CRIMSON PEAK (2015, Guillermo del
Toro, A+30)
ตอนที่ดูจะนึกถึงหนังหลายๆเรื่อง ตั้งแต่ THE PRINCE AND ME (2004, Martha Coolidge), COSMOPOLIS
(2012, David Cronenberg), ข้างหลังภาพ และขมิ้นกับปูน
เพราะหนังหรือนิยายกลุ่มนี้มันมีเนื้อหาบางส่วนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง “ศักดินา” กับ “เศรษฐีใหม่” หรือ “ชนชั้นกลาง” เหมือนๆกัน โดยใน THE PRINCE AND
ME, COSMOPOLIS และข้างหลังภาพนั้น ความสัมพันธ์จะดำเนินไปในทางบวก อย่างเช่นใน COSMOPOLIS พระเอกที่เป็นเศรษฐีใหม่ได้แต่งงานกับผู้หญิงที่เป็นเหมือนชนชั้นศักดินาจากยุโรป
และพอพระเอกมีท่าทีจะล้มละลาย ตัวภรรยาก็บอกว่าเธอสามารถให้เงินช่วยเหลือพระเอกได้
แต่ต้องหย่ากัน อะไรทำนองนี้ แต่สิ่งที่เราชอบมากๆใน CRIMSON PEAK ก็คือว่า ความสัมพันธ์ระหว่างศักดินากับเศรษฐีใหม่ในหนังเรื่องนี้
ดูเหมือนจะเป็นไปในทางปฏิปักษ์ต่อกันอย่างรุนแรงมากๆ
และหนังนำเสนอการล่มสลายของชนชั้นศักดินาได้ในแบบที่สะใจเราอย่างสุดๆ
ถึงแม้หนังอาจจะไม่ได้ตั้งใจเช่นนั้นก็ตาม
SPOILERS ALERT
--
--
--
--
--
1.ตอนแรกที่ดูจะนึกถึงนิยายของจินตวีร์
วิวัธน์ และหนังแนว gothic horror อย่าง THE WOMAN IN
BLACK 2: ANGEL OF DEATH (2014, Tom Harper, A+30) เพราะมันใช้ setting
คล้ายๆกัน
2.แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือ หนังส่งสัญญาณในช่วงต้นเรื่องว่า
2.1 นางเอกเขียนนิยายที่มีผี แต่เธอย้ำว่า ผีไม่สำคัญในนิยายของเธอ ผีเป็นแค่ metaphor ถึงอดีตเท่านั้น ซึ่งสิ่งนี้มันสะท้อนตัวหนังเรื่องนี้ด้วย เพราะผีในหนังเรื่องนี้ไม่ได้มีบทบาทเป็นตัวร้ายหลักของเรื่องเหมือนอย่างหนัง
gothic horror เรื่องอื่นๆ
2.2 นางเอกแสดงท่าทีเหมือนเกลียดชังชนชั้นศักดินาในช่วงต้นเรื่อง
โดยเธอแสดงความเห็นว่าพวกศักดินาเก่าในยุโรปเป็นพวกเอารัดเอาเปรียบคนจน
ซึ่งบทสนทนาแบบนี้มันฟังแล้วสะดุดหูมากๆ เพราะมันไม่ค่อยเจอในหนัง/นิยาย
gothic horror เรื่องอื่นๆ และอะไรที่มัน “โดดขึ้นมาจากสิ่งที่พบเห็นได้ตามปกติใน genre ของมัน”
นี่แหละ ที่มันมักจะสะท้อนสิ่งที่น่าสนใจมากๆในตัวหนังเรื่องนั้น
และหนังก็แสดงให้เห็นว่า พอนางเอกทรยศต่ออุดมการณ์ “เกลียดชนชั้นศักดินาเก่า” ของตนเองในช่วงต้นเรื่อง นางเอกก็ได้รับบทลงโทษอย่างไรบ้างในเวลาต่อมา
2.3 นางเอกแสดงท่าทีไม่ค่อยชอบนิยายของ
Jane Austen ในช่วงต้นเรื่องด้วย ซึ่งก็น่าสนใจดี
เพราะเนื้อเรื่องแบบ CRIMSON PEAK มันเหมือนเป็นการพลิกตลบเนื้อเรื่องทำนอง
PRIDE AND PREJUDICE ที่นางเอกได้พบรักกับหนุ่มผู้ดีเก่า
และ “สามารถประนีประนอมกับผู้ดีเก่าได้ในที่สุด ”
ซึ่งแน่นอนว่าปัจจัยดังกล่าวทำให้เราไม่ได้ชอบนิยายของ Jane
Austen มากนัก
3.ประเด็นเรื่องความสัมพันธ์ของคนสายเลือดเดียวกันในหนังเรื่องนี้
ก็ทำให้นึกถึงพวกราชวงศ์ยุคเก่าที่มีการแต่งงานกันระหว่างพี่น้องหรือภายในเครือญาติเดียวกันเองด้วย
4.เราไม่เห็นคนงานเหมืองในหนังเรื่องนี้
แต่สีแดงที่ซึมขึ้นมาจากพื้นดินใต้บ้านของศักดินาเก่า
ก็ทำให้เรานึกถึงอะไรพวกนี้โดยไม่ได้ตั้งใจ
5.สิ่งที่สะใจมากๆในตอนจบของหนังเรื่องนี้
ก็คือการใช้ “พลั่ว” เป็นอาวุธสังหารในท้ายที่สุด
เพราะพลั่วมันทำให้นึกถึงชนชั้นแรงงาน นึกถึงมือที่หยาบกร้านของชนชั้นแรงงานที่ต้องใช้พลั่วขุดดิน
(ซึ่งแตกต่างจากมืออันอ่อนนุ่มของโธมัส ชาร์ปในช่วงต้นเรื่อง)
จริงๆแล้ว CRIMSON PEAK อาจจะไม่ได้ตั้งใจพูดเรื่องชนชั้นศักดินา-เศรษฐีใหม่ก็ได้นะ
แต่มันทำให้เรานึกถึงโดยที่หนังไม่ได้ตั้งใจน่ะ
6.ตอนเด็กๆเราประหลาดใจมากๆว่าทำไมหลายๆคนถึงชอบละครทีวีเรื่อง
“บ้านทรายทอง” ทั้งๆที่เราดูแล้วไม่ชอบเลย แต่พอเราโตขึ้น แล้วเราได้ดูหนังอย่าง LA CEREMONIE (1995, Claude
Chabrol) และ CRIMSON PEAK มันก็เลยทำให้เราเข้าใจว่าทำไมเราไม่ชอบละครทีวีเรื่อง “บ้านทรายทอง” เพราะมันดูแล้วไม่สะใจน่ะ ถ้า “บ้านทรายทอง” มันจะสะใจเรา มันก็ต้องจบแบบ LA
CEREMONIE หรือ CRIMSON PEAK นี่แหละ
ตอนที่ดูจะนึกถึงหนังหลายๆเ
SPOILERS ALERT
--
--
--
--
--
1.ตอนแรกที่ดูจะนึกถึงนิยาย
2.แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือ หนังส่งสัญญาณในช่วงต้นเรื่
2.1 นางเอกเขียนนิยายที่มีผี แต่เธอย้ำว่า ผีไม่สำคัญในนิยายของเธอ ผีเป็นแค่ metaphor ถึงอดีตเท่านั้น ซึ่งสิ่งนี้มันสะท้อนตัวหนั
2.2 นางเอกแสดงท่าทีเหมือนเกลีย
และหนังก็แสดงให้เห็นว่า พอนางเอกทรยศต่ออุดมการณ์ “เกลียดชนชั้นศักดินาเก่า” ของตนเองในช่วงต้นเรื่อง นางเอกก็ได้รับบทลงโทษอย่าง
2.3 นางเอกแสดงท่าทีไม่ค่อยชอบน
3.ประเด็นเรื่องความสัมพันธ
4.เราไม่เห็นคนงานเหมืองในห
5.สิ่งที่สะใจมากๆในตอนจบขอ
จริงๆแล้ว CRIMSON PEAK อาจจะไม่ได้ตั้งใจพูดเรื่อง
6.ตอนเด็กๆเราประหลาดใจมากๆ
No comments:
Post a Comment