Thursday, April 07, 2022

7.SUBARNAREKHA (1965, Ritwik Ghatak, India)

 

ONCE UPON A TIME IN BANGKOK, THERE USED TO BE CINEPHILIC HEAVENS CALLED “INTERNATIONAL FILM FESTIVALS”. (รำลึกถึงหนังที่ชอบสุด ๆ ที่เคยดูในเทศกาลภาพยนตร์ของพี่วิคเตอร์ เกรียงศักดิ์ ศิลากอง)

 

7.SUBARNAREKHA (1965, Ritwik Ghatak, India)

 

เราได้ดูหนังเรื่องนี้ในเทศกาลภาพยนตร์ Bangkok International Film Festival ในปี 2003 ที่พี่วิคเตอร์เป็น programmer ถือเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เราได้ดูหนังของ Ritwik Ghatak ปรมาจารย์ด้านภาพยนตร์จากอินเดีย

 

เหมือนก่อนหน้านั้นพอพูดถึงปรมาจารย์ด้านภาพยนตร์จากอินเดีย เราก็รู้จักแต่ Satyajit Ray น่ะ และถ้าหากพูดถึงหนังเก่า ๆ ของอินเดีย เราก็เคยดูแต่หนังของ Satyajit Ray ในช่วงนั้น เรียกได้ว่าความรู้เรื่องประวัติศาสตร์หนังอินเดียของเราต่ำมาก เหมือนเราแทบไม่เคยได้ยินชื่อของ Ritwit Ghatak, Shyam Benegal, Mani Kaul, Bimal Roy,  Mrinal Sen, etc. อะไรพวกนี้มาก่อนเลยด้วย จนกระทั่งเราได้มาดูหนังของ Ghatak ในงานนี้ เราถึงได้ตระหนักว่า อินเดียนี่ยังมีผู้กำกับระดับปรมาจารย์อีกหลายคนมาก ๆ ไม่ได้มีแค่ Satyajit Ray คนเดียว

 

ฉากนึงที่เราติดใจมาก ๆ ใน SUBARNAREKHA คือฉากที่ตัวละครนั่งรถไปในเมืองใหญ่ท่ามกลางแสงไฟนีออนมั้ง เหมือนเรามักจะถูกโฉลกกับฉากแสงไฟนีออนในเมืองใหญ่ในหนังเรื่องต่าง ๆ มากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในหนังขาวดำยุคเก่า ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม นอกจากหนังเรื่องนี้แล้ว เราก็ชอบฉากแสงไฟนีออนในเมืองใหญ่ใน ELEVATOR TO THE GALLOWS (1958, Louis Malle, France) กับใน THE BREAD OF THOSE EARLY YEARS (1962, Herbert Vesely, West Germany) มาก ๆ เลยด้วย

 

สิ่งหนึ่งที่เราฝังใจมาก ๆ กับ Ritwit Ghatak ก็คือว่า ในยุคนั้นร้านแว่นวิดีโอที่จตุจักร ออกดีวีดีหนังของ Ghatak มาขายด้วย ซึ่งก็คือเรื่อง SUBARNAREKHA กับ THE CLOUD-CAPPED STAR (1960) แต่มีเพื่อนคนนึงมาเมาท์มอยให้เราฟังว่า (ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นความจริงหรือเปล่า) หนังของ Ghatak ขายในไทยแทบไม่ได้เลย เหมือนนักดูหนังนอกกระแสหลายคนในไทยในยุคนั้นชอบดูแต่ “หนังรักโรแมนติกของเอเชีย” พวกหนังโรแมนติกของญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ไต้หวัน ดูแต่หนังแบบ CHRISTMAS IN AUGUST (1998, Hur Jin-ho) อะไรทำนองนี้ ส่วน Ghatak นั้น ต่อให้หนังของเขาจะดีเยี่ยมยอดสักเพียงใด นักดูหนังในไทยในยุคนั้นก็ไม่ค่อยสนใจจะดู ซึ่งเราฟังข่าวลือนี้แล้วก็แอบสงสารทั้งร้านแว่นวิดีโอ, Ritwit Ghatak และผู้กำกับระดับปรมาจารย์จากอินเดียคนอื่น ๆ มาก ๆ ที่ไม่ได้รับความสนใจมากเท่าที่ควรจากนักดูหนังชาวไทยในยุคนั้น

 

ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่เพื่อนเรามาเมาท์ให้ฟังนี้เป็นเรื่องจริงมากน้อยเพียงใดนะ แต่พอพูดถึง Ghatak ทีไร เราก็มักจะนึกถึงข่าวลือนี้ และเราก็ชอบจินตนาการเห็นภาพวิดีโอหรือดีวีดีหนังของ Ghatak วางอยู่บนแผง แต่มีฝุ่นจับเต็ม ไม่มีใครสนใจจะซื้อไป

 

อย่างไรก็ดี พอย้อนคิดถึงเรื่องนี้เราก็ดีใจเป็นอย่างมากที่นักดูหนังชาวไทยในปัจจุบันไม่เป็นเหมือนในอดีตแล้ว อย่างน้อย ๆ ก็ในบรรดาเพื่อน Facebook ของเรานี่แหละที่มีหลายคนตามดูหนังอินเดียทั้งในกระแสและนอกกระแสอย่างจริงจัง และเพื่อน ๆ หลายคนก็มีความรอบรู้เรื่องหนังอินเดียสูงกว่าเราอย่างมาก ๆ เราก็เลยดีใจที่ range ความสนใจของนักดูหนังชาวไทยในปัจจุบันมันดูกว้างขวางครอบคลุมกว่าในอดีตมาก ๆ

 

ส่วนเราเองก็ยังคงได้ดูหนังของ Ghatak แค่เรื่องนี้เรื่องเดียว, ดูหนังของ Shyam Benegal ไปหลายเรื่อง เพราะพี่วิคเตอร์เคยจัดงาน retrospective ของ Shyam Benegal ในปี 2008, ดูหนังของ Bimal Roy แค่เรื่องเดียว ซึ่งก็คือ TWO ACRES OF LAND (1953) , ดูหนังของ Mani Kaul แค่เรื่องเดียว ซึ่งก็คือ DUVIDHA (1973) และยังไม่ได้ดูหนังของ Mrinal Sen เลย สรุปตัวกูเองนี่แหละที่ไม่ค่อยได้ตามดูหนังของปรมาจารย์ภาพยนตร์ชาวอินเดีย 55555

No comments: