Wednesday, September 11, 2019

WEATHERING WITH YOU (2019, Makoto Shinkai, Japan, animation, A+30)


WEATHERING WITH YOU (2019, Makoto Shinkai, Japan, animation, A+30)

spoilers alert

1.ชอบน้อยกว่า YOUR NAME ราว 10 เท่า แต่ก็ยังชอบมากอยู่ 555 จุดหลักที่ชอบก็คือความ "ต่วย'ตูนพิเศษ" หรือความอภินิหารเหนือธรรมชาติที่ยึดโยงกับตำนานปรัมปราโบราณในหนังเรื่องนี้น่ะ เพราะเหมือนกับว่าตอนเด็กๆเราเติบโตมากับการอ่านตำนานโบราณในนิตยสาร ต่วย'ตูนพิเศษ เราก็เลยชอบมากที่หนังเรื่องนี้มันมีองค์ประกอบอะไรทำนองนี้อยู่ ชอบการเอาตำนานความเชื่อโบราณมาดัดแปลงให้กลายเป็นหนังได้

คือตอนที่ดูหนังเรื่องนี้เราจะนึกไปถึงเรื่องราวมากมายที่เคยอ่านในนิตยสาร "ต่วยตูนพิเศษ" ที่ไม่เกี่ยวข้องกับหนังเรื่องนี้โดยตรง อย่างเช่นเรื่องที่ชาวบ้านในยุโรปเมื่อหลายร้อยปีก่อนเคยเล่าว่า เห็นก้อนเมฆก้อนใหญ่ลอยมา แล้วมีวังอยู่บนก้อนเมฆ มีผู้คนมากมายเต้นรำกันอยู่ในวังบนก้อนเมฆก้อนนั้น, เรื่องเล่าที่ว่า บางทีก็มีฝนตกลงมาเป็นกบ, เป็นงู, เป็นไม้กางเขนห่าใหญ่ อะไรทำนองนี้

ส่วนตำนานในหนังเรื่องนี้ที่ว่า หญิงสาวบางคนมีพลังในฐานะเป็น "สื่อกลาง" สามารถติดต่อกับท้องฟ้าเพื่อให้ฝนหยุดตกได้นั้น ทำให้นึกถึงความเชื่อของไทยเรื่องการให้สาวพรหมจรรย์ปักตะไคร้เลย 555 มันเหมือนกับว่าไทยก็เชื่ออะไรคล้ายๆกัน เพียงแต่ว่า "สื่อกลาง" ต้องเป็นหญิงพรหมจรรย์ และต้องใช้ "ตะไคร้" เป็นเหมือนเสานำสัญญาณเพื่อติดต่อกับท้องฟ้า แทนที่จะใช้จิตอธิษฐานของสาว X-MEN แบบในหนังเรื่องนี้

2.จุดที่ทำให้ชอบหนังเรื่องนี้ไม่มากเท่าที่ควร อาจจะเป็นเพราะว่า มันเล่นกับ "ความอภินิหาร" น้อยกว่าที่เราต้องการน่ะ คือช่วงครึ่งแรกมันดูมีตำนานโบราณอะไรเยอะดี แต่พอช่วงครึ่งหลัง หนังก็ใช้ประโยชน์จากการที่ "พระเอกเก็บปืนได้" และโยงเรื่องให้ตำรวจไล่ล่าพระเอกกับเพื่อนๆ ซึ่งการไล่ล่าอะไรแบบนี้มันดูเป็นเหมือนหนังแอคชั่น hollywood ที่เราดูแล้วรู้สึกเฉยชามากๆ
คือถ้าหากหนังเรื่องนี้มันจะเป็นหนังที่เข้าทางเรา เราก็ต้องการให้มันเล่นกับตำนานอภินิหารเยอะๆไปเลยน่ะ แบบว่า นางเอกเจอคู่ปรับเป็น 4 สาว "ลม ฟ้า ฝน ไฟ" จาก 4 ศาลเจ้าชินโตจาก 4 เกาะในญี่ปุ่นมาไล่ฆ่านางเอก อะไรทำนองนี้ 55555

3.พอดูจบแล้วรู้สึกปลงๆเหมือนตอนดู MELANCHOLIA (2011, Lars von Trier) แบบว่าโลกมันจะแตก ก็แตกไป โลกมันจะล่มสลาย ก็ล่มไป 55555 ซึ่งมันจะตรงข้ามกับความรู้สึกตอนดู THE SINKING OF JAPAN (2006, Shinji Higuchi) ที่มันจะให้ความรู้สึกถึงการดิ้นรนต่อสู้กับภัยธรรมชาติเพื่อความอยู่รอด

No comments: