MAISON CENT SENSES (2015, Kevin Laddapong, stage play, A+25)
--ชอบ form ของละครเรื่องนี้มากๆ
คือถ้าละครเวทีเรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ มันจะเหมือนอยู่กึ่งกลางระหว่าง “essay
film” กับ “narrative fictional film” น่ะ
เหมือนอย่างหนังเรื่อง A VIRUS KNOWS NO MORALS (1986, Rosa von Praunheim)
ที่สำรวจคนต่างๆที่เกี่ยวข้องกับโรคเอดส์, GOD’S
OFFICES (2008, Claire Simon) ที่สำรวจคนที่เกี่ยวข้องกับการทำแท้ง,
EISENSTEIN IN GUANAJUATO (2015, Peter Greenaway) หรือหนังของ Robert
Altman บางเรื่องที่เน้นสำรวจวงการบางวงการ อย่างเช่น PRET-A-PORTER
(1994) ที่สำรวจวงการแฟชั่น หรือ THE COMPANY (2003) ที่สำรวจวงการบัลเลต์
คือแทนที่จะมันจะเป็นละครเวทีที่เล่าเรื่องตามปกติ
มีตัวละครออกมาชิงรักหักสวาทกัน มีเส้นเรื่องที่ตามง่าย มีตัวละครหลักไม่กี่ตัว
และเส้นเรื่องก็จะยึดโยงกับตัวละครหลักเป็นหลัก ละครเวทีเรื่องนี้กลับมีลักษณะคล้ายหนังกลุ่มข้างต้น
คือมีตัวละครเยอะ และเส้นเรื่องก็จะไม่เป็นเส้นเดียว แต่เหมือนเนื้อเรื่องจะเป็น fragments ยิบย่อยของตัวละครประกอบแต่ละตัว
และเมื่อเรานำ fragments เหล่านี้มารวมกัน
เราก็จะเห็นภาพกว้างๆของวงการบางวงการ หรือเห็น “ข้อมูลมากมาย”
ของอะไรบางอย่างที่หนัง/ละครเวทีเรื่องนั้นๆต้องการนำเสนอ
เราก็เลยชอบ form หรือโครงสร้างของละครเรื่องนี้มากๆ
เพราะเราไม่ค่อยเห็นละครเวทีทำนองนี้เท่าไหร่ และเราก็ไม่ค่อยเห็นหนังทำนองนี้ด้วย
เพราะฉะนั้นพอเราได้ดูหนังหรือละครเวทีที่ออกมาทำนองนี้
มันก็เลยเหมือนได้เจอสิ่งที่ถูกใจอย่างนึงที่นานๆจะได้เจอสักที
--ตอนฉากแรกของเรื่องจะรู้สึกเฉยๆนะ
เพราะฉากแรกที่มันแนะนำตัวละครแต่ละตัว
เราจะนึกว่ามันก็คงเป็นละครเวทีธรรมดาๆเรื่องนึง หรือเพียงแค่เป็นละครเวทีที่อาจจะได้รับแรงบันดาลใจจากหนังอย่าง
MAGIC MIKE XXL (2015, Gregory
Jacobs, A+30) อะไรทำนองนี้
แต่พอเข้าฉากที่ตัวละครโสเภณีชายสองคนแนะนำโสเภณีหนุ่มหล่อหน้าใหม่เรื่องกลกามต่างๆ
เราก็ชอบละครเรื่องนี้อย่างสุดๆในทันที
เพราะมันแสดงให้เห็นว่าละครเวทีเรื่องนี้ไม่ได้เป็น narrative เล่าเรื่องธรรมดา
แต่มันมีลักษณะคล้ายการอ่านตำราความรู้บางอย่าง เหมือนเป็นหนังสารคดี หรือหนัง essay
ซึ่งเราจะชอบอะไรแบบนี้มากๆ
--ฉากที่เราชอบสุดๆอีกฉากคือฉากที่เจ้าของซ่องคุยกับลูกค้าหญิงคนนึงเรื่องภาพวาดหญิงญี่ปุ่นที่ร่วมรักกับปลาหมึก
เราว่าฉากนี้มีเสน่ห์มากๆ สาเหตุนึงอาจจะเป็นเพราะว่า
ตัวละครลูกค้าหญิงคนนี้ดูมีมิติหรือดูมีความลึกอะไรบางอย่างน่ะ ในขณะที่ลูกค้าอีกสองคนในเรื่องอาจจะเป็นตัวละครที่ดูแบนกว่าหน่อยนึง
--มีเรื่องฮาเล็กน้อยด้วย คือพอเราดูจบ คุณฌาธามก็มาขอบคุณเราที่มาดูละครเรื่องนี้
เราก็แอบคิดในใจว่า “มาขอบคุณเราทำไม คุณฌาธามเกี่ยวข้องอะไรกับละครเรื่องนี้เหรอ”
พอเรากลับถึงบ้าน เราก็เลยลองดูข้อมูลในหน้า event ของละครเรื่องนี้
แล้วก็พบว่าคุณฌาธามเล่นเป็นตัวละครตัวนึงในเรื่องนี่นา กรี๊ดดดดดดดด
เราจำไม่ได้เลยว่าเป็นคนเดียวกัน คุณฌาธามแสดงเก่งมากจริงๆค่ะ
--แต่เรารู้สึกว่าละครเวทีเรื่องนี้สั้นไปนะ เราอยากให้มันยาวกว่านี้อีกเท่านึง
555 ซึ่งจริงๆแล้วมันอาจจะเป็นเพราะว่าละครเรื่องนี้มันดีมากๆก็ได้
พอเราดูแล้วก็เลยรู้สึกว่ามันอร่อยมาก แต่มันยังไม่อิ่ม อยากซดต่ออีกสักจาน
No comments:
Post a Comment