Thursday, November 11, 2021

SOMPOY

 

SOMPOY ส้มป่อย (2021, Sompoy Team, A+25)

 

1.ถือว่าเป็น guilty pleasure เรื่องนึงของปีนี้เลย เพราะถึงแม้หนังจะไม่ดีมากนัก แต่มันมีคุณลักษณะเฉพาะตัวบางอย่างที่ตรงใจเราเป็นการส่วนตัวมาก ๆ ถ้าหากสรุปความรู้สึกของเราที่มีต่อหนังเรื่องนี้แบบสั้น ๆ เราก็รู้สึกว่ามันส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของเราโดยแยกออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ ๆ ด้วยกัน

 

1.1 การตอบสนองความต้องการทางเพศของเรา หนังเรื่องนี้ได้ประมาณ 95% และนี่แหละคือสาเหตุที่มันเป็น guilty pleasure ของเรา

 

1.2 sense ความตลกของหนังตรงกับเราหรือไม่ หนังเรื่องนี้ได้ประมาณ 75% ซึ่งถือว่าสูงกว่าหนังไทยหรือหนังตลกทุกชาติโดยทั่วไป

 

1.3 การสร้างความโรแมนติกซาบซึ้งในใจเรา หนังเรื่องนี้ fail miserably ได้ประมาณแค่ 10% ซึ่งถือเป็นสิ่งที่น่าผิดหวังมาก ๆ

 

2.มาว่ากันด้วยข้อแรก ซึ่งก็คือการที่หนังเรื่องนี้ตอบสนองความต้องการทางเพศของเราได้สูงมาก ๆ เป็นอันดับต้น ๆ ของปีนี้นั้น มันเป็นเพราะองค์ประกอบดังต่อไปนี้

 

2.1 นักแสดงนำชายทั้งสองคนหล่อมากในสายตาของเรา ทั้งธนพล จารุจิตรานนท์ในบท แซ้บ และ ธัชทร ทรัพย์อนันต์ในบท แวน แต่เอาจริง ๆ พระเอกหนังไทยหลาย ๆ เรื่องก็หล่อตรงสเปคเราเป็นส่วนใหญ่น่ะแหละ เพราะสเปคเรากว้างมาก ๆ 555555

 

2.2 แต่องค์ประกอบสำคัญที่หนังเรื่องอื่น ๆ ไม่ค่อยมี ก็คือการสร้างนางเอกที่อยากมีผัวมาก ๆ และคู่แข่งของเธอที่เป็นกุลสตรีที่งดงามเพียบพร้อมมาก ๆ ซึ่งเหมือนเป็นการสลับบุคลิกระหว่าง “นางเอก” กับ “นางอิจฉา” ในหนังไทยเรื่องอื่นๆ น่ะ เพราะนางเอกในหนังไทยเรื่องอื่น ๆ มักจะ “ไม่เงี่ยน” มากเท่านางเอกหนังเรื่องนี้ แต่ความอยากมีผัวมักจะเป็นคุณลักษณะของนางอิจฉาหรือดาวยั่วแทน เพราะฉะนั้นพอหนังเรื่องนี้เลือกสร้างตัวละครนางเอกที่อยากมีผัวหนุ่มหล่ออย่างรุนแรงมาก มันก็เลยกลายเป็นสิ่งที่ทำให้เรา identify ตัวเองเข้ากับนางเอกหนังเรื่องนี้ได้มากกว่าตัวละครนางเอกหนังไทยโดยทั่วไป และทำให้หนังเรื่องนี้กลายเป็น guilty pleasure ของเราประจำปีนี้ไปเลย

 

2.3 และไม่รู้ว่าเรารู้สึกไปเองหรือเปล่า คือพอหนังสร้างตัวละครนางเอกแบบนี้ และเล่าเรื่องผ่านทางตัวนางเอกเป็นหลัก เราก็เลยรู้สึกไปโดยปริยายว่า กล้องหรืออารมณ์ของหนังเรื่องนี้ มันคือการ treat ตัวละครหนุ่มหล่อทั้งสองว่าเป็นวัตถุทางเพศ หรือวัตถุแห่งความปรารถนาน่ะ มันเหมือนกับหนังเรื่องนี้คือ “การมองหนุ่มหล่อด้วยความอยากมีผัว” ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เราจะพบได้ใน “หนังเกย์” แต่เราไม่ค่อยพบแบบนี้ในหนัง mainstream เรื่องอื่น ๆ เพราะหนัง mainstream เรื่องอื่น ๆ (ยกเว้นหนังเกย์) กล้องหรือหนังมักจะถ่ายทอดอารมณ์ของการที่ “ผู้ชายมองหญิงสาวสวย” น่ะ แต่เรารู้สึกว่าหนังเรื่องนี้ไม่มี sense ของ “ผู้ชายมองหญิงสาวสวย” น่ะ แต่หนังเรื่องนี้เป็น sense ของ “การมองหนุ่มหล่อด้วยความหื่น” แทน ซึ่งจริง ๆ แล้วหนังอาจจะไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนั้นหรอก แต่เหมือนหนังเปิดโอกาสให้เราใส่ “ความหื่นผู้ชาย” หรือ “ความอยากมีผัว” ของตัวเองเข้าไปในหนังได้โดยแทบไม่สะดุดหรือไม่ถูกต่อต้านเลย ซึ่งเราพบว่าเราไม่ค่อยรู้สึกแบบนี้กับหนังไทย mainstream เรื่องอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น “หนังดี” หรือ “หนังห่วย” และไอ้คุณลักษณะแบบนี้นี่แหละ ที่เหมือนหนังชุด “ไทบ้าน” ยังไม่มี 555555 คือหนังชุด “ไทบ้าน” เป็นหนังที่ “ดี” กว่าหนังเรื่องนี้อย่างแน่นอน แต่การที่เราสามารถใส่อารมณ์ “ความหื่นผู้ชาย” เข้าไปในหนังเรื่องนี้ได้อย่างสนิท โดยไม่ถูกต่อต้านจากตัวหนังเอง นี่เป็นสิ่งที่หาได้ยากในหนังไทย mainstream เรื่องอื่น ๆ

 

2.4 แต่ที่เราบอกว่าหนังเรื่องนี้ตอบสนองความต้องการทางเพศของเราได้ 95% ไม่ใช่ 100% นั้น เป็นเพราะว่าหนังเรื่องนี้ไม่มีหนุ่มหล่อผิวคล้ำล่ำบึ้ก มาให้เราเลือกด้วยน่ะ มันก็เลยยังไม่ 100% เต็ม

 

3.ส่วนเรื่อง sense ความตลกของหนังที่เข้ากับเราได้มากเกินคาดนั้น มันก็คือสิ่งที่เราเคยเขียนไปแล้วก่อนหน้านี้นั่นแหละ เพราะหนึ่งในสิ่งที่เราชอบสุด ๆ ในหนังเรื่องนี้ คือการที่นางเอกเปลี่ยน mode ไปมา ระหว่าง mode เป็นตัวของตัวเอง กับ mode สาวล้านนาผู้มีจริยาวัตรอันงดงามเพียบพร้อมเป็นกุลสตรี โดย mode นี้เอาไว้ใช้ในการหาผัวโดยเฉพาะ คือการที่นางเอกเปลี่ยน mode ไปมานี้ทำให้นึกถึงหนึ่งในการ์ตูนที่เราชื่นชอบที่สุดในชีวิต ซึ่งก็คือ GOLDFISH WARNING! ปริศนาปลาทอง (1991-1992, Junichi Sato) ที่เคยมาฉายทางช่อง 9 เพราะในการ์ตูนเรื่องนั้นมีตัวละคร Chitose Fujinomiya แห่ง โรงเรียนบ้านนอกทันสมัยที่เหมือนจะเปลี่ยน mode ไปมาตลอดเวลา ระหว่างการปรากฏตัวเป็นตัวตลกป้อม ๆ เตี้ย ๆ กับการยืดร่างเป็นสาวสวยร่างระหงที่มีดวงตาสุกสกาวเป็นประกาย คือเราชอบสุด ๆ ที่ Chitose เปลี่ยน mode ไปมาตลอดเวลาแบบนี้ และคิดว่ามันอาจจะมีแต่ “animation” ที่ทำอะไรแบบนี้ได้ แต่ปรากฏว่าเราคิดผิด เพราะ ส้มป่อยก็ทำอะไรคล้าย ๆ แบบนี้ได้เหมือนกัน 555555 นอกจากนี้ ส้มป่อยยังทำให้คิดถึง GOLDFISH WARNING! โดยไม่ได้ตั้งใจในอีกแง่นึงด้วย นั่นก็คือการที่นางเอกถูกประกบด้วย หนุ่มหล่อมาดเรียบร้อยกับ หนุ่มหล่อมาดกวนตีน” 555555

 

คือฉากที่ข้าวตอกปรากฏตัวที่วัดเพื่อแข่งกับส้มป่อยในการแย่งแวนเป็นผัวนี่ ถือเป็นหนึ่งในฉากที่ตลกที่สุดสำหรับเราในปีนี้เลย เราว่าฉากนี้มันมี sense ของความเป็นการ์ตูนญี่ปุ่นมาก ๆ โดยที่หนังอาจจะไม่ได้ตั้งใจ แต่เราชอบความตลกสไตล์แบบนี้มาก ๆ

 

4.แต่เรื่อง “ความโรแมนติกซาบซึ้ง” นั้น เราว่าหนัง “ฝืน” มาก ๆ ในช่วงท้ายเรื่อง ซึ่งไม่ใช่ความผิดของนักแสดงเลยนะ เราว่าธนพลในบท “แซ้บ” นี่แสดงได้ซาบซึ้งกินใจเรามาก ๆ เหมือนเขาแสดงเต็มที่แล้ว แต่บทมันมีปัญหาตรงจุดนี้จริง ๆ

 

คือเราว่าหนังมันประสบความสำเร็จในการ treat หนุ่มหล่อทั้งสองเป็น “วัตถุทางเพศ” และในการทำให้ตัวละครดูสนุกตลกขบขันในแบบ “ตัวการ์ตูน” น่ะ แต่ถ้าหากหนังมันต้องการจะสร้างความ “โรแมนติกซาบซึ้ง” หนังมันต้องทำให้ตัวละครดูเป็น “มนุษย์” มาก่อนหน้านั้นด้วย แต่หนังไม่ได้ให้เวลากับ “ความเป็นมนุษย์” ของตัวละครมาก่อนหน้านั้นเลย มันมีเพียงแค่ฉากที่นางเอกเจอว่าพ่อของแซ้บเมาเหล้าเท่านั้นแหละ ที่เป็นฉากที่ทำให้แซ้บดูเป็นมนุษย์ขึ้นมานิดนึง และทำให้นางเอกดูมีอารมณ์แบบมนุษย์กับเขาบ้างกระจึ๋งนึง แต่ฉากนั้นฉากเดียวมันไม่พอ มันควรจะต้องมีฉากอื่น ๆ ที่สร้างความเป็นมนุษย์ให้กับตัวละครนำเหล่านี้เพิ่มเข้ามาอีกสักครึ่งชั่วโมงในช่วงแรก ๆ ของหนังด้วย แล้วพอเรารู้สึกว่าตัวละครเหล่านี้เป็นมนุษย์แล้ว เราถึงจะรู้สึกโรแมนติกซาบซึ้งไปกับช่วงท้ายของหนังได้

 

แต่นี่เรารู้สึกกับตัวละครในหนังแบบ “ตัวการ์ตูน” มาตลอด เพราะฉะนั้นการพยายามจะสร้างความโรแมนติกซาบซึ้งในช่วงท้ายนี่เลยกลายเป็นอะไรที่ฝืนสุด ๆ ไม่ไหวจริง ๆ สงสารนักแสดงมาก ๆ เพราะนักแสดงเล่นเต็มที่มาก ๆ

 

เพราะฉะนั้นไอ้ข้อเสียตรงนี้นี่แหละ ที่ทำให้หนังเรื่องนี้อาจจะสู้หนังชุดไทบ้านหรือหน่าฮ่านไม่ได้

 

4.ก็คิดว่าถ้าหากหนังเรื่องนี้ต้องการจะเอาดีทางโรแมนติกซาบซึ้ง ก็ต้องใส่ฉากที่เพิ่มความเป็นมนุษย์ให้กับตัวละครเข้ามาเยอะ ๆ นะ ไม่งั้นเราก็อยากให้ทำเป็นหนัง cult ไปเลย 5555555 จริง ๆ แล้วอยากให้มีภาคต่อ เป็นแวนไปถ่ายรูปตามจังหวัดต่าง ๆ แล้วก็เลยมีสาว ๆ จากทุกภาคมาชอบเขามากมาย แล้วก็เลยมีฉาก “ระบำ 4 ภาค” ทุกตัวใช้วิทยายุทธตบกัน คนนึงใช้กระติ๊บข้าวในการเซิ้งเป็นอาวุธ ส่วนอีกคนใช้เล็บเหล็กแหลมในการฟ้อนแบบภาคเหนือเป็นอาวุธ และก็มีสาวลูกครึ่งที่ใช้อุปกรณ์ยิมนาสติกลีลาใหม่เป็นอาวุธ อะไรทำนองนี้ 55555

No comments: