FILMS SEEN IN S-EXPRESS PROGRAMS
1.ENTROPY MACHINE (2010, Dodo Dayao, Philippines, A+30)
ไม่ทราบชีวิตฮิสทีเรียอะไรอีกต่อไป ไม่สามารถตีความอะไรได้
แต่ชอบหนังแบบนี้มากๆ เหมือนมันเปิดกว้างมากๆให้เราคิดถึงเรื่องอะไรก็ได้
และในบางครั้งเราก็คิดไปถึงประเด็นเรื่องการดำรงอยู่ของมนุษย์น่ะ
เหมือนในฉากแรกๆมนุษย์จะยังเหมือนเป็นแกนกลางของเรื่องราว, ของหนัง, ของโลก
หรือของจักรวาลในหนังอยู่ แต่มนุษย์เหมือนจะถูกลดทอนความสำคัญลงไปเรื่อยๆ
และหนังก็ให้ความสำคัญกับ “สิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์”
ในระดับที่มากกว่าหรือเท่ากับมนุษย์ มันเหมือนกับ “กล้อง” ในหนังเรื่องอื่นๆ
มันถูกใช้เพื่อรองรับ “ตัวละครมนุษย์” เป็นหลักน่ะ
หรือถ้าหากเป็นสารคดีเกี่ยวกับสัตว์และพืช กล้องก็จะถูกใช้เพื่อถ่ายทอด “องค์ความรู้บางอย่างเพื่อประโยชน์สำหรับผู้ชมที่เป็นมนุษย์”
อยู่ดี แต่กล้องในหนังเรื่องนี้เหมือนจะให้ความสำคัญกับธรรมชาติมากๆ
และไม่ได้เป็นไปเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้แบบหนังสารคดีวิทยาศาสตร์ด้วย
หรือในอีกแง่หนึ่ง เราก็แว่บคิดไปถึงเรื่องข้อดีข้อเสียของเผ่าพันธุ์มนุษย์ด้วยนะ
มันเหมือนกับว่าตัวละครในหนังเรื่องนี้เป็นคนป่าที่ไม่ทำการเกษตรและไม่มีอารยธรรมน่ะ
เพราะฉะนั้นเขาก็เลยใช้ทรัพยากรธรรมชาติในระดับที่น้อยที่สุดเท่าที่มนุษย์จะใช้ได้
เหมือนกับว่าเขาเป็นแค่สัตว์ป่าตัวหนึ่งเท่านั้น แต่ถ้าหากเขาทำการเกษตรและอยู่ในระบบอารยธรรม
เขาก็จะต้องใช้ทรัพยากรธรรมชาติในระดับที่สูงกว่านี้มาก
ซึ่งประเด็นแบบนี้มันอาจจะถูกนำเสนอในหนังหลายๆเรื่องด้วยวิธีการที่แตกต่างกันไปและในแง่มุมที่แตกต่างกันไป
อย่างเช่น PARASYTE (2014, Takashi Yamazaki) ที่ตั้งคำถามถึงเรื่องการทำลายล้างธรรมชาติของเผ่าพันธุ์มนุษย์
หรือแม้แต่หนังเกี่ยวกับข้อดีข้อเสียของการสร้างเขื่อนด้วยการทำลายป่า,
หนังเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติต่างๆ,
หนังที่ตั้งคำถามเกี่ยวกับการใช้ไฟฟ้าของคนในเมืองหลวง,
หนังเกี่ยวกับชาวเขาที่เก็บของป่าแล้วถูกตำรวจจับตัวไป, หนังเกี่ยวกับเกษตรพอเพียง
ฯลฯ คือมันมีหนังหลายเรื่องที่ตั้งคำถามเกี่ยวกับประเด็นที่ว่า
เราจะรักษาสมดุลอย่างไรดีระหว่างการดำรงอยู่ของประชากรมนุษย์ ทั้งคนในเมืองหลวง,
คนในชนบท, เกษตรกร, ชาวเขา กับการดำรงอยู่ของป่าและธรรมชาติ แต่ไม่มีหนังเรื่องไหนที่ทำออกมาในแบบ
ENTROPY MACHINE ที่เหมือนผลักไปจนสุดทาง และทำให้เราต้องยอมรับความจริงที่ว่า
civilization มันมาพร้อมกับการทำลายล้างสิ่งอื่นๆจริงๆ หรือความจริงที่ว่า
บางทีโลกนี้อาจจะดีขึ้นถ้ามนุษย์สูญพันธุ์ไป 555
แต่ข้อดีของหนังทดลองอย่าง ENTROPY MACHINE ก็คือว่า จริงๆแล้วหนังมันอาจจะไม่ได้ตั้งใจพูดอะไรถึงประเด็นข้างต้นเลยแม้แต่น้อย
จริงๆแล้วมันอาจจะแค่ตั้งคำถามเรื่อง memory ของโลกยุคก่อน civilization,
memory ของคนป่า, memory ของชีวิตที่ไม่มีเหตุการณ์สำคัญอะไรเกิดขึ้น
และการใช้กล้องในการช่วยสร้าง memory หรืออะไรทำนองนี้ก็ได้
ซึ่งการที่มันเป็นหนังทดลองที่เปิดกว้างแบบนี้นี่แหละ
ที่มันช่วยกระตุ้นความคิดเรามากๆ
และทำให้เราได้คิดถึงเรื่องต่างๆมากมายที่หนังอาจจะไม่ได้ตั้งใจกระตุ้นให้เราคิด
รู้สึกว่าการถ่ายภาพในบางฉากของหนังเรื่องนี้
มันทรงพลังเทียบเท่ากับหนังของ Philippe Grandrieux ด้วย
2.THE FOX EXPLOITS THE TIGER’S MIGHT (2015, Lucky Kuswandi,
Indonesia, A+30)
3.DAHDI (GRANNY) (2014, Kirsten Tan, Singapore, A+30)
4.DEGHA-DEGHA (2015, Dwitra J. Ariana, Indonesia, documentary,
A+30)
5.DRUG! (2013, Miko Revereza, Philippines, A+30)
6.PIFUSKIN (2014, Tan Wei Keong, Singapore, animation, A+30)
7.CLASS PICTURE (2012, Tito & Tita, Philippines, A+30)
8.NOVEMBER (2014, Shane Lim, Singapore, A+30)
9.MARYAM (2014, Sidi Saleh, Indonesia, A+20)
10.THE MAN WITH THE CHEAP CAMERA (2010, Epoy Deyto, Philippines,
A+15)
11.SALVAJ (2014, We Jun Cho, Malaysia, A+5)
12.ANCHOVIES (2014, Zulkifli Salleh, Singapore, A+)
13.ROZITA BINTI ROSLAN (2015, Taufiq Kamal, Malaysia, A+)
14.MACK (2012, Bradley Liew, Malaysia, A)
15.FIND LOVE, LET IT KILL (2015, Aigyl Abadia, Malaysia, A)
16.THE GIFT (2014, Mallory Lee, Malaysia, A-)
17.32°C FALL IN LOVE (2013, Tan Seng Kiat, Malaysia, B+ )
18.STRENGTH (2013, Michael Chen, Malaysia B+ )
รูปจาก THE FOX EXPLOITS THE TIGER’S MIGHT
No comments:
Post a Comment