THE BACKYARDS (2015, Sitthiphon Sriprasert, 10min, A+5)
ดูหนังเรื่องนี้ได้ที่นี่
--เราว่าเป็นหนังที่ดีใช้ได้เรื่องนึงเลย แต่มันเป็นหนังดีที่ “ไม่โดดเด้ง”
น่ะ เมื่อพิจารณาจากบริบทที่ว่า
ปีนี้มีคนทำหนังสั้นที่มีอะไรบางอย่างคล้ายๆกันนี้ออกมาราว 30 เรื่อง นั่นก็คือหนังสั้นที่ตัวละครหลักเป็นเด็กสาวสองคน
และมีอะไรเซอร์เรียลแบบน่ารักๆอยู่ในหนัง โดยที่หนังอาจจะได้รับแรงบันดาลใจมาจาก MARY IS HAPPY, MARY IS HAPPY
(2013, Nawapol Thamrongrattanarit)
--คือถ้าไม่พิจารณาจากบริบทของหนังแล้ว
เราว่าเราก็พอใจกับทุกองค์ประกอบของหนังเลยนะ นักแสดงก็เล่นได้ดี,
การสะท้อนภาพสังคมการเมืองก็ทำได้น่าพอใจในระดับนึง, การนำเสนอความสัมพันธ์ระหว่างนางเอกกับเพื่อน,
แฟน และเพื่อนบ้าน ก็ทำออกมาได้ในระดับที่พอดีๆ, การดัดแปลง “สภาพบ้านเรือนทั่วไปในชีวิตประจำวัน”
ให้กลายเป็น “โลกเซอร์เรียลหน่อยๆ” ก็ดี,
การตกแต่งห้องนางเอกด้วยป้ายต่างๆ ก็น่าสนใจดี
คือทุกองค์ประกอบน่าพอใจหมดสำหรับเราน่ะ
--ชอบที่หนังนำเสนอนางเอกกับเพื่อนในแบบที่เป็นคนธรรมดามากๆ
คือเราชอบที่หนังแสดงให้เห็นว่านางเอกกับเพื่อนอาจจะรู้ใจกันมาก (จากฉากที่เพื่อนนางเอกเอาหนังสือติดกระเป๋ามาให้นางเอก)
แต่ทั้งสองคนนี้ก็มีบางจุดที่แตกต่างกันมาก
(จากฉากที่นางเอกบ่นเรื่องเพื่อนจัดจานอาหารเป็นเวลานานหลายชั่วโมง)
คืออะไรแบบนี้เราว่ามันเป็นสิ่งที่ “จริง” มากๆในชีวิตคนทั่วๆไปน่ะ
คือเรากับเพื่อนสนิทแต่ละคนก็จะมีทั้งจุดที่เหมือนกันมากๆและจุดที่แตกต่างกันมากๆในขณะเดียวกัน
เราชอบที่ผู้สร้างหนังเหมือนกับจะสังเกตเห็นอะไรแบบนี้ในชีวิตคนทั่วๆไป และนำเสนอมันออกมา
--แต่มีอยู่สองจุดที่เราชอบมากเป็นพิเศษในหนังเรื่องนี้นะ
จุดนึงก็คือฉากที่นางเอกดูสไลด์ภาพข่าวการเมืองเก่าๆช่วงกลางเรื่อง
เราว่าจุดนั้นเหมือนจะเป็นสิ่งที่เราไม่เห็นในหนังสั้นกลุ่มสองสาวเรื่องอื่นๆสักเท่าไหร่
แต่น่าเสียดายที่หนังเรื่องนี้ไม่ได้ผลักประเด็นนี้ไปให้รุนแรงกว่านั้น
ส่วนอีกจุดที่ชอบมากคือฉากที่ถ่ายสองสาวเดินย้อนแสงพระอาทิตย์ยามเย็นตามที่เห็นในรูปนี้
เราว่าการถ่ายย้อนแสงพระอาทิตย์ในยามเย็นแบบนี้เป็นอะไรที่งดงามมากๆ
--อย่างไรก็ดี ถึงแม้องค์ประกอบทุกอย่างในหนังจะออกมาดีงามน่าพึงพอใจ
แต่เมื่อพิจารณาจากบริบทแล้ว
หนังเรื่องนี้ก็ดูเหมือนจะไม่สามารถสร้างจุดเด่นอะไรบางอย่างให้แก่ตัวเองได้เมื่อเทียบกับหนังสองสาวเรื่องอื่นๆของไทยที่ออกมาในปีนี้น่ะ
อย่างเช่นประเด็นการเมืองในหนัง ที่เราว่าหนังเรื่อง DOMESTIC LIFE (2015, Seriphab
Sutthisri, A+30) อาจจะนำเสนอออกมาได้ในแบบที่น่าตื่นตะลึงมากกว่า,
โลกเซอร์เรียลแบบน่ารักๆในหนังเรื่องนี้
ก็เป็นสิ่งที่พบได้ในหนังเรื่องอื่นๆเช่นกัน
ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างนางเอกกับเพื่อน, แฟน และเพื่อนบ้านนั้น
หนังเรื่องอื่นๆก็นำเสนอออกมาได้ในระดับที่ดีพอๆกัน
คือเหมือนกับว่า MARY IS HAPPY, MARY IS HAPPY มันมีอิทธิพลต่อหนังสั้นไทยหลายสิบเรื่องในปีนี้
และหนังสั้นกลุ่มนี้มันก็ทำออกมาดีเกือบหมดทุกเรื่องเลย และมันทำให้ “คะแนนมัธยฐาน”
ของหนังปีนี้มันสูงขึ้นไปด้วย ถ้าจะเปรียบเทียบง่ายๆก็คือว่า เราอาจจะพึงพอใจกับหนังสั้นปีก่อนๆในระดับเฉลี่ยประมาณ
