Monday, August 24, 2015

FILMS SEEN IN S-EXPRESS PROGRAMS

FILMS SEEN IN S-EXPRESS PROGRAMS

1.ENTROPY MACHINE (2010, Dodo Dayao, Philippines, A+30)

ไม่ทราบชีวิตฮิสทีเรียอะไรอีกต่อไป ไม่สามารถตีความอะไรได้ แต่ชอบหนังแบบนี้มากๆ เหมือนมันเปิดกว้างมากๆให้เราคิดถึงเรื่องอะไรก็ได้ และในบางครั้งเราก็คิดไปถึงประเด็นเรื่องการดำรงอยู่ของมนุษย์น่ะ เหมือนในฉากแรกๆมนุษย์จะยังเหมือนเป็นแกนกลางของเรื่องราว, ของหนัง, ของโลก หรือของจักรวาลในหนังอยู่ แต่มนุษย์เหมือนจะถูกลดทอนความสำคัญลงไปเรื่อยๆ และหนังก็ให้ความสำคัญกับ “สิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์” ในระดับที่มากกว่าหรือเท่ากับมนุษย์ มันเหมือนกับ “กล้อง” ในหนังเรื่องอื่นๆ มันถูกใช้เพื่อรองรับ “ตัวละครมนุษย์” เป็นหลักน่ะ หรือถ้าหากเป็นสารคดีเกี่ยวกับสัตว์และพืช กล้องก็จะถูกใช้เพื่อถ่ายทอด “องค์ความรู้บางอย่างเพื่อประโยชน์สำหรับผู้ชมที่เป็นมนุษย์” อยู่ดี แต่กล้องในหนังเรื่องนี้เหมือนจะให้ความสำคัญกับธรรมชาติมากๆ และไม่ได้เป็นไปเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้แบบหนังสารคดีวิทยาศาสตร์ด้วย

หรือในอีกแง่หนึ่ง เราก็แว่บคิดไปถึงเรื่องข้อดีข้อเสียของเผ่าพันธุ์มนุษย์ด้วยนะ มันเหมือนกับว่าตัวละครในหนังเรื่องนี้เป็นคนป่าที่ไม่ทำการเกษตรและไม่มีอารยธรรมน่ะ เพราะฉะนั้นเขาก็เลยใช้ทรัพยากรธรรมชาติในระดับที่น้อยที่สุดเท่าที่มนุษย์จะใช้ได้ เหมือนกับว่าเขาเป็นแค่สัตว์ป่าตัวหนึ่งเท่านั้น แต่ถ้าหากเขาทำการเกษตรและอยู่ในระบบอารยธรรม เขาก็จะต้องใช้ทรัพยากรธรรมชาติในระดับที่สูงกว่านี้มาก ซึ่งประเด็นแบบนี้มันอาจจะถูกนำเสนอในหนังหลายๆเรื่องด้วยวิธีการที่แตกต่างกันไปและในแง่มุมที่แตกต่างกันไป อย่างเช่น PARASYTE (2014, Takashi Yamazaki) ที่ตั้งคำถามถึงเรื่องการทำลายล้างธรรมชาติของเผ่าพันธุ์มนุษย์ หรือแม้แต่หนังเกี่ยวกับข้อดีข้อเสียของการสร้างเขื่อนด้วยการทำลายป่า, หนังเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติต่างๆ, หนังที่ตั้งคำถามเกี่ยวกับการใช้ไฟฟ้าของคนในเมืองหลวง, หนังเกี่ยวกับชาวเขาที่เก็บของป่าแล้วถูกตำรวจจับตัวไป, หนังเกี่ยวกับเกษตรพอเพียง ฯลฯ คือมันมีหนังหลายเรื่องที่ตั้งคำถามเกี่ยวกับประเด็นที่ว่า เราจะรักษาสมดุลอย่างไรดีระหว่างการดำรงอยู่ของประชากรมนุษย์ ทั้งคนในเมืองหลวง, คนในชนบท, เกษตรกร, ชาวเขา กับการดำรงอยู่ของป่าและธรรมชาติ แต่ไม่มีหนังเรื่องไหนที่ทำออกมาในแบบ ENTROPY MACHINE ที่เหมือนผลักไปจนสุดทาง และทำให้เราต้องยอมรับความจริงที่ว่า civilization มันมาพร้อมกับการทำลายล้างสิ่งอื่นๆจริงๆ หรือความจริงที่ว่า บางทีโลกนี้อาจจะดีขึ้นถ้ามนุษย์สูญพันธุ์ไป 555

แต่ข้อดีของหนังทดลองอย่าง ENTROPY MACHINE ก็คือว่า จริงๆแล้วหนังมันอาจจะไม่ได้ตั้งใจพูดอะไรถึงประเด็นข้างต้นเลยแม้แต่น้อย จริงๆแล้วมันอาจจะแค่ตั้งคำถามเรื่อง memory ของโลกยุคก่อน civilization, memory ของคนป่า, memory ของชีวิตที่ไม่มีเหตุการณ์สำคัญอะไรเกิดขึ้น และการใช้กล้องในการช่วยสร้าง memory หรืออะไรทำนองนี้ก็ได้ ซึ่งการที่มันเป็นหนังทดลองที่เปิดกว้างแบบนี้นี่แหละ ที่มันช่วยกระตุ้นความคิดเรามากๆ และทำให้เราได้คิดถึงเรื่องต่างๆมากมายที่หนังอาจจะไม่ได้ตั้งใจกระตุ้นให้เราคิด

รู้สึกว่าการถ่ายภาพในบางฉากของหนังเรื่องนี้ มันทรงพลังเทียบเท่ากับหนังของ Philippe Grandrieux ด้วย

2.THE FOX EXPLOITS THE TIGER’S MIGHT (2015, Lucky Kuswandi, Indonesia, A+30)

3.DAHDI (GRANNY) (2014, Kirsten Tan, Singapore, A+30)

4.DEGHA-DEGHA (2015, Dwitra J. Ariana, Indonesia, documentary, A+30)

5.DRUG! (2013, Miko Revereza, Philippines, A+30)

6.PIFUSKIN (2014, Tan Wei Keong, Singapore, animation, A+30)

7.CLASS PICTURE (2012, Tito & Tita, Philippines, A+30)

8.NOVEMBER (2014, Shane Lim, Singapore, A+30)

9.MARYAM (2014, Sidi Saleh, Indonesia, A+20)

10.THE MAN WITH THE CHEAP CAMERA (2010, Epoy Deyto, Philippines, A+15)

11.SALVAJ (2014, We Jun Cho, Malaysia, A+5)

12.ANCHOVIES (2014, Zulkifli Salleh, Singapore, A+)

13.ROZITA BINTI ROSLAN (2015, Taufiq Kamal, Malaysia, A+)

14.MACK (2012, Bradley Liew, Malaysia, A)

15.FIND LOVE, LET IT KILL (2015, Aigyl Abadia, Malaysia, A)

16.THE GIFT (2014, Mallory Lee, Malaysia, A-)

17.32°C FALL IN LOVE (2013, Tan Seng Kiat, Malaysia, B+ )

18.STRENGTH (2013, Michael Chen, Malaysia B+ )

รูปจาก THE FOX EXPLOITS THE TIGER’S MIGHT



No comments: