ONCE UPON A TIME IN BANGKOK, THERE USED TO BE CINEPHILIC HEAVENS CALLED “INTERNATIONAL FILM FESTIVALS”. (รำลึกถึงหนังที่ชอบสุด ๆ ที่เคยดูในเทศกาลภาพยนตร์ของพี่วิคเตอร์ เกรียงศักดิ์ ศิลากอง)
5. HOLE IN THE SKY (2001, Kazuyoshi
Kumakiri, Japan)
เราได้ดูหนังเรื่องนี้ในเทศกาลภาพยนตร์
Bangkok International Film Festival ในปี 2003 ที่พี่วิคเตอร์เป็น programmer จำได้ว่าชอบ
“บรรยากาศเปลี่ยวเหงา” ในหนังมาก ๆ ถ้าหากเราจำไม่ผิด เหมือนในยุคนั้นจะมีหนังที่เราชอบเรียกว่า
atmospheric film หรือ “หนังบรรยากาศ” ซึ่งมีทั้งที่เป็นหนังสั้น,
หนังทดลอง และหนังเล่าเรื่องแบบเรื่องนี้ หนังพวกนี้อาจจะไม่เน้น “การกระทำ” ของตัวละคร
หรือ “เหตุการณ์ดราม่ารุนแรง” แบบหนังเล่าเรื่องทั่วไป แต่มีการให้ความสำคัญกับบรรยากาศ
หรือพยายามสร้างอารมณ์ความรู้สึกจากบรรยากาศในหนังด้วย หรือใช้บรรยากาศในหนังในการสะท้อนจิตใจตัวละคร,
etc. ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่เราชอบมากในยุคนั้น และเป็นของที่หาดูไม่ง่ายนักในยุคนั้น
คือหนังพวกนี้มันยังไม่ใช่สิ่งที่ดาษดื่นในยุคนั้นน่ะ แต่จริง ๆ แล้วหนังพวกนี้มันมีมานานแล้วตั้งแต่
IL GRIDO (1957, Michelangelo Antonioni, Italy) เป็นอย่างน้อยล่ะมั้ง
55555 ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าหนังเล่าเรื่องที่เน้น “บรรยากาศ” เป็นหลักเรื่องแรก ๆ
มีหนังเรื่องอะไรอีกบ้าง
จำได้ว่ายุคนั้นเราคลั่งไคล้หนังพวกนี้มาก
ๆ และเหมือนยุคนั้นก็มีหนังบรรยากาศเปลี่ยวเหงาแบบนี้ที่เราชอบสุดๆ ออกมาหลายเรื่อง ทั้ง OUT OF TIME (1995, Andreas Kleinert, Germany),
TOKYO LULLABY (1997, Jun Ichikawa, Japan), CLOUDS OF MAY (1999, Nuri Bilge
Ceylan, Turkey) , AFTERNOON TIMES (2005, Tossapol Boonsinsukh), ULTRANOVA (2005, Bouli Lanners, Belgium),
INVISIBLE WAVES (2006, Pen-ek
Ratanaruang), RAIN DOGS
(2006, Ho Yuhang, Malaysia), EGG (2007, Semih Kaplanoglu, Turkey),etc.
นอกจาก HOLE IN THE SKY แล้ว
เราก็ประทับใจกับหนังญี่ปุ่นเรื่องอื่น ๆ ที่เราได้ดูในเทศกาลครั้งนั้นด้วย ทั้ง THE
LAMENT OF A LAMB (2001, Junji Hanado) กับหนังเลสเบียนเรื่อง THE
MARS CANON (2002, Shiori Kazama)
https://www.imdb.com/title/tt0777881/?ref_=nv_sr_srsg_0
เราเคยดูหนังของ Kazuyoshi Kumakiri อีกสองเรื่อง ซึ่งก็คือ MY
MAN (2014) กับ DIAS POLICE: DIRTY YELLOW BOYS (2016) ซึ่งก็ชอบมาก ๆ ทั้งสองเรื่องเลย โดยเฉพาะ MY MAN ที่มีทั้งเนื้อเรื่องที่ดราม่ารุนแรง
และ “บรรยากาศ” ในหนังก็ทรงพลังมาก ๆ เช่นกัน
No comments:
Post a Comment