60/100 และเราอาจจะพึงพอใจกับหนังสั้นในปีนี้ในระดับ 75/100 เพราะหนังส่วนใหญ่มันเข้าทางเรามากขึ้น
แต่เราพอใจกับ THE BACKYARDS ในระดับ 75/100 เช่นกัน ซึ่งนั่นหมายความว่า
ถ้าหาก THE BACKYARDS มันออกฉายปีก่อน เราอาจจะมองว่ามัน “ดีกว่ามาตรฐาน”
มากพอสมควร แต่พอ THE BACKYARDS มันออกฉายปีนี้
ซึ่งมาตรฐานหนังส่วนใหญ่มันยกระดับขึ้นมา เราก็เลยรู้สึกว่า THE BACKYARDS มันดีงามน่าพึงพอใจ แต่มันไม่ “โดดเด้ง” น่ะ
--สาเหตุส่วนหนึ่งมันเป็นเพราะ THE BACKYARDS ไม่มีอะไรที่แทงใจเราเป็นการส่วนตัวด้วยแหละ
ไม่เหมือนหนังสองสาวอย่าง ANOTHER YOUNIVERSE (Tinnashirre Monkolmont) ที่มีการพูดถึงประเด็นเรื่อง “ที่ตั้งบ้านเก่า”, “รอยยิ้ม พิมพ์ใจ”
(สิริภัช นมรักษ์) ที่ตัดการเล่าเรื่องทิ้งไปเลย, LOST OCEAN (Napat
Meepaitoon) ที่ผลักโลกเซอร์เรียลในหนังไปได้สุดทางกว่า, WHAT A WONDERFUL WORLD
(Jirapat Thaweechuen, Thanawat Numcharoen, Pootana Tongton) ที่เอาประเด็นเรื่องชนชั้นมาใส่ในหนังสองสาว,
หนังสองสาวบางเรื่องที่พลิกไปเป็นหนังจิตวิทยา/ฆาตกรรมแทน หรือหนังอย่าง HIPSTER,
INTERRUPTED (Worawut Kruekaew, A+30) ที่เอา MARY IS HAPPY,
MARY IS HAPPY มาล้อเลียนได้อย่างจัญไรมากๆ
แต่ในอีกแง่นึง เราว่า THE BACKYARDS มันก็ให้อารมณ์ “กลมกล่อม”
ดีนะ พอเทียบกับหนังสองสาวเรื่องอื่นๆที่มันอาจจะมีองค์ประกอบบางอย่างที่ไปสุดทางมากกว่า
--อย่างไรก็ดี ถึงแม้ “หนังสองสาว” อาจจะดูเฝือในปีนี้ แต่ถ้าหากเวลาผ่านไปอีกสัก
5 ปี เมื่อเรามองย้อนกลับมายังหนังกลุ่มนี้
เราจะต้องชอบมันเพิ่มขึ้นมากอย่างแน่นอน
เพราะในแง่หนึ่งหนังกลุ่มนี้มันก็เป็นเหมือนหมุดหมายสำคัญทางเวลาอย่างหนึ่งน่ะในการบันทึกรสนิยมของนักทำหนังไทยในปีนี้เอาไว้
คือเรากำลังคิดถึงช่วงปลายทศวรรษ 1990
ที่หนังสั้นไทยจำนวนมากได้รับอิทธิพลจากหนังของ Wong Kar-wai และใช้ดนตรีประกอบจากหนังเรื่อง
GREAT EXPECTATIONS (1998, Alfonso Cuarón) เหมือนกันไปหมดเลยน่ะ
คือในตอนนั้นเราก็เบื่อหนังสั้นไทยบางเรื่องที่ได้รับอิทธิพลจากหว่อง การ์-ไวนะ
แต่พอเวลาผ่านมาแล้ว 15 ปี เราก็รู้สึกว่าหนังสั้นกลุ่มนั้นมันมีคุณค่ามากขึ้นในแง่การบันทึกสิ่งที่มีอิทธิพลต่อคนในยุคนั้นและรสนิยมของคนในยุคนั้นเอาไว้
โดยเฉพาะในปัจจุบันนี้ที่อาจจะมีหนังสั้นไทยเพียงแค่ 3 % เท่านั้นที่ได้อิทธิพลจากหนังของหว่อง
การ์-ไว แทนที่จะเป็น 20% เหมือนเมื่อ 15 ปีก่อน
ฉันใดก็ฉันนั้น ถึงแม้ THE BACKYARDS อาจจะโชคร้ายที่ออกฉายพร้อมกับหนังที่คล้ายๆกันหลายเรื่องในปีนี้
แต่พอเวลาผ่านไปอีกหลายปี หนังกลุ่มนี้มันก็จะมีคุณค่ามากขึ้น
--สรุปว่าเราชอบ THE BACKYARDS มากในระดับนึง
เราว่าทุกอย่างในหนังมันกลมกล่อมลงตัวดี แต่มันไม่มีอะไรที่โดนใจเราอย่างรุนแรง
และมันอาจจะสร้างความโดดเด้งให้ตัวเองไม่ได้เมื่อเทียบกับหนังสั้นเรื่องอื่นๆในปีนี้
เราว่า “คล้าย” (2014, A+15) ของผู้กำกับคนเดียวกันนี้ยังมีความโดดเด้งมากกว่า
เพราะเราว่า “การเรียนนาฏศิลป์” ใน “คล้าย”
มันเป็นสิ่งที่ไม่เจอมากนักในหนังสั้นเรื่องอื่นๆน่ะ คืออาจจะเจอเพียงแค่ 5
เรื่องต่อปีที่ตัวละครเรียนนาฏศิลป์เหมือนกัน
No comments:
Post a Comment