

2.3 ระวังการใช้ fake news ในการยุงยงปลุกปั่นให้เกิดสงคราม

สิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ก็เลยสอดคล้องกับใน IN EVIL HOUR มากๆ

3.โครงสร้างการเล่าเรื่องมันหนักจริงๆ คือ

3.1 เราดูช่วงครึ่งแรก ไม่รู้เรื่องเลย

3 2 แล้วพอมาถึงครึ่งเรื่อง ตัวละคร A ก็ถูกฆ่าตาย แล้วตัวละครตัวนึงก็ไปหาหมอดูลูกแก้ววิเศษ แล้วหมอดูก็ส่องลูกแก้ว แล้วบอกว่า "ลูกศรของกาลเวลา มันพุ่งไปในทุกทิศทุกทาง"

3.2 แล้วหนังก็เหมือนไปตามลูกศรอันที่สองของกาลเวลา แล้วเราก็พบว่า หนังช่วงครึ่งแรก มันเล่าข้ามเหตุการณ์ไปเรื่อยๆ มิน่าล่ะ กูถึงดูไม่รู้เรื่อง เหมือนช่วงครึ่งเรื่องแรก มันเล่า แบบ 1 3 5 7 9 แล้วพอตัวละครเจอหมอดู หนังก็เริ่มเล่าเหตุการณ์ที่ 2 4 8

3.3 กูก็ดูด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่อง นึกว่ากูจะดูรู้เรื่อง ต่อ jigsaw เหตุการณ์ในหนังได้ครบแล้ว ปรากฏว่า พอต่อจาก 8 แทนที่จะเป็น 9 มันดันกลายเป็น "-9" คือเกิดเหตุการณ์ที่ตรงข้ามกับ 9 ในช่วงครึ่งเรื่องแรก

3.4 แล้วหนังก็เล่าตาม "ลูกศรแห่งกาลเวลาอันที่สาม" "อันที่สี่" อะไรแบบนี้อีก คือดูแล้วไม่รู้ว่ามันเป็น alternate universe  หรือเป็นความฝันของตัวละครตัวไหนในหนังกันแน่

4.สรุปว่า โครงสร้างการเล่าเรื่องมันไปสุดทางจริงๆ กราบตีนมากๆ

No comments: