Saturday, April 09, 2022

8. I’M GOING HOME (2001, Manoel de Oliveira, Portugal)

 

ONCE UPON A TIME IN BANGKOK, THERE USED TO BE CINEPHILIC HEAVENS CALLED “INTERNATIONAL FILM FESTIVAL” (รำลึกถึงหนังที่เราชอบสุด ๆ ที่เคยดูในเทศกาลภาพยนตร์ของพี่วิคเตอร์ เกรียงศักดิ์ ศิลากอง)

 

8. I’M GOING HOME  (2001, Manoel de Oliveira, Portugal)

 

เราได้ดูหนังเรื่องนี้ในเทศกาลภาพยนตร์ Bangkok International Film Festival ในช่วงต้นปี 2003 ที่มีพี่วิคเตอร์ เกรียงศักดิ์ ศิลากองเป็น programmer

 

ถือเป็นครั้งแรกในชีวิตของเราที่ได้ดูหนังของปรมาจารย์ท่านนี้จากโปรตุเกส ดูแล้วก็ชอบสุด ๆ นะ แต่ตอนนั้นรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มันดีเท่า ๆ กับ “หนังฝรั่งเศสดี ๆ” เรื่องนึงน่ะ คือมันดีมาก ชอบมาก แต่เหมือนมันยังไม่มีความโดดเด้งที่ทำให้หนังเรื่องนี้ดูแตกต่างจากหนังฝรั่งเศสดี ๆ เรื่องนึง

 

จนกระทั่งต่อมาเราได้ดู A TALKING PICTURE (2003, Manoel de Oliveira) ในเทศกาลภาพยนตร์ World Film Festival of Bangkok ของพี่วิคเตอร์นี่แหละ เราถึงได้ประจักษ์ด้วยตนเองว่า Oliveira นี่สุดจริง และมีความเฮี้ยนเป็นของตัวเองจริง ๆ กราบบบบบบบ

 

เสียดายมาก ๆ ที่เราได้ดูหนังของ Oliveira น้อยมาก ถึงแม้เราชอบเขาอย่างสุด ๆ เราว่าหนังของเขากับหนังของ Raoul Ruiz มันมี “มนตร์เสน่ห์แปลก ๆ”  บางอย่างที่เราบรรยายไม่ถูก ซึ่งเป็นมนตร์เสน่ห์แบบที่เราชอบสุดๆ

 

สรุปว่าตอนนี้เราได้ดูหนังของ Oliveira ไปแค่ 7 เรื่อง ซึ่งได้แก่

 

1.ANIKI BÓBÓ (1942)

2.NO, OR THE VAIN GLORY OF COMMAND (1990)

3.THE LETTER (1999)

4.I’M GOING HOME

5.A TALKING PICTURE

6.BELLE TOUJOURS (2006)

7.ECCENTRICITIES OF A BLONDE-HAIRED GIRL (2009)

 

แต่เขากำกับหนังไปแล้ว 65 เรื่อง ก็ได้แต่หวังว่าจะมีคนจัดงาน retrospective หนังของเขาในกรุงเทพ อยากดู THE SATIN SLIPPER (1985) ของเขามากที่สุด เพราะหนังเรื่องนี้มีความยาวเพียงแค่ 6 ชั่วโมง 50 นาที

 

พอพูดถึง Oliveira เราก็เลยนึกขึ้นมาได้ว่า มันมีคำอธิบายอะไรไหมว่า ทำไมหนังโปรตุเกสมันถึง “เฮี้ยน” กว่าหนังสเปน 55555 คือเราไม่มีความรู้เรื่องประวัติศาสตร์สเปนกับโปรตุเกสเลย เราเป็นคนนอก เราก็เลยมองว่าสองประเทศนี้มันน่าจะคล้าย ๆ กัน เพราะมันก็ตั้งอยู่ติดกัน นับถือคาทอลิกเหมือนกัน (ถ้าหากเราเข้าใจไม่ผิด) เคยล่าอาณานิคมเหมือนกัน อยู่ภายใต้ระอบเผด็จการในเวลาไล่เลี่ยกัน แต่ทำไมหนังของสองประเทศนี้ถึงออกมาแตกต่างกันมาก ๆ ดีกันไปคนละแบบ

 

เราว่าหนังสเปนที่เราเคยดูโดยส่วนใหญ่มันจะมีความร้อนแรงบางอย่าง และดูเป็นอะไรเนื้อ ๆ หนังๆ ทั้งหนังของ Luis García Berlanga (WELCOME, MR. MARSHALL!, PLÁCIDO), Carlos Saura, Pedro Almodovar, Bigas Luna, Julio Medem, Ventura Pons, Vicente Aranda, Álex de la Iglesia, Cesc Gay, etc. เหมือนหนังของผู้กำกับกลุ่มนี้มีอะไรบางอย่างร่วมกันที่มันดูสเปนมาก ๆ เราก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน

 

(แต่แน่นอนว่าผู้กำกับชาวสเปนบางคนก็อาจจะไม่เข้าข่ายด้านบน อย่างเช่น Luis Bunuel, Victor Erice, José Luis Guerin, Albert Serra)

 

แต่หนังโปรตุเกสที่เราดูหลาย ๆ เรื่องมันมี magic ที่แปลกประหลาดกว่าหนังสเปนน่ะ ซึ่งเราก็บอกไม่ถูกว่าไอ้ magic นี้มันคืออะไรกันแน่ มันเหมือนมี magic พิเศษบางอย่างในหนังโปรตุเกสที่ทำให้นึกถึงหนังของ Apichatpong Weerasethakul + Jacques Rivette +  Raoul Ruiz น่ะ เราก็เลยสงสัยว่าเพราะเหตุใดหนังโปรตุเกสถึงมีอะไรแบบนี้ แต่หนังสเปนไม่ค่อยมี

 

หนังโปรตุเกสที่เราว่ามี magic พิเศษบางอย่าง ก็รวมถึงหนังของ Edgar Pêra (THE BARON), João  Botelho (TRUE AND TENDER IS THE NORTH), João César Monteiro, João Pedro Rodrigues, Joaquim Sapinho, Manoel de Oliveira, Manuela Viegas, Miguel Gomes, Paulo Rocha, Pedro Costa, etc.

 

ก็เลยอยากรู้ว่าเพื่อน ๆ มีความเห็นอย่างไรบ้าง ทำไมหนังโปรตุเกสถึงเฮี้ยนกว่าหนังสเปน ปัจจัยอะไรทำให้มันเป็นแบบนี้

No comments: