Monday, August 24, 2015

FILMS SEEN IN JENESYS 2.0 PROGRAM

FILMS SEEN IN JENESYS 2.0 PROGRAM

1.Really Happy. Happy, Really? (ธิดาทิพย์ แสนชาติ, A+30)

ชอบการถ่ายลองเทคในหนังเรื่องนี้มากๆ ประเด็นของหนังก็ดีมากๆ และเราก็ชอบประเด็นแบบนี้อยู่แล้ว นั่นก็คือประเด็นที่ว่า การที่เราทำเลวแม้เพียงเล็กๆน้อยๆ มันอาจจะส่งผลกระทบที่ร้ายแรงสุดๆอย่างที่เราคาดไม่ถึงก็ได้ เหมือนอย่างหนังเรื่อง L’ARGENT (1983, Robert Bresson, A+30) ที่การใช้ธนบัตรปลอมเพียงครั้งเดียว มันสามารถส่งผลกระทบต่อเนื่องไปจนทำให้เกิด “ฆาตกรโรคจิต” ที่ไล่ฆ่าคนบริสุทธิ์จำนวนมากได้

เราว่าประเด็นในหนังเรื่องนี้มันเข้ากับแนวคิดเราด้วยแหละ นั่นก็คือแนวคิดที่ว่า “ความสุขของคนเรามันไม่เหมือนกัน แต่ในบางครั้ง ความสุขของคนบางคน มันคือการได้ลิดรอนความสุขของคนอื่นๆ และไอ้คนประเภทนี้มันก็พยายามจะไม่รับรู้ความจริงที่ว่า สิ่งที่เป็นความสุขของพวกมัน คือความทุกข์ของคนอื่นๆ”

2.Simplest (ณธรณ์ เตชศรีสุธี, A+25)

ในโปรแกรมนี้ มีหนังหลายเรื่องที่พูดถึง “การเก็บกระเป๋าตังค์ไปคืนเจ้าของ” แต่มีหนังเรื่องนี้นี่แหละที่เหมือนเอาประเด็นนี้มาพลิกแพลง  แล้วเลยทำออกมาได้แตกต่าง โดดเด่นมากๆจากหนังเรื่องอื่นๆในกลุ่มไปเลย เพราะสถานการณ์ในหนังเรื่องนี้ มันเป็นสถานการณ์ที่ “ไม่สามารถเอาเงินไปคืนเจ้าของ” ได้ เพราะฉะนั้นมันก็เลยสร้าง moral dilemma ที่น่าสนใจสุดๆขึ้นมา

พระเอกน่ารักจัง


3.DAD’S GUITAR กีตาร์ของพ่อ (นาดา รอดอินทร์, A+20)

ขยายเป็นหนังยาวได้สบายๆเลย เพราะเนื้อเรื่องมันซับซ้อนและมันหนักมาก คือความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับนางเอกมันซับซ้อนมาก แต่หนังสามารถเล่าได้หมดภายในเวลาเพียง 3 นาทีเท่านั้น และภายในเวลาเพียง 3 นาที หนังสามารถแสดงให้เห็นได้ว่าตัวละครพ่อมีหลายมิติ ส่วนตัวละครนางเอกก็มีชีวิตที่หนักหนาสาหัสกว่าชีวิตนางเอกหนังเรื่องอื่นๆด้วย

เราว่าการแสดงของนางเอกดูไม่เป็นธรรมชาติในบางฉากนะ แต่มันกลับ “เหมาะ” กับหนังเรื่องนี้มากๆ คือมันไม่แข็งจนเกินไปน่ะ แต่ความที่มันไม่ได้ดูสมจริงแบบ 100% เต็มในบางฉาก มันกลับช่วยลดทอน “ความฟูมฟายทางอารมณ์” ลงไปได้เยอะมากเลยด้วย

จุดนี้ก็ทำให้นึกถึง Robert Bresson ด้วยเหมือนกัน เพราะหนังของ Robert Bresson หลายๆเรื่อง จงใจใช้ “การแสดงที่แข็งจนไม่เป็นธรรมชาติ” เพื่อสื่อสาร message บางอย่าง และเขาไม่ต้องการให้คนดู “มีอารมณ์ร่วม” กับตัวละครมากเกินไป และเราว่าการแสดงของนางเอกในช่วงท้ายของหนังเรื่องนี้มันทำให้เรานึกถึงอะไรคล้ายๆอย่างนี้ คือเรารู้สึกว่าถ้านางเอกทำหน้าตาแบบอารมณ์แตก ปลื้มปิติแบบคนจริงๆ อารมณ์ของฉากนั้นมันจะล้นเกินไป แต่พอนางเอกแสดงอารมณ์แบบแข็งๆหน่อย อารมณ์ของฉากนั้นมันเลยออกมาพอดี ไม่ล้นเกินไป

4.Stickers (ชลธิชา แสงสีดา, A+20)

5.Mini Size Happiness (สิรดนัย พุทธบุตร, A+20)

6.The Little Thing (ณัฐพล อมรจรูญ, A+20)

กำกับหมาได้ดีมากๆ สิ่งที่ชอบก็คือหนังเรื่องนี้แตกต่างจากหนังเรื่องอื่นๆ เพราะไม่มีเรื่องไหนโฟกัสไปที่สัตว์เลี้ยงเลย และหนังเรื่องนี้ทำให้เรารู้สึกว่า เราคิดถูกแล้วที่เราไม่เลี้ยงสัตว์  555 เพราะถ้าสัตว์มัน “รักและผูกพัน” กับเรามากแบบในหนังเรื่องนี้ เราก็จะไม่มีอิสระน่ะ ถ้าหากเราจะไปเที่ยวไหนเป็นเวลานาน หรือถ้าหากเราทำงานยุ่ง เราก็จะกังวลใจที่เรา “ไม่สามารถให้ความสุขกับสัตว์เลี้ยง” ได้ มันเหมือนกับว่าความสุขที่เราได้รับจากสัตว์เลี้ยง มันต้องแลกกับ “เวลาว่าง”, “ห่วงผูกพัน” และ “ความกังวลใจ” อะไรบางอย่างน่ะ

7.ภาระ...ที่เต็มใจ (ฟักทอง รอดเรืองฤทธิ์, A+20)

8.Love Song (วิทยาธร เยาวรัตน์, A+15)

9.Best Wish (ธนวินท์ พัฒนา, A+15)

10.ICE CREAM MAN ไอติมแมน (กำไล จันทร์โสม, A+15)

ชอบที่หนังโฟกัสภาพเด็กกินไอติมเป็นเวลานานมากๆๆๆ 555

11.จริงๆ ตอนนั้นก็ดีนะ (ฎากร เสนาคุณ, A+10)

12.Rice Soup (จีรชัย มุทาพร, A+)

13.Love (ธีรพงศ์ ศรีคำ, A+)

14.Relief (เทียนศิลป์ สุนทรจามร, A+)

15.ความศุกร์ (พิมพ์ชมภู บุญญาภิสิทธิ์โสภา, A+)

16.เวลาที่ฉันรู้สึกมีความสุข (โชติกา สุนทวง, A+)

17.Happy Song (อมิตา ตันพันตรี, A)

18.Sertraline ยาต้านเศร้า (ณัฐวัฒน์ เลิศชะเวียง, A)

19.THE WASTE OF MONEY เหรียญบาท (นฤเบศ เหลาศรีชัย, A)

ชอบที่หนังพูดถึงเรื่อง “การให้” โดยไม่ต้องใช้ voiceover สั่งสอนคนดู แต่สามารถนำเสนอเรื่องนี้ได้ผ่านทางการใช้ช็อตเพียงช็อตเดียว นั่นก็คือช็อตกล่องรับบริจาค แต่สาเหตุที่เราไม่ได้ชอบหนังเรื่องนี้มากนัก เป็นเพราะว่ามันมีหลายๆเรื่องในโปรแกรมนี้ที่พูดถึงเรื่อง “การให้” คล้ายๆกันน่ะ คือประเด็นของหนังเรื่องนี้มันซ้ำซากหน่อยนึง แต่วิธีการนำเสนอมันดีกว่าหนังเรื่องอื่นๆที่พูดประเด็นเดียวกัน

20.Me (ธนภัทร์ พรหมภัทร์, A)

เหมือนเป็นหนังที่สร้างขึ้นมาเพื่อตบกับหนังเรื่อง HAPPY SONG เพราะความสุขของนางเอกหนังเรื่อง ME คือ “การไม่ได้แต่งหน้า” ส่วนความสุขของนางเอกหนังเรื่อง HAPPY SONG คือ “การแต่งหน้า” แล้วได้ขึ้นไปร้องเพลงบนเวที 555

21.Life Answer (กษิดินทร์ ยอดแก้ว, A)

22.Up Beat (ณัฐนนท์ ราตรี, A)

23.My Toilet (รัทธภาพ นวลละออง, A/A- )

24.Friend (ฟ้ารุ่ง มุกค์ทรัพย์, A-)

25.My Name Is Happy (ปัณณภา ยศวริศ, A-)

26.ACTIVITES OF HAPPINESS (นพชัย สว่างอารมณ์, A-)

27.ALONE (ทศพร ขุนวงษา, A-)

28.My Happiness (พัทธนัช ปิยะเลิศมงคล, A-)

29.Share (ทศพร นามโฮง, A-)

30.สุข..สุดสุด (ภัคชยศ จรัญชล, B+ )

รูปประกอบได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนังเรื่อง STICKERS

No comments: