Saturday, August 08, 2015

THE BACKYARDS (2015, Sitthiphon Sriprasert, 10min, A+5)

THE BACKYARDS (2015, Sitthiphon Sriprasert, 10min, A+5)

ดูหนังเรื่องนี้ได้ที่นี่

--เราว่าเป็นหนังที่ดีใช้ได้เรื่องนึงเลย แต่มันเป็นหนังดีที่ “ไม่โดดเด้ง” น่ะ เมื่อพิจารณาจากบริบทที่ว่า ปีนี้มีคนทำหนังสั้นที่มีอะไรบางอย่างคล้ายๆกันนี้ออกมาราว 30 เรื่อง นั่นก็คือหนังสั้นที่ตัวละครหลักเป็นเด็กสาวสองคน และมีอะไรเซอร์เรียลแบบน่ารักๆอยู่ในหนัง โดยที่หนังอาจจะได้รับแรงบันดาลใจมาจาก MARY IS HAPPY, MARY IS HAPPY (2013, Nawapol Thamrongrattanarit)

--คือถ้าไม่พิจารณาจากบริบทของหนังแล้ว เราว่าเราก็พอใจกับทุกองค์ประกอบของหนังเลยนะ นักแสดงก็เล่นได้ดี, การสะท้อนภาพสังคมการเมืองก็ทำได้น่าพอใจในระดับนึง, การนำเสนอความสัมพันธ์ระหว่างนางเอกกับเพื่อน, แฟน และเพื่อนบ้าน ก็ทำออกมาได้ในระดับที่พอดีๆ, การดัดแปลง “สภาพบ้านเรือนทั่วไปในชีวิตประจำวัน” ให้กลายเป็น “โลกเซอร์เรียลหน่อยๆ”  ก็ดี, การตกแต่งห้องนางเอกด้วยป้ายต่างๆ ก็น่าสนใจดี คือทุกองค์ประกอบน่าพอใจหมดสำหรับเราน่ะ

--ชอบที่หนังนำเสนอนางเอกกับเพื่อนในแบบที่เป็นคนธรรมดามากๆ คือเราชอบที่หนังแสดงให้เห็นว่านางเอกกับเพื่อนอาจจะรู้ใจกันมาก (จากฉากที่เพื่อนนางเอกเอาหนังสือติดกระเป๋ามาให้นางเอก) แต่ทั้งสองคนนี้ก็มีบางจุดที่แตกต่างกันมาก (จากฉากที่นางเอกบ่นเรื่องเพื่อนจัดจานอาหารเป็นเวลานานหลายชั่วโมง) คืออะไรแบบนี้เราว่ามันเป็นสิ่งที่ “จริง” มากๆในชีวิตคนทั่วๆไปน่ะ คือเรากับเพื่อนสนิทแต่ละคนก็จะมีทั้งจุดที่เหมือนกันมากๆและจุดที่แตกต่างกันมากๆในขณะเดียวกัน เราชอบที่ผู้สร้างหนังเหมือนกับจะสังเกตเห็นอะไรแบบนี้ในชีวิตคนทั่วๆไป และนำเสนอมันออกมา

--แต่มีอยู่สองจุดที่เราชอบมากเป็นพิเศษในหนังเรื่องนี้นะ จุดนึงก็คือฉากที่นางเอกดูสไลด์ภาพข่าวการเมืองเก่าๆช่วงกลางเรื่อง เราว่าจุดนั้นเหมือนจะเป็นสิ่งที่เราไม่เห็นในหนังสั้นกลุ่มสองสาวเรื่องอื่นๆสักเท่าไหร่ แต่น่าเสียดายที่หนังเรื่องนี้ไม่ได้ผลักประเด็นนี้ไปให้รุนแรงกว่านั้น

ส่วนอีกจุดที่ชอบมากคือฉากที่ถ่ายสองสาวเดินย้อนแสงพระอาทิตย์ยามเย็นตามที่เห็นในรูปนี้ เราว่าการถ่ายย้อนแสงพระอาทิตย์ในยามเย็นแบบนี้เป็นอะไรที่งดงามมากๆ

--อย่างไรก็ดี ถึงแม้องค์ประกอบทุกอย่างในหนังจะออกมาดีงามน่าพึงพอใจ แต่เมื่อพิจารณาจากบริบทแล้ว หนังเรื่องนี้ก็ดูเหมือนจะไม่สามารถสร้างจุดเด่นอะไรบางอย่างให้แก่ตัวเองได้เมื่อเทียบกับหนังสองสาวเรื่องอื่นๆของไทยที่ออกมาในปีนี้น่ะ อย่างเช่นประเด็นการเมืองในหนัง ที่เราว่าหนังเรื่อง DOMESTIC LIFE (2015, Seriphab Sutthisri, A+30) อาจจะนำเสนอออกมาได้ในแบบที่น่าตื่นตะลึงมากกว่า, โลกเซอร์เรียลแบบน่ารักๆในหนังเรื่องนี้ ก็เป็นสิ่งที่พบได้ในหนังเรื่องอื่นๆเช่นกัน ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างนางเอกกับเพื่อน, แฟน และเพื่อนบ้านนั้น หนังเรื่องอื่นๆก็นำเสนอออกมาได้ในระดับที่ดีพอๆกัน

คือเหมือนกับว่า MARY IS HAPPY, MARY IS HAPPY มันมีอิทธิพลต่อหนังสั้นไทยหลายสิบเรื่องในปีนี้ และหนังสั้นกลุ่มนี้มันก็ทำออกมาดีเกือบหมดทุกเรื่องเลย และมันทำให้ “คะแนนมัธยฐาน” ของหนังปีนี้มันสูงขึ้นไปด้วย ถ้าจะเปรียบเทียบง่ายๆก็คือว่า เราอาจจะพึงพอใจกับหนังสั้นปีก่อนๆในระดับเฉลี่ยประมาณ 60/100 และเราอาจจะพึงพอใจกับหนังสั้นในปีนี้ในระดับ 75/100 เพราะหนังส่วนใหญ่มันเข้าทางเรามากขึ้น แต่เราพอใจกับ THE BACKYARDS ในระดับ 75/100 เช่นกัน ซึ่งนั่นหมายความว่า ถ้าหาก THE BACKYARDS มันออกฉายปีก่อน เราอาจจะมองว่ามัน “ดีกว่ามาตรฐาน” มากพอสมควร แต่พอ THE BACKYARDS มันออกฉายปีนี้ ซึ่งมาตรฐานหนังส่วนใหญ่มันยกระดับขึ้นมา เราก็เลยรู้สึกว่า THE BACKYARDS มันดีงามน่าพึงพอใจ แต่มันไม่ “โดดเด้ง” น่ะ

--สาเหตุส่วนหนึ่งมันเป็นเพราะ THE BACKYARDS ไม่มีอะไรที่แทงใจเราเป็นการส่วนตัวด้วยแหละ ไม่เหมือนหนังสองสาวอย่าง ANOTHER YOUNIVERSE (Tinnashirre Monkolmont) ที่มีการพูดถึงประเด็นเรื่อง “ที่ตั้งบ้านเก่า”, “รอยยิ้ม พิมพ์ใจ” (สิริภัช นมรักษ์) ที่ตัดการเล่าเรื่องทิ้งไปเลย, LOST OCEAN (Napat Meepaitoon) ที่ผลักโลกเซอร์เรียลในหนังไปได้สุดทางกว่า,  WHAT A WONDERFUL WORLD (Jirapat Thaweechuen, Thanawat Numcharoen, Pootana Tongton) ที่เอาประเด็นเรื่องชนชั้นมาใส่ในหนังสองสาว, หนังสองสาวบางเรื่องที่พลิกไปเป็นหนังจิตวิทยา/ฆาตกรรมแทน หรือหนังอย่าง HIPSTER, INTERRUPTED (Worawut Kruekaew, A+30) ที่เอา MARY IS HAPPY, MARY IS HAPPY มาล้อเลียนได้อย่างจัญไรมากๆ

แต่ในอีกแง่นึง เราว่า THE BACKYARDS มันก็ให้อารมณ์ “กลมกล่อม” ดีนะ พอเทียบกับหนังสองสาวเรื่องอื่นๆที่มันอาจจะมีองค์ประกอบบางอย่างที่ไปสุดทางมากกว่า

--อย่างไรก็ดี ถึงแม้ “หนังสองสาว” อาจจะดูเฝือในปีนี้ แต่ถ้าหากเวลาผ่านไปอีกสัก 5 ปี เมื่อเรามองย้อนกลับมายังหนังกลุ่มนี้ เราจะต้องชอบมันเพิ่มขึ้นมากอย่างแน่นอน เพราะในแง่หนึ่งหนังกลุ่มนี้มันก็เป็นเหมือนหมุดหมายสำคัญทางเวลาอย่างหนึ่งน่ะในการบันทึกรสนิยมของนักทำหนังไทยในปีนี้เอาไว้

คือเรากำลังคิดถึงช่วงปลายทศวรรษ 1990 ที่หนังสั้นไทยจำนวนมากได้รับอิทธิพลจากหนังของ Wong Kar-wai และใช้ดนตรีประกอบจากหนังเรื่อง GREAT EXPECTATIONS (1998, Alfonso Cuarón) เหมือนกันไปหมดเลยน่ะ คือในตอนนั้นเราก็เบื่อหนังสั้นไทยบางเรื่องที่ได้รับอิทธิพลจากหว่อง การ์-ไวนะ แต่พอเวลาผ่านมาแล้ว 15 ปี เราก็รู้สึกว่าหนังสั้นกลุ่มนั้นมันมีคุณค่ามากขึ้นในแง่การบันทึกสิ่งที่มีอิทธิพลต่อคนในยุคนั้นและรสนิยมของคนในยุคนั้นเอาไว้ โดยเฉพาะในปัจจุบันนี้ที่อาจจะมีหนังสั้นไทยเพียงแค่ 3 % เท่านั้นที่ได้อิทธิพลจากหนังของหว่อง การ์-ไว แทนที่จะเป็น 20% เหมือนเมื่อ 15 ปีก่อน
ฉันใดก็ฉันนั้น ถึงแม้ THE BACKYARDS อาจจะโชคร้ายที่ออกฉายพร้อมกับหนังที่คล้ายๆกันหลายเรื่องในปีนี้ แต่พอเวลาผ่านไปอีกหลายปี หนังกลุ่มนี้มันก็จะมีคุณค่ามากขึ้น


--สรุปว่าเราชอบ THE BACKYARDS มากในระดับนึง เราว่าทุกอย่างในหนังมันกลมกล่อมลงตัวดี แต่มันไม่มีอะไรที่โดนใจเราอย่างรุนแรง และมันอาจจะสร้างความโดดเด้งให้ตัวเองไม่ได้เมื่อเทียบกับหนังสั้นเรื่องอื่นๆในปีนี้ เราว่า “คล้าย” (2014, A+15) ของผู้กำกับคนเดียวกันนี้ยังมีความโดดเด้งมากกว่า เพราะเราว่า “การเรียนนาฏศิลป์” ใน “คล้าย” มันเป็นสิ่งที่ไม่เจอมากนักในหนังสั้นเรื่องอื่นๆน่ะ คืออาจจะเจอเพียงแค่ 5 เรื่องต่อปีที่ตัวละครเรียนนาฏศิลป์เหมือนกัน

No comments: