Monday, September 21, 2015

MAISON CENT SENSES (2015, Kevin Laddapong, stage play, A+25)

MAISON CENT SENSES (2015, Kevin Laddapong, stage play, A+25)

--ชอบ form ของละครเรื่องนี้มากๆ คือถ้าละครเวทีเรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ มันจะเหมือนอยู่กึ่งกลางระหว่าง “essay film” กับ “narrative fictional film” น่ะ เหมือนอย่างหนังเรื่อง A VIRUS KNOWS NO MORALS (1986, Rosa von Praunheim) ที่สำรวจคนต่างๆที่เกี่ยวข้องกับโรคเอดส์, GOD’S OFFICES (2008, Claire Simon) ที่สำรวจคนที่เกี่ยวข้องกับการทำแท้ง, EISENSTEIN IN GUANAJUATO (2015, Peter Greenaway) หรือหนังของ Robert Altman บางเรื่องที่เน้นสำรวจวงการบางวงการ อย่างเช่น PRET-A-PORTER (1994) ที่สำรวจวงการแฟชั่น หรือ THE COMPANY (2003) ที่สำรวจวงการบัลเลต์

คือแทนที่จะมันจะเป็นละครเวทีที่เล่าเรื่องตามปกติ มีตัวละครออกมาชิงรักหักสวาทกัน มีเส้นเรื่องที่ตามง่าย มีตัวละครหลักไม่กี่ตัว และเส้นเรื่องก็จะยึดโยงกับตัวละครหลักเป็นหลัก ละครเวทีเรื่องนี้กลับมีลักษณะคล้ายหนังกลุ่มข้างต้น คือมีตัวละครเยอะ และเส้นเรื่องก็จะไม่เป็นเส้นเดียว แต่เหมือนเนื้อเรื่องจะเป็น fragments ยิบย่อยของตัวละครประกอบแต่ละตัว และเมื่อเรานำ fragments เหล่านี้มารวมกัน เราก็จะเห็นภาพกว้างๆของวงการบางวงการ หรือเห็น “ข้อมูลมากมาย” ของอะไรบางอย่างที่หนัง/ละครเวทีเรื่องนั้นๆต้องการนำเสนอ

เราก็เลยชอบ form หรือโครงสร้างของละครเรื่องนี้มากๆ เพราะเราไม่ค่อยเห็นละครเวทีทำนองนี้เท่าไหร่ และเราก็ไม่ค่อยเห็นหนังทำนองนี้ด้วย เพราะฉะนั้นพอเราได้ดูหนังหรือละครเวทีที่ออกมาทำนองนี้ มันก็เลยเหมือนได้เจอสิ่งที่ถูกใจอย่างนึงที่นานๆจะได้เจอสักที

--ตอนฉากแรกของเรื่องจะรู้สึกเฉยๆนะ เพราะฉากแรกที่มันแนะนำตัวละครแต่ละตัว เราจะนึกว่ามันก็คงเป็นละครเวทีธรรมดาๆเรื่องนึง หรือเพียงแค่เป็นละครเวทีที่อาจจะได้รับแรงบันดาลใจจากหนังอย่าง MAGIC MIKE XXL (2015, Gregory Jacobs, A+30) อะไรทำนองนี้

แต่พอเข้าฉากที่ตัวละครโสเภณีชายสองคนแนะนำโสเภณีหนุ่มหล่อหน้าใหม่เรื่องกลกามต่างๆ เราก็ชอบละครเรื่องนี้อย่างสุดๆในทันที เพราะมันแสดงให้เห็นว่าละครเวทีเรื่องนี้ไม่ได้เป็น narrative เล่าเรื่องธรรมดา แต่มันมีลักษณะคล้ายการอ่านตำราความรู้บางอย่าง เหมือนเป็นหนังสารคดี หรือหนัง essay ซึ่งเราจะชอบอะไรแบบนี้มากๆ

--ฉากที่เราชอบสุดๆอีกฉากคือฉากที่เจ้าของซ่องคุยกับลูกค้าหญิงคนนึงเรื่องภาพวาดหญิงญี่ปุ่นที่ร่วมรักกับปลาหมึก เราว่าฉากนี้มีเสน่ห์มากๆ สาเหตุนึงอาจจะเป็นเพราะว่า ตัวละครลูกค้าหญิงคนนี้ดูมีมิติหรือดูมีความลึกอะไรบางอย่างน่ะ ในขณะที่ลูกค้าอีกสองคนในเรื่องอาจจะเป็นตัวละครที่ดูแบนกว่าหน่อยนึง

--มีเรื่องฮาเล็กน้อยด้วย คือพอเราดูจบ คุณฌาธามก็มาขอบคุณเราที่มาดูละครเรื่องนี้ เราก็แอบคิดในใจว่า “มาขอบคุณเราทำไม คุณฌาธามเกี่ยวข้องอะไรกับละครเรื่องนี้เหรอ” พอเรากลับถึงบ้าน เราก็เลยลองดูข้อมูลในหน้า event ของละครเรื่องนี้ แล้วก็พบว่าคุณฌาธามเล่นเป็นตัวละครตัวนึงในเรื่องนี่นา กรี๊ดดดดดดดด เราจำไม่ได้เลยว่าเป็นคนเดียวกัน คุณฌาธามแสดงเก่งมากจริงๆค่ะ


--แต่เรารู้สึกว่าละครเวทีเรื่องนี้สั้นไปนะ เราอยากให้มันยาวกว่านี้อีกเท่านึง 555 ซึ่งจริงๆแล้วมันอาจจะเป็นเพราะว่าละครเรื่องนี้มันดีมากๆก็ได้ พอเราดูแล้วก็เลยรู้สึกว่ามันอร่อยมาก แต่มันยังไม่อิ่ม อยากซดต่ออีกสักจาน

No comments: